เพราะการกิน ดื่ม เที่ยว เป็นเรื่องเดียวกัน โลกของการท่องเที่ยวในวันนี้จึงไม่ได้มีเพียงสถานที่อันสวยงามให้เราได้สัมผัส แต่รวมถึงรสชาติจากวัฒนธรรมการกินดื่มของแต่ละสถานที่ และมีการสร้างสรรค์กิจกรรมที่รวบรวมการกินดื่มเที่ยวเข้าไว้ยิ่งใหญ่ในหลายแห่ง รวมทั้งงาน Hong Kong Wine & Dine Festival ซึ่งจัดมาต่อเนื่องเป็นปีที่ 10 แล้ว
การท่องเที่ยวฮ่องกง และธนาคาร China Construction Bank (Asia) ในฐานะผู้สนับสนุนหลักต่อเนื่องกันเป็นปีที่ห้า เตรียมจัดงานเทศกาล CCB (Asia) Hong Kong Wine & Dine Festival ครั้งที่ 10 ในปีนี้ และเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองการครบรอบปีที่ 10 ของการจัดงาน การท่องเที่ยวฮ่องกงเตรียมผสานทุกองค์ประกอบของปาร์ตี้แห่งความรื่นรมย์สนุกสนานเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อรังสรรค์งานเทศกาลไวน์แอนด์ไดน์ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในฮ่องกง พร้อมส่งมอบความบันเทิงเพลิดเพลินและประสบการณ์แห่งรสชาติชั้นเยี่ยมของอาหารและไวน์ ตลอดการจัดงานทั้ง 4 วัน แก่ชาวฮ่องกงและนักท่องเที่ยว
เทศกาล Hong Kong Wine & Dine Festival 2018 จะจัดขึ้นระหว่างวันพฤหัสบดีที่ 25 ถึงวันอาทิตย์ที่ 28 ตุลาคมนี้ บนพื้นที่ขนาดใหญ่ครอบคลุมตั้งแต่บริเวณลานกิจกรรมเซ็นทรัล ฮาร์เบอร์ฟรอนท์ ไปจนถึง Tamar Park ซึ่งใหญ่กว่าพื้นที่จัดงานปีที่แล้วถึง 20% และอัดแน่นไปด้วยบูธไวน์และอาหารชั้นเลิศราว 450 บูธ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 10% โดยไฮไลท์สำคัญในงานครั้งนี้ มีดังนี้
“อาหารมื้อค่ำระดับมิชลินสตาร์ 10 ดาว” @ “Tasting Room”
บรรดาเชฟระดับมิชลินสตาร์ 5 ท่าน จากประเทศจีนและต่างประเทศ เตรียมเดินทางสู่ฮ่องกงเพื่อร่วมนำเสนอเมนูอาหารค่ำในรายการ “10-Michelin-starred Dinner” ณ “Tasting Room” เชฟรับเชิญทั้งห้าท่าน ซึ่งได้รับรางวัลมิชลินสตาร์รวม 8 ดาว จะร่วมแสดงฝีมือกับเชฟชื่อดังชาวฮ่องกงสองท่านจากภัตตาคารที่ได้รับรางวัลมิชลินสตาร์หนึ่งดาว Man Wah และ Mandarin Grill + Bar เพื่อรังสรรค์มื้ออาหารคู่กับไวน์ที่ผู้คนต่างตั้งตารอที่จะได้ลิ้มลอง สำหรับอาหารทั้งแปดคอร์สจะผสมผสานความเป็นจีน ไทย และฝรั่งเศสเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว โดยก่อนหน้านี้ สุดยอดเชฟต่างชาติทั้งสี่ท่านได้เดินทางมายังฮ่องกงเพื่อค้นหาแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์เมนูอาหารครั้งนี้ด้วย
เชฟรับเชิญชื่อดังทั้งห้าท่าน ประกอบด้วย
1.Pierre Gagnaire เชฟชาวฝรั่งเศสชื่อดังระดับโลกแห่งภัตตาคาร “Pierre” ที่ได้รับรางวัลมิชลินสตาร์ระดับสองดาว ตั้งอยู่ในโรงแรมแมนดารินโอเรียนเต็ล ฮ่องกง
2.เชฟบี สระทองอุ่น แห่ง “Paste Bangkok” ภัตตาคารในกรุงเทพมหานครที่ได้รับรางวัลมิชลินสตาร์ระดับหนึ่งดาว เชฟบียังได้รับรางวัล Asia’s Best Female Chef 2018 จาก “Asia’s 50 Best Restaurants” อีกด้วย
- เชฟชาวจีน Lin Cheng Ching เจ้าของตำแหน่ง Executive Chef แห่งภัตตาคาร “The Guest House” ในไต้หวันที่ได้รับรางวัลมิชลินสตาร์ระดับสองดาว
- เชฟ Kentaro Chen เจ้าของตำแหน่ง Executive Chef แห่งภัตตาคาร “Shisen Hanten” ในสิงคโปร์ที่ได้รับรางวัลมิชลินสตาร์สองดาว
- เชฟ George Chen แห่งภัตตาคาร “Wujie” ซึ่งได้รับรางวัลมิชลินสตาร์หนึ่งดาว ตั้งอยู่ในย่าน The Bund ของเซี่ยงไฮ้
Limited 10th Edition
ทุก ๆ ปีจะมีองค์ประกอบใหม่ ๆ เพื่อสร้างสีสันภายในเทศกาล และปีนี้ก็เช่นกัน ผู้จัดงานมีเป้าหมายที่จะสร้างเซอร์ไพร์สให้กับผู้ร่วมงานด้วยลิสต์ไวน์และอาหารรสเลิศที่คัดสรรมาอย่างหลากหลาย ได้แก่ เมนูจากรายการ “Wine & Dine 10th Edition Specials” และ “2009 Vintage” ที่จะสร้างความประทับใจให้กับผู้ที่ชื่นชอบการดื่มไวน์ โดยรายการสุดเอ็กซ์คลูซีฟทั้งสองชุดนี้จะมีเฉพาะในปีนี้เท่านั้น ดังนี้
