เครือข่ายสุขภาพ4ภาค ยื่นหนังสือจี้ สธ.ยุติการแก้ไข พ.ร.บ.สสส.ตามหาไอ้โม่งอยู่เบื้องหลัง ทุบทำลาย สสส. เอื้อประโยชน์ทุนสินค้าทำลายสุขภาพ ประเคนให้กระทรวงคลังมีอำนาจ เหนือกรรมการบอร์ด ย้อนยุคกลับไปอยู่ใต้ระบบราชการ เตรียมเข้ายื่นนายกฯ หากยังไร้ความคืบหน้า
นายเจกะพันธ์ พรหมมงคล ผู้ประสานงานขบวนการสร้างเสริมสุขภาพภาคประชาชน ภาคใต้ (ขสช.) นำตัวแทนเครือข่าย จาก 4ภาค กว่า 100คน ยื่นหนังสือถึงนายแพทย์ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ผ่านทาง นางสุทธิมา หุ่นดี คณะทำงาน รมว.สธ. เพื่อแสดงจุดยืนขอให้ยุติการแก้ไข พ.ร.บ.กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ พ.ศ.2544 ที่เครือข่ายพบว่ามีเจตนาลดทอนความเข้มแข็งของภาคประชาชน ที่ตื่นตัวลุกขึ้นมาช่วยภาครัฐในการสร้างเสริมสุขภาพของประชาชน ด้วยการจำกัดวงเงินเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุนทำลายสุขภาพ ประเคนอำนาจจากกรรมการบอร์ด ให้ต้องนำไปผ่านความเห็นชอบของ กระทรวงการคลัง ทำให้กระบวนการทำงานต่างๆที่เคยคล่องตัว ปิดจุดอ่อนของระบบราชการในการเข้าถึงประชาชน ถอยหลังกลับไปอยู่ใต้ระบบราชการ ขัดแย้งกับกฎบัตรออตตาวา ตลอดจนขัดแย้งกับยุทธศาสตร์ชาติในหลายมิติอย่างชัดเจน ทั้งนี้เครือข่ายฯได้ร่วมกันทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ “หยุดทำลาย หลักการสร้างนำซ่อม”
นายเจกะพันธ์ กล่าวว่า จากการที่นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ มีบัญชาให้แก้ไขพระราชบัญญัติการสร้างเสริมสุขภาพ พ.ศ.2544 เพื่อความยั่งยืน โดยกระทรวงการคลัง กระทรวงยุติธรรม และกระทรวงสาธารณสุข ได้ร่วมดำเนินการแก้ไขพระราชบัญญัติฉบับนี้ สวนทางกับโจทย์ความยั่งยืนตามดำริของนายก ด้วยการกำหนดให้มีการนำระบบราชการเข้ามาบริหารจัดการกองทุน สสส. ตลอดจนการจำกัดเพดานเงิน โดยเร่งรีบให้มีการนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีและสภานิติบัญญัติอย่างมีข้อกังขา
นายเจกะพันธ์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ ขสช. ประกอบด้วยกลุ่ม องค์กร บุคคล ในส่วนของภาคประชาชน ด้านเด็ก เยาวชน ครอบครัว สตรี คนพิการ ผู้สูงอายุ แรงงานนอกระบบ ผู้บริโภค คนจนเมืองและชนบท กลุ่มชาติพันธุ์ กลุ่มเกษตร ความมั่นคงทางอาหาร ฯลฯ ได้ประชุมร่วมกันทั้ง 4 ภาค ระหว่างวันที่ 8 -26 ตุลาคม 2561 มีความเห็นร่วมกันว่า การแก้ไขกฎหมาย สสส. เพื่อให้การบริหารจัดการกองทุน สสส. อยู่ภายใต้ระบบราชการ จะเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการมีส่วนร่วมของประชาชนและชุมชนในการทำงานสร้างเสริมสุขภาพของประเทศ จึงมีจุดยืนร่วมกันเป็นเอกฉันท์ว่า ไม่เห็นด้วยต่อการแก้ไขกฎหมาย สสส. ครั้งนี้ อีกทั้งเห็นว่า ไม่มีเหตุผลที่รัฐบาลจะต้องเร่งรีบดำเนินการแก้ไขกฎหมายเพื่อให้มีผลบังคับใช้ภายในรัฐบาลชุดนี้ หากจะมีการปรับแก้ไขกฎหมายกองทุน สสส. เพื่อให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมมากขึ้น สมควรดำเนินการในขณะที่ประเทศไทยมีสภาผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้ง
