ดร.ฉัตรชัย ธนาฤดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เจพี ประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทได้เปิดตัวประกันภัยสำหรับรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า 100% (Electric Vehicle) โดยเริ่มจากรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น “บีวายดี อีซิกซ์” (BYD e6) จำนวน 101 คัน เพื่อใช้สำหรับภาคขนส่งสาธารณะครั้งแรกในประเทศไทย ในโครงการ Taxi VIP ของกรมการขนส่งทางบก ภายใต้ชื่อ “อีวี แท็กซี่ วีไอพี” (EV Taxi VIP) ซึ่งจะเริ่มให้บริการ ที่สนามบินสุวรรณภูมิตั้งแต่วันที่ 9 กันยายน 2561 เป็นต้นไป
“เจพี ประกันภัย รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับ 5 พันธมิตร ได้แก่ บริษัท ไรเซน เอนเนอร์จี จำกัด ผู้นำเข้ายานยนต์ไฟฟ้า บีวายดี (BYD) โดยคุณอภิชาติ ลีนุตพงษ์ ผู้คร่ำหวอดในแวดวงยานยนต์ของประเทศไทย ร่วมด้วย บริษัท ซัสโก้ จำกัด (มหาชน), บริษัท อีวี โซไซตี้ จำกัด, EA Anywhere และบีวายดี ออโต้ ผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าอันดับหนึ่งของโลกจากประเทศจีน เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนให้ Ecosystem เกิดขึ้นในประเทศไทยอย่างสมบูรณ์แบบ ตอบรับ เทรนด์ของผู้บริโภคยุค 4.0 ที่ต้องการใช้พลังงานทางเลือก ลดการพึ่งพาน้ำมันเชื้อเพลิง พร้อมทั้งดูแลสิ่งแวดล้อม โดยมีแผนที่จะส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้า อีวี แท็กซี่ วีไอพี ในไทยให้ถึง 1,000 คัน ภายใน 2 ปี รวมถึงเร็วๆ นี้ จะมีการเปิดตัว ยานยนต์ไฟฟ้าประเภทอื่นๆ เช่น รถบัส รถโฟล์คลิฟท์ (Forklift) ฯลฯ ซึ่งจะทำให้เจพี ประกันภัย กลายเป็นผู้นำด้านการประกันภัยยานยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า 100% รายใหญ่ที่สุด ที่ครอบคลุมทั้งตัวรถ คนขับ และผู้โดยสาร ด้วยทุนประกันของทรัพย์สิน และชีวิตของบุคคลภายนอก สูงสุด ถึง 20 ล้านบาท”
ปัจจุบันทั่วโลกมียานยนต์ไฟฟ้ามากกว่า 3,000,000 คัน และมีแนวโน้มที่จะขยายตัวมากขึ้นในหลายประเทศ สำหรับประเทศไทยในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2561 มียอดจดทะเบียนรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าทุกประเภทอยู่ที่ 7,129 คัน ขยายตัวเพิ่มขึ้นกว่าช่วงเดียวกันในปีก่อนประมาณ 59% และมีแนวโน้มจะปรับเพิ่มขึ้นอีกอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการที่ภาครัฐมุ่งส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศให้ได้ 1,200,000 คัน ภายในปี พ.ศ. 2579 เพื่อลดการใช้พลังงาน ตามนโยบายพลังงานยุค 4.0 พร้อมสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เช่น สถานีอัดประจุไฟฟ้าที่จะมีให้บริการครอบคลุมทั่วประเทศ ส่งผลให้ตลาดประกันภัยยานยนต์ไฟฟ้าทั้งรถยนต์ส่วนบุคคล และรถยนต์เพื่อการขนส่งสาธารณะมีแนวโน้มที่สดใส ขณะเดียวกันแนวโน้มต้นทุนของแบตเตอรี่ ที่เป็นส่วนสำคัญของยานยนต์ไฟฟ้านั้นลดลง 10-12% ทุกปี ซึ่งจะส่งผลต่อราคาของยานยนต์ไฟฟ้าในอนาคตนั้นลดลง รวมไปถึงอัตราค่าเบี้ยประกันภัยสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าก็จะลดลงด้วยเช่นกัน
“บริษัทเองมีความเชื่อมั่นในประสิทธิภาพของยานยนต์ภายใต้แบรนด์ บีวายดี ว่ามีมาตรฐานการผลิตที่มีความเสถียรและปลอดภัยระดับโลก จึงทำให้เราไม่ลังเลที่จะมาร่วมสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้แก่อุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทยในครั้งนี้ นอกจากนี้ เรากำลังเร่งศึกษาและพัฒนาโปรดักส์ เพื่อสร้างโซลูชั่นใหม่ๆ ให้กับธุรกิจประกันภัย ที่สามารถนำมาปรับใช้ได้จริง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคยุค 4.0 ได้อย่างตรงใจ ไม่ว่าจะเป็นการประกันภัยสำหรับยานยนต์พลังงานไฟฟ้า (Electric Vehicle) แบบครบวงจร รวมถึงการประกันภัย ยานยนต์แบบไร้คนขับ (Autonomous Vehicle) เพื่อตอบรับเทรนด์แห่งโลกอนาคต สอดคล้องกับกลยุทธ์ของบริษัทที่มุ่งสู่การเป็นผู้นำนวัตกรรมทางด้าน InsurTech อย่างแท้จริง” ดร.ฉัตรชัย กล่าวในตอนท้าย