การพยากรณ์โรคและภัยสุขภาพประจำสัปดาห์ (วันที่ 7 – 13 ต.ค. 61) โดยกรมควบคุมโรค คาดว่าจะพบผู้ป่วยโรคหัดเพิ่มขึ้น เนื่องจากในช่วงนี้เป็นปลายฝนต้นหนาว สภาพอากาศมีความแปรปรวนและเริ่มเย็นลง ทำให้เสี่ยงเจ็บป่วยได้ง่ายขึ้น ซึ่งในสัปดาห์ที่ผ่านมาพบผู้ป่วยโรคหัดมากขึ้นในกลุ่มวัยผู้ใหญ่ ซึ่งโรคหัด เกิดจากเชื้อไวรัสหัด หากผู้ใดไม่มีภูมิคุ้มกันแล้วรับเชื้อจะสามารถติดต่อกันได้ง่าย
นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า จากการเฝ้าระวังของกรมควบคุมโรค สถานการณ์ของโรคหัดในประเทศไทย พบว่าตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม–29 กันยายน 2561 พบผู้ป่วยแล้ว 2,149 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต กลุ่มอายุที่พบมากที่สุด คือ 15-24 ปี รองลงมาคือ 25-34 ปี และ 35-44 ปี ตามลำดับ ในสัปดาห์ที่ผ่านมา มีรายงานผู้ป่วยโรคหัดเป็นกลุ่มก้อน 2 เหตุการณ์ โดยเหตุการณ์แรกพบผู้ป่วยเป็นนักโทษในเรือนจำ 10 ราย และเหตุการณ์ที่สองพบผู้ป่วยเป็นนักเรียนและบุคลากรในโรงเรียน 32 ราย
การพยากรณ์โรคและภัยสุขภาพประจำสัปดาห์ คาดว่าจะพบผู้ป่วยโรคหัดเพิ่มขึ้น เนื่องจากในช่วงนี้เป็นปลายฝนต้นหนาว สภาพอากาศมีความแปรปรวนและเริ่มเย็นลง โดยโรคนี้พบได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ โดยเฉพาะในสถานที่ที่เป็นพื้นที่ปิดหรือผู้อาศัยร่วมบ้าน อาการที่พบบ่อย คือ “ไข้ออกผื่น” โดยมักมีอาการไข้ประมาณ 3 วัน แล้วเริ่มมีผื่นแดงขึ้นตามตัว อาจมีอาการคันได้บ้าง โดยผื่นเริ่มขึ้นจากศีรษะ ก่อนที่จะขยายลงมาที่ใบหน้า ลำตัวและแขนขา ตามลำดับ
ในรายที่ไม่มีภาวะแทรกซ้อน ไข้จะค่อยๆ ลดลง และผื่นก็จะค่อยๆ หายไป ผิวหนังบริเวณที่เป็นผื่นมากอาจจะลอกหรือเปลี่ยนเป็นสีคล้ำขึ้นได้ ส่วนภาวะแทรกซ้อนที่อาจพบได้ คือ ท้องเสีย หูชั้นกลางอักเสบ ไปจนถึงภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น ปอดอักเสบ อาการชัก ไข้สมองอักเสบและอาจเสียชีวิตได้
กรมควบคุมโรค ขอแนะนำว่า โรคหัดเป็นโรคที่สามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีนตามแผนงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคของกระทรวงสาธารณสุข ผู้ปกครองควรพาเด็กไปรับวัคซีนป้องกันโรคตามกำหนด หากป่วยด้วยโรคหัดหรือสงสัยว่าเป็นโรคหัดควรรีบไปพบแพทย์ เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและเก็บตัวอย่างเลือดส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ สอบถามข้อมูลโทรสายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422