ทีเอ็มบี จับมือ เชลล์ และ บางจากฯ เปิดตัวบัตรเครดิตน้ำมัน รับยุคสังคมไร้เงินสด

36

ทีเอ็มบี เปิดตัว บัตรเครดิตน้ำมันร่วม เชลล์ – บางจาก (Fleet Card) ตอบโจทย์ความต้องการให้ลูกค้าธุรกิจ ได้รับสิทธิประโยชน์และความสะดวกคล่องตัวที่มากกว่า ช่วยให้ลูกค้าธุรกิจบริหารจัดการค่าใช้จ่ายน้ำมันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ในยุคสังคมไร้เงินสด โดยสามารถใช้บัตรเครดิตน้ำมันได้ที่สถานีบริการน้ำมันเชลล์ และบางจาก กว่า 1,600 แห่งทั่วไทย

นายเสนธิป ศรีไพพรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารลูกค้าธุรกิจ ทีเอ็มบี กล่าวว่า “ทีเอ็มบี มีความตั้งใจเดินหน้าเพื่อ Make THE Difference อย่างต่อเนื่อง โดยการตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ด้วยผลิตภัณฑ์และบริการที่ใช้ง่ายและสะดวก เพื่อให้ลูกค้าของทีเอ็มบี ’ได้มากกว่า’ (Get MORE with TMB) ช่วยสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับการประกอบธุรกิจในยุคดิจิทัล โดยในครั้งนี้ ทีเอ็มบี ได้เปิดตัวบัตรเครดิตน้ำมันร่วม เชลล์ – บางจาก (Fleet Card) เป็นการช่วยอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าธุรกิจสามารถใช้บัตรเครดิตน้ำมันชำระเงินแทนเงินสด สำหรับค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการเติมน้ำมันหรือค่าบริการอื่นๆ ได้ที่สถานีบริการน้ำมันเชลล์ และบางจาก ครอบคลุมถึง 1,600 แห่งทั่วประเทศไทย”

ลูกค้าธุรกิจที่ใช้บัตรเครดิตน้ำมันร่วม เชลล์ – บางจาก จะสามารถบริหารจัดการค่าใช้จ่ายน้ำมันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยการกำหนดวงเงินสำหรับการเติมน้ำมัน ต่อครั้ง ต่อวัน ต่อสัปดาห์ หรือต่อเดือน กำหนดชนิดของผลิตภัณฑ์ที่จะเติมได้ นอกจากนี้ ยังสามารถดูรายการวงเงินคงเหลือรายบัตรได้แบบเรียลไทม์ และการใช้จ่ายบัตรเครดิตน้ำมัน ผ่าน Web Fleet Card ซึ่งเก็บรวบรวมข้อมูลในการเติมน้ำมันแต่ละครั้ง เช่น วัน เวลา ชื่อสถานีบริการน้ำมัน ปริมาณที่เติม (ลิตร) จำนวนเงิน (บาท) เลขกิโลเมตร และแสดงอัตราการสิ้นเปลืองของปริมาณน้ำมันต่อกิโลเมตร พร้อมมีข้อมูลรายละเอียดของสถานีบริการ ซึ่งลูกค้าธุรกิจสามารถนำข้อมูลไปขอคืนภาษีจากกรมสรรพากรได้สะดวกยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันบัตรเครดิตน้ำมันนี้ยังมีระยะเวลาปลอดดอกเบี้ยสูงสุดถึง 55 วันอีกด้วย

นางสาวอรอุทัย ณ เชียงใหม่ กรรมการบริหาร ธุรกิจการตลาดค้าปลีก บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า “ถือว่าเป็นการสร้างปรากฏการณ์ใหม่ของการทำธุรกรรมบัตรเครดิตน้ำมันครั้งแรกของเมืองไทย ที่เป็นความร่วมมือกันระหว่าง เชลล์ บางจากฯ และทีเอ็มบี สอดรับกลยุทธ์หลักของเชลล์ในการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกค้าในกลุ่มธุรกิจต่างๆ ที่ต้องการความสะดวกจากสถานีบริการของเชลล์ที่ตั้งอยู่ในเขตเศรษฐกิจ และจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญต่อการขนส่ง พร้อมด้วยเทคโนโลยีและคุณภาพของน้ำมันเชลล์ที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก สร้างความมั่นใจตลอดการเดินทางและการขนส่งให้ธุรกิจดำเนินไปอย่างราบรื่น รวมถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยของการเติมน้ำมันผ่านบัตรเครดิตน้ำมัน (Fleet Card) โดยไม่ต้องใช้เงินสด ช่วยลดปัญหาการทุจริต ทำให้ธุรกิจประหยัดค่าใช้จ่ายและบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ บัตรเครดิตน้ำมันร่วม เชลล์ – บางจาก จึงเป็นคำตอบสำหรับการทำธุรกิจในสังคมปัจจุบัน

