ขณะนี้ประเทศไทยต้องเผชิญกับสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าว เนื่องจากอุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งอาจทำให้เกิดโรคต่างๆ ได้ เป็นเหตุให้ต้องดูแลสุขภาพผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงอย่างระมัดระวัง ได้แก่ ผู้ที่มีโรคประจำตัว เด็ก หญิงตั้งครรภ์ และโดยเฉพาะผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นกลุ่มที่ต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษเนื่องจากสุขภาพร่างกายที่ไม่ค่อยแข็งแรง
ผู้ที่อยู่ในวัย 60 ปีขึ้นไป ส่วนใหญ่มักมีโรคประจำตัว และโรคเรื้อรัง ทำให้เจ็บป่วยได้ง่ายกว่าคนวัยหนุ่มสาว หากต้องเผชิญกับอากาศร้อนนานๆ และเนื่องด้วยวันที่ 13 เมษายนเป็นวันผู้สูงอายุ จึงอยากเชิญชวนทุกท่านร่วมกันดูแลผู้สูงอายุที่บ้านทั้งทางกายและจิตใจให้แข็งแรง
พญ.อรพิชญา ไกรฤทธิ์ แพทย์เวชศาสตร์ผู้สูงอายุ โรงพยาบาลพระรามเก้า กล่าวว่า ในช่วงที่ประเทศไทยต้องเผชิญกับสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าว โรคที่ผู้สูงอายุต้องระวังและพบบ่อยในช่วงอากาศร้อน คือ
1.โรคลมแดด หรือ ฮีตสโตรก (Heat Stroke) เกิดจากการที่ผู้สูงอายุอยู่ในสภาพแวดล้อมที่อุณหภูมิสูงและได้รับความร้อนมากเกินไป ส่งผลให้การทำงานของระบบไหลเวียนโลหิตและระบบสมองผิดปกติ ซึ่งสัญญาณเตือนที่สำคัญของโรคฮีตสโตรก คือ ไม่มีเหงื่อออก แม้จะอากาศร้อน หน้าแดง ตัวร้อนจัดขึ้นเรื่อยๆ รู้สึกกระหายน้ำมาก วิงเวียน ปวดศีรษะ คลื่นไส้ หายใจเร็ว อาเจียน เกร็งกล้ามเนื้อ ชัก มึนงง สับสน รูม่านตาขยาย ความรู้สึกตัวลดน้อยลง อาจหมดสติ หัวใจเต้นเร็วแต่แผ่วเบา ถ้าไม่ได้รับการแก้ไขอย่างถูกต้องและทันเวลา อาจทำให้หัวใจหยุดเต้น และถึงแก่ชีวิตได้ สำหรับการป้องกันและดูแลผู้สูงอายุไม่ควรให้ตากแดดในช่วงเที่ยงวัน หรือเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้งในช่วงบ่ายโมงไปถึง 4 โมงเย็น แต่หากมีความจำเป็นต้องสัมผัสแดดควรใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำเช็ดตัวเพื่อลดความร้อนในร่างกาย และควรจิบน้ำเปล่าให้บ่อยที่สุดในวันที่มีอากาศร้อนจัด สวมแว่นกันแดดและกางร่มก่อนออกจากบ้าน ควรสวมใส่เสื้อผ้าที่มีสีอ่อน โปร่ง ไม่หนา น้ำหนักเบา และสามารถระบายอุณหภูมิความร้อนและป้องกันแสงแดดได้
2.โรคท้องเสีย ในช่วงอากาศร้อนแบบนี้ เชื้อโรคต่างๆ จะเจริญเติบโตได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะอาหารจะบูดเสียได้ง่ายกว่าปกติ ซึ่งถ้ากินอาหารไม่สะอาด อาการท้องเสียจะตามมาได้ง่ายขึ้น วิธีป้องกัน คือ ควรยึดหลักกินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ เพื่อลดการติดเชื้อ และไม่กินอาหารที่ตั้งทิ้งไว้นานๆ หรือหากทานอาหารไม่หมดควรเก็บเข้าตู้เย็นเพื่อให้อาหารไม่บูดเสีย
3.โรคผิวหนังแสบ แดง เป็นผื่น ที่เกิดจากการสัมผัสแสงแดดเป็นเวลานานๆ โดยปราศจากสิ่งป้องกัน จะทำให้ผิวหนังของผู้สูงอายุเกิดอาการไหม้ เกรียม แสบ และแดงเป็นผื่นได้ จึงควรดื่มน้ำให้มากกว่าปกติ เพื่อสร้างความชุ่มชื่นให้แก่ผิวพรรณและควรทาครีมกันแดดที่มีค่าป้องกันรังสียูวีมากกว่า 50 PA+++ ทาลงบนผิวหน้าและผิวกายก่อนออกแดดประมาณ 20 นาที และควรทาซ้ำทุก 2 – 4 ชั่วโมง เพื่อปกป้องผิวหนังจากแสงแดด
ทั้งนี้การดูแลผู้สูงอายุควรใส่ใจในสุขภาพของผู้สูงอายุอย่างรอบด้านด้วยการจัดสถานที่ให้อากาศถ่ายเทเหมาะสำหรับผู้สูงอายุ หลีกเลี่ยงความอับชื้น เพราะอาจเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคและทำให้ไม่สบายตัว หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด เพราะอาจมีปัญหาเกี่ยวกับลำไส้ ระบบขับถ่าย นอกจากนี้ต้องดูแลสภาวะอารมณ์ของผู้สูงอายุโดยการดูแลอย่างใจเย็น พูดคุยอย่างมีศิลปะรวมถึงสร้างบรรยากาศให้แจ่มใสอยู่เสมอหากพบอาการผิดปกติของผู้สูงอายุอาจเกิดจากโรคบางอย่าง ควรรีบพามาพบแพทย์เพื่อรักษาและหาแนวทางป้องกันร่วมกัน