- Wine & Dine 10th Edition Specials : Happy 啤 Day (อ่านว่า “แฮปปี้เบิร์ธเดย์”) (เบียร์ chocolate imperial stout หมักในถังเหล้าเบอร์เบินและบรั่นดี) และ Favilla fuji (Baileys Chocolat luxe) รับรองว่าแพ็คเกจที่สวยงามโดดเด่นของผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะต้องเรียกความสนใจได้อย่างแน่นอน
- 2009 Vintage : ซีรีส์ที่ออกมาเพื่อเป็นการระลึกถึงปีที่เริ่มจัดเทศกาล Wine and Dine Festival เป็นครั้งแรก ประกอบด้วยรายการไวน์แดงระดับคุณภาพ ‘100-Point’ คัดสรรโดย Robert Parker
สำหรับในส่วนของอาหาร โซนที่เพิ่มขึ้นมาใหม่สองโซน คือ “International Street Eats” และ “Coffee Fiesta” จะนำรสชาติใหม่ ๆ ให้คุณได้สัมผัส ดังนี้
- โซน International Street Eats : นำเสนอเมนูอาหารที่กำลังเป็นที่นิยมในฮ่องกง ได้แก่ก๋วยเตี๋ยวเนื้อ Jiu-Wu จากไต้หวัน นอกจากนี้ยังมีอาหารท้องถิ่นชั้นเลิศจากเจ็ดภูมิภาค รวมถึง เกาหลี ยุโรป และละตินอเมริกา ซึ่งเป็นการนำรสชาติจากทั่วทุกมุมโลกมาเสิร์ฟถึงโต๊ะอาหารของคุณ
- โซน Coffee Fiesta : รวบรวมร้านกาแฟและเบเกอรี่ชื่อดังในฮ่องกง เช่น ร้าน Coco Espresso โดยบาริสต้าระดับแชมป์ ร้าน Say Hey Bakery เชฟเบเกอรี่ที่มีรางวัลการันตี และร้าน Alice Wild Luscious ร้านขนมหวานของเซเลบริตี้ชื่อดัง ทั้งหมดนี้ ก็เพื่อมอบประสบการณ์สุดประทับใจแก่ผู้เข้าร่วมงานให้ได้ลิ้มลองอาหารสุดพิเศษพร้อมกับชิมไวน์เลิศรส
Perfect 10 Passport
ในปีนี้ จะมี “Perfect 10 Passport” เพื่อเชิญชวนให้ผู้เยี่ยมชมงานสัมผัสกับอาหารชั้นเลิศหลากหลายเมนูคู่กับไวน์แบบต่าง ๆ นอกเหนือจากโทเค็นไวน์แล้ว ผู้ถือ Perfect 10 Passport จะได้รับโทเค็นอาหาร เพื่อให้ผู้เข้าร่วมงานทดลองจับคู่ไวน์กับเมนูอาหารอย่างสร้างสรรค์ร่วมกับครอบครัวและเพื่อน ๆ นอกจากนี้ ผู้ถือ Perfect 10 Passport ยังจะได้รับเครื่องดื่มต้อนรับและแก้วไวน์รุ่น 10th edition limited ซึ่งควรค่าแก่การเก็บสะสมสำหรับผู้เชี่ยวชาญเรื่องไวน์ทุกท่าน
ของขวัญมูลค่ากว่า 1 ล้านดอลลาร์เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบปีที่ 10
งานเลี้ยงวันเกิดคงจะสมบูรณ์ไปไม่ได้หากขาดการแสดงและของขวัญ ตลอดระยะเวลาสี่วัน จะมีการแสดงจากนักดนตรีและนักแสดงเปิดหมวกภายในงาน รวมทั้งการแสดงดนตรีสดบนเวทีหลักในช่วงเย็นของแต่ละวัน นอกจากนี้ ในแต่ละวันจะมีช่วงของการเล่นเกมแจกของรางวัลต่าง ๆ เช่น ตั๋วเครื่องบิน ไวน์ โทเค็นสำหรับอาหารและไวน์ รวมมูลค่ากว่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ยิ่งไปกว่านั้น ลิสต์ไวน์ระดับพรีเมี่ยมประจำปีนี้จะเพิ่มมากขึ้นกว่าทุกปี ทั้งไวน์ชั้นดีจาก chateau ในหลากหลายประเทศและภูมิภาคที่มาร่วมงานเทศกาลฮ่องกง ไวน์แอนด์ไดน์ เป็นครั้งแรก อาทิ แคว้นเบอร์กันดี ประเทศโครเอเชีย และรัสเซีย เอาใจต่อมลิ้มรสของเหล่าแขกผู้ร่วมงานทุกท่าน รวมถึงโซนที่ได้รับเสียงชื่นชมจากผู้ร่วมงานอย่างล้นหลามเมื่อปีที่แล้วอย่าง “Robert Parker Wine Advocate Pavilion”, “FeedMe Lane” และ “The Concept Store” ก็จะกลับมาสร้างความสนุกสนานในปีนี้ด้วย ผู้ที่สนใจอยากซื้อไวน์ไปลิ้มลอง สามารถชำระเงินอย่างสะดวกสบายภายในงานด้วยระบบอีเพย์เมนท์ได้เลย
สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับเทศกาล CCB (Asia) Hong Kong Wine & Dine Festival สามารถไปที่เว็บไซต์ http://www.discoverhongkong.com/eng/winedinefestival/