“ขสช.พร้อมภาคีเครือข่ายทั้ง4 ภาค มีจุดยืนและข้อเรียกร้องต่อกระทรวงการสาธารณสุข คือ ขอให้ยุติกระบวนการการแก้ไขกฎหมาย สสส. ที่กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ทั้งหมด โดยขอให้กระทรวงสาธารณสุข ในฐานะเป็นหน่วยงานร่วมแก้กฎหมายฉบับนี้ ส่งข้อเรียกร้องนี้ ไปยังนายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. เพื่อให้ยกเลิกคำสั่งการแก้ไขพระราชบัญญัติกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ และขอให้กระทรวงมีคำตอบกลับมายัง ขสช. ภายในวันที่18 พฤศจิกายนนี้ และในระหว่างนี้เครือข่ายทั่วประเทศจะยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีผ่านทางผู้ว่าราชการจังหวัด หรือศูนย์ดำรงธรรมในพื้นที่ด้วย ซึ่งหากไม่มีความคืบหน้าในการยุติการแก้กฎหมายดังกล่าว ทางภาคีเครือข่ายทั้ง 4 ภาคจะร่วมกันยกระดับการขับเคลื่อนเพื่อเรียกร้อง ต่อนายกรัฐมนตรีโดยตรงที่ทำเนียบรัฐบาล ช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนนี้ต่อไป” ผู้ประสานงาน ขสช.ภาคใต้ กล่าว
ด้านนางสมควร งูพิมาย ผู้ประสานงานขบวนการสร้างเสริมสุขภาพประชาชน ภาคอีสาน กล่าวว่าตนในฐานะที่สูญเสียลูกชายจากคนเมาแล้วขับ และได้ลุกขึ้นมาร่วมกับงานภาคีเครือข่ายองค์กรงดเหล้า ได้รับการสนับสนุนจาก สสส. ทำงานช่วยเหลือเคสที่ได้รับผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เฝ้าระวังการบังคับใช้กฎหมาย จัดกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อเด็ก เยาวชนและชุมชนมากมาย ซึ่งเห็นได้ชัดว่าชุมชนได้รับประโยชน์จากโครงการต่างๆของ สสส. ในการสร้างเสริมสุขภาพของประชาชน ก่อนที่จะต้องไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลจากอาการเจ็บป่วย เห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน จึงรับไม่ได้ที่ทราบว่าจะมีการแก้ไขกฎหมาย สสส.ให้กลับไปอยู่ภายใต้ระบบราชการ ซึ่งเป็นการทุบทำลายเจตนารมณ์ของการเกิดกองทุนนี้อย่างสิ้นเชิง ทุกวันนี้กิจกรรมต่างๆก็มีความยากลำบากอยู่พอสมควรแล้ว งานเอกสาร การตรวจสอบต่างๆก็ไม่น้อย ก็ยังอยู่ในระดับที่รับได้ แต่หากใช้ระบบราชการมาจับ คงไม่มีใครอยากลุกขึ้นมาทำงานสร้างเสริมสุขภาพอีก ในสัปดาห์หน้าตนและเครือข่ายเยาวชน เครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากสุรา จะเข้าพบผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เพื่อยื่นหนังสือผ่านไปถึงนายกรัฐมนตรีให้ยุติการแก้ไข พ.ร.บ.สสส. ด้วย