Porsche 911 กับบททดสอบแสนทรหด บนเส้นทางทั่วทุกมุมโลก

26

สตุ๊ทการ์ท- กำหนดการเปิดตัวปอร์เช่ 911 ใหม่ (The new Porsche 911) กำลังใกล้เข้ามาทุกที

เจเนอเรชั่นที่ 8 ของยนตรกรรมสปอร์ตพันธุ์แท้สุดคลาสสิก กำลังจะได้รับการเผยโฉมสู่สายตาสาธารณชนในทวีปยุโรปใน ช่วงต้นปี 2019 ในส่วนของสถานการณ์ปัจจุบัน รถต้นแบบกำลังอยู่ในระหว่างการปฏิบัติงานทดสอบบนถนนหนทางทุกภูมิภาคทั่วโลก อันเป็นส่วนหนึ่งของบทพิสูจน์ความสมบูรณ์แบบด้วยการพิชิตโปรแกรมการทดสอบขั้นตอนสุดท้าย ซึ่งเป็นกระบวนการ ที่รถจะต้องรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ที่เต็มไปด้วยแรงกดดันมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิที่มีความ แตกต่างกันถึง 85 องศาเซลเซียส แบบกะทันหัน, การเร่งออกตัวอย่างรวดเร็วบนทางลาดต่างระดับเป็น ระยะทางมากกว่า 4 กิโลเมตร, การเดินทางในสภาพจราจรติดขัดของเมืองใหญ่ และการสร้างสถิติความเร็วใหม่ขึ้นในสนามแข่งหลายแห่ง หลังจากผ่านขั้นตอนทั้งหมดข้างต้น ส่วนประกอบทุกชิ้นของตัวรถจะต้องสามารถทำหน้าที่ได้ดีและสามารถไว้วางใจได้ เต็มที่ เช่นเดียวกับชิ้นส่วนใหม่ที่ยังไม่ผ่านการใช้งาน

 “นอกจากสมรรถนะการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม ปอร์เช่ 911 (Porsche 911) จะต้องเป็นรถสปอร์ตที่เหมาะสมกับการใช้งาน ประจำวัน และนี่คือสิ่งที่เราคำนึงถึงอยู่เสมอในการสร้างสรรค์รถคันนี้ให้เหนือกว่าคู่แข่งในระดับเดียวกัน” ข้างต้นคือคำ อธิบายจาก Andreas Pröbstle ผู้จัดการโครงการพัฒนาปอร์เช่ 911 (Porsche 911) ทั้งนี้เขาได้กล่าวเสริมต่อไปอีกว่า “นั่นคือเหตุผลที่เราดำเนินการทดสอบรถยนต์ของเราภายใต้สภาพแวดล้อมที่แตกต่างหลากหลายในทุกภูมิอากาศและทุกภูมิประเทศ ระบบส่งกำลังของรถยนต์คันนี้จะต้องสามารถทำงานได้อย่างไร้ข้อจำกัดโดยไม่มีที่ติ ทั้งในแง่ของน้ำมันหล่อลื่น ระบบต่างๆ รวมทั้งกระบวนการทำงานและการแสดงผล นี่คือวิธีการเดียวที่ช่วยให้เรามั่นใจได้ว่ารถยนต์ของเราทุกคัน สามารถเดินทางไปบนท้องถนนในทุกภูมิภาคทั่วโลกได้ โดยปราศจากข้อบกพร่อง

การทดสอบในขั้นตอนแรก มุ่งเน้นไปยังองค์ประกอบที่เป็นความเชี่ยวชาญและเป็นจุดเด่นของปอร์เช่มาโดยตลอด อาทิ ระบบช่วงล่างและระบบเครื่องยนต์ ซึ่งทั้ง 2 ระบบมีผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพในการใช้งานประจำวันของผู้ขับขี่ นอกจาก นั้นยังเพิ่มเติมขั้นตอนทดสอบการทำงานและความทนทานของอุปกรณ์ใหม่ทุกชิ้นส่วนภายในห้องโดยสาร ครอบคลุม ถึงแผงหน้าปัทม์และหน้าจอแสดงข้อมูลทั้งหมด ระบบช่วยเหลือการขับขี่รุ่นล่าสุดและระบบการติดต่อสื่อสารล้วนแล้วแต่ ต้องรับมือกับเงื่อนไขการทดสอบสุดทรหดอย่างต่อเนื่องยาวนาน : ระบบ Porsche Connect ถูกทดสอบการเชื่อมต่อกับ เครือข่ายที่แตกต่างกันในแต่ละประเทศ ดังนั้นฟังก์ชันการใช้งานและการทำงานที่เชื่อถือได้คือปัจจัยหลักที่ต้องพิจารณาใน การทดสอบอย่างเคร่งครัด