ที่กำลังพัฒนาเป็นสังคมไร้เงินสด เชลล์มีความยินดีอย่างยิ่งในการเข้าร่วมเป็นพันธมิตรครั้งนี้ เพื่อช่วยเสริมความแข็งแกร่งของเครือข่ายสถานีบริการน้ำมันให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ เป็นการส่งมอบประสบการณ์ใหม่ของการใช้บัตรเครดิตน้ำมันฯ ให้ลูกค้าได้รับความสะดวกมากขึ้น ช่วยเติมเต็มความสุขตลอดการเดินทางให้กับลูกค้าทุกท่าน”

นายสมชัย เตชะวณิช ประธานเจ้าหน้าที่การตลาดและรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจการตลาด บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “จากทิศทางเศรษฐกิจไทยที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากการลงทุนของภาครัฐและการส่งออกที่ขยายตัว ประกอบกับช่วงที่ผ่านมาธุรกิจ E-commerce ได้เข้ามามีบทบาทในวิถีชีวิตของคนไทยมากขึ้น ส่งผลให้ธุรกิจโลจิสติกส์มีอัตราการขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยคาดการณ์ว่าในปีนี้ธุรกิจขนส่งสินค้าทางบกจะมีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 5 – 7 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ซึ่งสอดคล้องกับสถานการณ์การใช้น้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น โดยรายงานของกรมธุรกิจพลังงาน กระทรวงพลังงาน ระบุว่าในช่วงครึ่งปีแรก มีการใช้น้ำมันกลุ่มเบนซินและดีเซลรวมเฉลี่ยอยู่ที่ 98 ล้านลิตรต่อวัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน”

ด้วยเหตุผลดังกล่าว บางจากฯ จึงได้พัฒนาสถานีบริการน้ำมันอย่างต่อเนื่องเพื่อให้พร้อมรองรับการเติบโตของภาคคมนาคมขนส่ง ด้วยการเพิ่มจำนวนสถานีบริการน้ำมันขนาดใหญ่บนเส้นทางถนนสายหลัก มีพื้นที่กว้างขวางและมีธุรกิจเสริม เช่น ร้านสะดวกซื้อ ร้านกาแฟอินทนิล เป็นต้น รวมทั้งบริการเสริมครบครัน เป็นจุดพักรถ – พักคนได้เป็นอย่างดี นอกจากนั้นบางจากฯ ยังได้จัดทำระบบบัตรเครดิตน้ำมันฟลีทการ์ด เพื่ออำนวยความสะดวกในการชำระค่าน้ำมันแทนเงินสด และยังได้เครดิตสูงสุดถึง 55 วัน รวมทั้งมีระบบรายงานที่เป็นประโยชน์แก่ผู้ประกอบการขนส่ง หน่วยราชการ และนิติบุคคล ในการบริหารจัดการการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งสามารถใช้บริการได้ที่สถานีบริการน้ำมันบางจากที่ปัจจุบันมีมากกว่า 1,100 แห่ง ทั้งบนเส้นทางสายหลักและสายรอง ครอบคลุมทุกภูมิภาค และมีแผนขยายเพิ่มเป็นกว่า 1,500 แห่ง ภายในปี 2566 และในโอกาสนี้ บางจากฯ มีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับบริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด และธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทีเอ็มบี ออก “บัตรเครดิตน้ำมันฟลีทการ์ด Co-brand บางจาก-เชลล์ ภายใต้ระบบของทีเอ็มบี” เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกด้านสถานีบริการให้หลากหลายและครอบคลุมพื้นที่แก่ธุรกิจขนส่งมากยิ่งขึ้น

นายสมชัยกล่าวต่อไปว่านอกจากบัตรฟลีทการ์ด บางจากฯ ยังร่วมกับทีเอ็มบี ออกบัตรพรีเพด (Prepaid) และบัตรพรีเพดพลัส (Prepaid plus) ซึ่งเป็นบัตรเงินสดเติมน้ำมันประเภทเติมเงิน เพื่อเป็นทางเลือกและรองรับลูกค้ากลุ่มขนส่งที่ต้องการความคล่องตัวในการบริหารจัดการค่าน้ำมันเชื้อเพลิง โดยสามารถเติมเงินได้หลายช่องทาง และยังมีระบบรายงานการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเช่นเดียวกับบัตรฟลีทการ์ดอีกด้วย