ตลาดยาแนวโน้มรุ่ง “ไบโอฟาร์ม” จ่อคิวผลิตภัณฑ์สมุนไพรสู่ตลาดโลก

202

จากจำนวนประชากรโดยเฉพาะผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้น การเข้าถึงช่องทางการรักษาที่ดีขึ้นภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า และ การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ของประเทศไทยที่มีแนวโน้มขยายตัว รวมถึงนโยบายส่งเสริมการลงทุนของบีโอไอที่ให้สิทธิประโยชน์กับอุตสาหกรรมยาเพื่อช่วยลดภาระต้นทุนของผู้ผลิตยา ส่งผลให้ภาพรวมของอุตสาหกรรมยาในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2561 มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

เหล่านี้คือปัจจัยที่ บริษัท ไบโอฟาร์ม เคมิคัลส์ จำกัด ผู้จัดจำหน่ายเวชภัณฑ์คุณภาพชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งกำลังเข้าสู่ปีที่ 45 ในปีหน้า ได้ออกมาประกาศแผนการเติบโตทางธุรกิจ จากการขยายช่องทางการจำหน่าย และการวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์ยาและสมุนไพร เพื่อขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ

นายวีระพัฒน์ ถกลศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไบโอฟาร์ม เคมิคัลส์ จำกัด ผู้จัดจำหน่ายเวชภัณฑ์คุณภาพชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศ เปิดเผยถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจในครึ่งปีหลังปี 2561 ซึ่งเป็นการนับถอยหลังเพื่อฉลอง  ปีที่ 45 ของไบโอฟาร์มในปี 2562 ว่า ไบโอฟาร์มจะมีการเคลื่อนไหวสำคัญหลายด้าน โดยจะมี การขยายตลาด Modern Trade และ Convenience Store รวมไปถึงการเพิ่มช่องทางการสั่งซื้อทางอินเทอร์เน็ตผ่านทาง Biopharmshop.com และ Lazada เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้บริโภค โดยมียาลดกรดในกระเพาะอาหาร Belcid Forte เป็นตัวชูโรง

ไบโอฟาร์มจะมีการเปิดตัวบรรจุภัณฑ์ใหม่ ของผลิตภัณฑ์อาหารเสริมแคลเซียม Calvin Plus รวมทั้งจะเปิดตัวบรรจุภัณฑ์ใหม่ สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอื่นๆ โดยคาดว่าจะมีการนำบรรจุภัณฑ์ใหม่มาใช้ในกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารครบทุกสินค้าในปี 2562 ซึ่งเป็นปีที่ครบรอบ 45 ปีของไบโอฟาร์ม

นอกจากนี้  ไบโอฟาร์มจะ ร่วมกับกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์จากสมุนไพร เพื่อส่งเสริมให้มีการใช้ยาสมุนไพรในโรงพยาบาลและต่างประเทศเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นช่องทางจำหน่ายที่เป็นจุดแข็งของไบโอฟาร์มมาตลอดกว่า 40 ปี และไบโอฟาร์มยังได้เตรียม เข้าร่วมงานนิทรรศการแสดงสินค้าและวัตถุดิบทางยาในระดับนานาชาติ (CPhI 2019) ที่จะจัดขึ้นต้นปีหน้าที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งนับเป็นโอกาสอันดีของประเทศไทยที่จะแสดงศักยภาพและมาตรฐานของอุตสาหกรรมยาสู่สายตาชาวโลก

สำหรับตลาดต่างประเทศ มีแผนที่จะขยายไปสู่กลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) อาทิ เมียนมาร์  เวียดนาม และสปป.ลาว ซึ่งคาดว่าจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จากที่ก่อนหน้านี้ประสบความสำเร็จในการเข้าไปเปิดตลาดในประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ มาแล้ว นอกจากนี้ ไบโอฟาร์มยังเตรียมขยายตลาดไปยังกลุ่มประเทศสหภาพยุโรปเพิ่มเติมอีก 1-2 ประเทศ ซึ่งผลิตภัณฑ์ของไบโอฟาร์มนั้นมีคุณภาพสูงพอที่จะเข้าไปเปิดตลาดได้ภายใน 1-2 ปีข้างหน้า

“ผลสำเร็จของการทำตลาดในช่วงครึ่งปีแรก และแผนงานที่แข็งแกร่งที่จะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ทำให้คาดว่าในปีนี้ ไบโอฟาร์มจะมีการเติบโตพอสมควร อย่างไรก็ตามเราไม่ได้หวังการเติบโตแบบก้าวกระโดดมากนัก แต่สิ่งที่เราจะเน้นในการดำเนินธุรกิจในปีที่ 45 คือ การส่งเสริมให้เกิดการกระจายของยาคุณภาพสูงในสังคมมากขึ้น รวมทั้งการสนับสนุนระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า และกรอบความคิดเวชศาสตร์ครอบครัว เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงยาคุณภาพสูงทุกชุมชนและครัวเรือน ตลอดจนการผลักดันผลิตภัณฑ์ยาและสมุนไพรไทยสู่ตลาด Mass และตลาดโลก โดยเราจะทำงานภายใต้ 3 แนวทางหลัก นั่นคือ การเพิ่มนวัตกรรม การประยุกต์ใช้ และการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ ซึ่งทั้ง 3 แนวทางจะถูกขับเคลื่อนอย่างถูกต้องและมีธรรมาภิบาล เพื่อส่งเสริมให้อุตสาหกรรมผลิตยาและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารของประเทศไทยเติบโตและแข่งขันได้ในตลาดสากล” นายวีระพัฒน์ กล่าว

นอกจากการขยายธุรกิจแล้ว ไบโอฟาร์มยังให้ความสำคัญกับการดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคมควบคู่กัน เพื่อให้คนไทยเข้าถึงยาคุณภาพสูงทุกชุมชนและครัวเรือน ผ่านโครงการ 45 ปี ไบโอฟาร์มเพื่อชุมชน โดยจะมีการมอบตู้ยาและเวชภัณฑ์ให้แก่หน่วยพิทักษ์และรักษาพันธุ์สัตว์ป่าด้านผืนป่าตะวันตก จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเป็นการสานต่อความสำเร็จของโครงการตู้ยาไบโอฟาร์มเพื่อชุมชนที่ดำเนินงานมาอย่างต่อเนื่องตลอด 3 ปีที่ผ่านมา โดยตั้งเป้าหมายที่จะมอบตู้ยาให้ครบ 450 ตู้ในปี 2562 เพื่อฉลองครบรอบ 45 ปีไบโอฟาร์ม

“สำหรับครึ่งปีหลังของปีนี้ ภาพรวมของอุตสาหกรรมยา รวมทั้งผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและสมุนไพรของไทย น่าจะมีแนวโน้มเติบโตขึ้นอีก โดยมีปัจจัยหนุนเช่นเดียวกับครึ่งปีแรก ประกอบกับความชัดเจนในการใช้ประโยชน์สำหรับยาที่ขึ้นบัญชีนวัตกรรมไทยสำหรับการจัดซื้อยาภาครัฐ รวมทั้งการเข้าถึงสื่อทางเลือกและอินเทอร์เน็ตของประชากรสูงอายุซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อ” นายวีระพัฒน์ กล่าวในตอนท้าย