สำหรับประเทศเขตร้อน เช่น หลายประเทศทางคาบสมุทรเปอร์เซียในตะวันออกกลาง หรือหุบเขา Death Valley ในประเทศสหรัฐอเมริกา ระบบปรับอากาศ ระบบการควบคุมอุณหภูมิ และประสิทธิภาพการจุดระเบิดของเครื่องยนต์ จำเป็นต้องผ่านการทดสอบการทำงานภายใต้สภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิสูงถึง 50 องศาเซลเซียส – ชิ้นส่วนภายในห้อง โดยสารทุกตำแหน่งจะต้องไม่เกิดการขยายหรือโก่งตัวจนกระทั่งสัมผัสกันและก่อให้เกิดเสียงรบกวนเมื่อต้องเผชิญกับความร้อนสูง หรืออีกหนึ่งตัวอย่างที่ชัดเจน ในประเทศฟินแลนด์ซึ่งมีอุณหภูมิ -35 องศาเซลเซียส วิธีการทดสอบจึงพุ่งเป้าไป ยังอุปกรณ์ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง อาทิ ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์ในอุณหภูมิต่ำ ระบบทำความร้อน และระบบปรับอากาศ ระบบป้องกันการลื่นไถล สมรรถนะในการบังคับควบคุมรวมทั้งประสิทธิภาพของระบบเบรก

ทั้งหมดทั้งมวลนี้ล้วนแล้วแต่มี ความสำคัญไม่น้อยไปกว่าศักยภาพในการทำความเร็วและการขับขี่สไตล์สปอร์ต สภาพถนนหนทางที่คดเคี้ยว และท้าทาย ของพื้นที่แถบยุโรปเหนือเป็นอีกหนึ่งสภาพแวดล้อมที่เหมาะแก่การทดสอบรถสปอร์ตพลังแรง เช่นเดียวกับการวิ่งบนเส้น ทางระยะยาวด้วยความเร็วสูงบนทางหลวงในประเทศจีน รวมไปถึงสนามแข่งที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในแต่ละท้องถิ่น ทั้งยังต้องรับมือกับบทพิสูจน์ถึงความไว้วางใจได้เมื่อจำเป็นต้องใช้น้ำมันเชื้อเพลิงที่มีคุณภาพแตกต่างกันเป็นอย่างมาก

สนาม Nuerburgring คือสนามที่กำหนดบรรทัดฐานสำคัญสำหรับโปรแกรมการพัฒนาและการทดสอบอันแสนทรหด ของยนตรกรรมปอร์เช่ ในสภาวะการทำงานที่ต้องรีดสมรรถนะ สูงสุดจากขุมพลังเครื่องยนต์ ระบบเกียร์ ระบบเบรก และช่วงล่าง จนทะลุขีดจำกัดเดิม คือเครื่องพิสูจน์ถึงความกร้าวแกร่งจนเกินจินตนาการ ปลดปล่อยพละกำลังเหนือล้ำยิ่ง กว่าที่เส้นทางหฤโหดของสนามแข่งระดับตำนานซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางขุนเขาของภูมิภาค Eifel จะฉุดรั้งเอาไว้

ในส่วนของ การทดสอบในประเทศอิตาลี รถต้นแบบจะถูกขับขี่ด้วยความเร็วสูงรอบสนาม high-speed Nardò test tracks ไม่เพียงเป็น การค้นหาความเร็วสูงสุดแต่ยังเป็นการทดสอบระบบระบายความร้อนและการบังคับควบคุมอีกด้วย รถทดสอบจะต้อง ถูกนำไปวิ่งด้วยระยะทางยาวไกลในบริเวณระดับล่างสุดของหุบเขา Death Valley ซึ่งอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 90 เมตร; ต่อเนื่องด้วยการรับมือกับสภาพอากาศเบาบางบนเทือกเขา Evans ในโคโลราโด – ซึ่งมีความสูงกว่า 4,300 เมตร – ทั้ง 2 เส้นทางคือความท้าทายสำหรับระบบอัดอากาศไบเทอร์โบและระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง ขณะนี้การทดสอบได้ดำเนิน มาจนถึงจุดสิ้นสุดอย่างสมบูรณ์ รถต้นแบบได้ถูกขับขี่ไปรอบโลกเป็นระยะทางรวมประมาณสามล้านกิโลเมตร

อีกหนึ่งบททดสอบเล็กๆ แต่มีความสำคัญอย่างยิ่ง คือการทดลองใช้งานจริงในรูปแบบของการขับขี่ บนถนนสาธารณะทั่วไป ทั้งภายในเขตเมืองและทางหลวงแผ่นดินระหว่างเมืองทั่วทั้งประเทศเยอรมนีการทดสอบดังกล่าวช่วยในการประเมินระยะ

ทางที่รถวิ่งไปในแต่ละช่วงเวลา โดยสามารถอ้างอิงข้อมูลจากการปฏิบัติตามกฎหมายจราจร และเป็นการสร้างความมั่นใจ ว่ารถสปอร์ตปอร์เช่ที่ถือกำเนิดขึ้นจากสายการผลิต จะเต็มเปี่ยมไปด้วยความสมบูรณ์แบบทั้งในด้านของระบบการทำงาน ที่ไว้วางใจได้ และยังคงเหมาะสมกับการใช้งานประจำวัน ความมุ่งมั่นทุ่มเททั้งหมดเพื่อเป้าหมายเดียวคือการสืบสาน ขนบธรรมเนียมดั้งเดิมตามหลักปรัชญาการสร้างสรรค์ยนตรกรรมปอร์เช่ รับประกันได้ว่าเจเนอเรชั่นที่ 8 ของรถสปอร์ต ระดับตำนานคันนี้ คือปอร์เช่  911 (Porsche 911) ที่ยอดเยี่ยมที่สุดนับตั้งแต่ที่เคยมีมา