เลือกรองเท้าสุขภาพอย่างไรให้โดนใจผู้รับ

24

รองเท้าสุขภาพ เทรนด์ของขวัญปีใหม่มาแรง!! เลือกอย่างไรให้โดนใจผู้รับ

เทศกาลปีใหม่ใกล้เข้ามาแล้ว เสียงเพลง แสงไฟ ความรื่นเริง การเฉลิมฉลอง และการมอบความสุขกำลังจะเริ่มขึ้น การช้อปปิ้งตามหาของขวัญพิเศษสำหรับคนพิเศษ จึงกลายเป็นภารกิจหลักในช่วงเทศกาลนี้ เพราะทุกคนต่างก็อยากหาของขวัญที่ทำให้ผู้รับปลื้มปริ่มยิ้มไม่หยุดกันอย่างแน่นอน แต่ของขวัญแบบไหนที่จะแสดงถึงความรักและความห่วงใยให้กับคนพิเศษชองเราได้ดี

เทรนด์ของขวัญปีใหม่ที่มาแรงในปีนี้ คงหนีไม่พ้นของขวัญสายสุขภาพที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ในปัจจุบันที่ผู้คนหันมาใส่ใจสุขภาพกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย การทานอาหารคลีน หรือแม้กระทั่งการใส่รองเท้าเพื่อสุขภาพที่ถือว่าอินเทรนด์มาก และเริ่มเข้ามามีบทบาทในชีวิตของเรามากขึ้น เนื่องจากในชีวิตประจำวันเราใช้งานเท้าตลอดทั้งวัน รองเท้าสุขภาพที่ดีจะสามารถดูแลสุขภาพเท้า ส้นเท้า เข่า และกระดูกเท้าของผู้สวมใส่ได้ดี และยังทำให้ผู้ใส่มีความสุขกับการเดินและการทำกิจกรรมต่างๆ มากขึ้น ด้วยเหตุนี้ รองเท้าสุขภาพจึงได้กลายเป็นของขวัญพิเศษที่เพิ่มรอยยิ้มให้ทั้งผู้รับและผู้ให้ในโอกาสพิเศษนี้ได้ดีเยี่ยม

ในปัจจุบัน มีรองเท้าสุขภาพหลากหลายแบรนด์ หลายคนอาจจะเลือกไม่ถูก วันนี้เราจะมาเผย 6 ทริคการดูและเลือกซื้อรองเท้าสุขภาพ ที่ถูกต้องตามหลักศาสตร์กระดูกและเท้า หรือที่รู้จักกันในชื่อของศาสตร์ออร์โธปิดิกส์ (Orthopedics)

1. รองเท้าสุขภาพที่ดีต้องมีส่วนซัพพอร์ตอุ้งเท้า (arch support) ส่วนซัพพอร์ตอุ้งเท้านี้เป็นส่วนที่รองรับส่วนโค้งเว้าใต้ฝ่าเท้า ทำหน้าที่ในการกระจายน้ำหนักตัวให้ทั่วเท้า ซึ่งจะช่วยลดอาการปวดฝ่าเท้า ปวดส้นเท้า และรองช้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยปกติลักษณะฝ่าเท้าของคนเราจะมี 3 แบบ คือ เท้าแบน เท้าปกติ และเท้าโก่งสูง ความนูนของส่วนซัพพอร์ตอุ้งเท้านั้นควรสัมพันธ์กับลักษณะของฝ่าเท้าแต่ละคน

2. พื้นรองเท้ามีความหนาที่พอเหมาะ พื้นรองเท้าที่มีความหนาพอเหมาะจะช่วยรองรับแรงสะเทือน และแรงกระแทกจากการเดิน (shock absorption) ได้ดี จะช่วยถนอมกระดูกข้อต่อต่าง ๆ เช่น ข้อเท้า ข้อเข่า และป้องกันไม่ให้แนวกระดูกสันหลังบิดเบี้ยวในระยะยาว

3. พื้นรองเท้าไม่นุ่มและไม่แข็งจนเกินไป หลายคนมักคิดว่ารองเท้ายิ่งนุ่มยิ่งสบาย แต่ในความเป็นจริง พื้นรองเท้าที่นุ่มจนเกินไปจะนำไปสู่อาการปวดเมื่อยเท้าและการเดินที่ไม่มั่นคง รองเท้าสุขภาพที่ดีควรมีพื้นรองเท้าที่นุ่มสบายในระดับที่พอเหมาะ ทำจากวัสดุที่สามารถฟูกลับหรือคืนรูปได้ถึงแม้ว่าจะใส่มาเป็นเวลานาน ต้องไม่นุ่มจนยวบแบนหรือแข็งกระด้างเกินไปจนเจ็บเท้า

4. พื้นรองเท้ามีความยืดหยุ่นสูงโดยเฉพาะบริเวณนิ้วเท้า เนื่องจากนิ้วเท้าเป็นส่วนที่ต้องเคลื่อนไหวมากที่สุดเวลาเดิน พื้นรองเท้าที่มีความยืดหยุ่นสูงในบริเวณนี้จะทำให้นิ้วเท้าของเราโค้งงอได้อย่างเป็นธรรมชาติ ช่วยลดโอกาสของการอักเสบของกล้ามเนื้อบริเวณนิ้วเท้าและเอ็นร้อยหวาย และยังช่วยลดอาการตะคริวได้อีกด้วย

5. รองเท้ามีน้ำหนักเบา ช่วยให้การเดินง่ายและคล่องตัวขึ้น ไม่หนักจนถ่วงเท้าของเรา

6. ดีไซน์สวยทันสมัย มีสไตล์ ไม่มีใครอยากใส่รองเท้าสุขภาพที่สบายแต่เชยล้าสมัย นอกจากจะเลือกรองเท้าสุขภาพที่มีคุณสมบัติถูกต้องตามที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ควรเลือกรองเท้าที่มีดีไซน์สวย มิกซ์แอนด์แมทช์ได้ง่าย และสีสันสวยงามน่าใส่ รับรองว่าจะถูกใจผู้รับอย่างแน่นอน

ที่มา : บริษัท คลาส แอนด์ ซิลฟ์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตรองเท้าเพื่อสุขภาพ และอยู่เบื้องหลังอุตสาหกรรมรองเท้าเพื่อสุขภาพทั้งในและต่างประเทศมากว่า 30 ปี ขอแนะนำรองเท้าแบรนด์คลาส แอนด์ ซิลฟ์ (Klas & Sylph) รองเท้าเพื่อสุขภาพตามหลักออร์โธปิดิกส์ (Orthopedics) อันเป็นศาสตร์ที่เกี่ยวกับกล้ามเนื้อและกระดูก และมีดีไซน์ทันสมัย ปัจจุบันมีหน้าร้านทั้งหมด 3 สาขา ได้แก่ สาขาเทอร์มินอล 21 สาขาเซ็นทรัลลาดพร้าว และสาขาเดอะลิทเติ้ลวอล์ค บางนา รวมถึงมีวางจำหน่ายในร้าน Heath Club สาขาโรงพยาบาลวิภาวดี สาขาโรงพยาบาลสินแพทย์ และสาขาโรงพยาบาลศิครินทร์ สำหรับผู้ที่สนใจ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ https://klas-sylph.co.th/th, LINE@ : @klassylph https://www.facebook.com/Klassylph, IG : klassylph หรือสอบถามเพิ่มเติมโทร. 02-026-1910