EPG เผยแนวโน้มเติบโตดี ส่งนวัตกรรมและเทคโนโลยี เสริมทัพ 3 กลุ่มธุรกิจ รุกขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ เร่งปั้น TJM ธุรกิจผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ตกแต่งยานยนต์ 4×4 ในออสเตรเลีย ด้านผลประกอบการไตรมาสแรก ปี 2560/61 มีรายได้จากการขาย 2,382.4 ล้านบาท กำไรสุทธิ 286.5 ล้านบาท
รศ.ดร.เฉลียว วิทูรปกรณ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EPG ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์โพลีเมอร์และพลาสติกแปรรูปชั้นนำของโลก เปิดเผยถึงแนวโน้มธุรกิจของ EPG ในช่วงต่อจากนี้ว่าจะสามารถสร้างการเติบโตได้อย่างต่อเนื่องจาก 3 กลุ่มธุรกิจหลัก โดยมุ่งเน้นนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาพัฒนาคุณภาพของสินค้า และเร่งขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศทุกช่องทาง
โดยในส่วนของธุรกิจฉนวนกันความร้อน/เย็น Aeroflex ช่วงไตรมาสแรก ปี 2560/61(เม.ย.– มิ.ย.2560) มีสัดส่วนรายได้จากการขายในประเทศ 26% และต่างประเทศ 74% ซึ่งมาจากตลาดสหรัฐอเมริกาและกลุ่มประเทศในภูมิภาคอาเซียน โดยคาดว่าในครึ่งหลังของปีตลาดในประเทศสหรัฐอเมริกาจะขยายตัวขึ้น ซึ่งแอร์โรเฟลกซ์ได้มีแผนลงทุนเพิ่มกำลังการผลิตโดยใช้เครื่องจักรอัตโนมัติความเร็วสูงช่วงปลายปีนี้ สำหรับตลาดในประเทศจีน ญี่ปุ่น และกลุ่มประเทศ AEC ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่วนกลุ่มประเทศตะวันออกกลางหากเศรษฐกิจฟื้นตัว มีกำลังในการลงทุนจะทำให้ยอดสั่งซื้อสินค้ากลับเข้ามา
ด้านผลิตภัณฑ์ใหม่ฉนวนกันความร้อนใต้หลังคา (AERO-ROOF) ได้มีการแนะนำสินค้าพร้อมส่งเสริมการขายซึ่งมีกระแสตอบรับที่ดีและได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าองค์กรชั้นนำ
ขณะที่ธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์และตกแต่งยานยนต์ภายใต้แบรนด์ Aeroklas ในไตรมาสที่ 1 ปี 2560/61 (เม.ย.– มิ.ย.2560) มีสัดส่วนรายได้จากการขายในประเทศ 27% และต่างประเทศ 73% และได้เตรียมเพิ่มกำลังการผลิตหลังคาครอบกระบะ (Canopy) เป็น 34,000 ชิ้น/ปี จากเดิม 28,000 ชิ้น/ปี เพื่อรองรับการเติบโต
ขณะเดียวกันเร่งดำเนินการปรับโครงสร้างองค์กรของ TJM ประเทศออสเตรเลีย โดยที่ผ่านมาได้ดำเนินการปรับปรุงตามแผนงาน อาทิ ย้ายฐานการผลิตจากประเทศจีนมายังประเทศไทย แก้ไขสัญญากับร้านค้าแบรนด์ TJM เพื่อกระชับพื้นที่ขายให้ครอบคลุมลดลง (Coverage area) และใช้โปรแกรม Supplier Partner Programs (SPP) เพื่อบริหารจัดการสินค้าและทำให้รู้ว่าสินค้าชนิดไหนขายดีและชนิดไหนมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ในระดับสูง รวมถึงได้เปิดสาขา TJM แห่งแรกที่ Western Australia เป็นร้านค้าต้นแบบ โดยตั้งเป้าขยาย Brand Distributors ให้เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่มี 63 แห่ง เป็นต้น
สำหรับผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์พลาสติกภายใต้แบรนด์ EPP มีการปรับกลยุทธ์เพื่อขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มอุตสาหกรรมมากขึ้น เนื่องจากมองว่าตลาดกลุ่มนี้ยังมีโอกาสเติบโต อีกทั้ง EPP ได้รับการรับรองมาตรฐานความสะอาดและปลอดภัยทางด้านอาหารโดยองค์กรชั้นนำหลายแห่ง จึงมั่นใจว่าจะสามารถผลักดันรายได้ให้มีการเติบโต ขณะเดียวกันได้มีการเตรียมความพร้อมด้านกำลังการผลิตที่ 32,000 ตัน/ปี ซึ่งจะทำให้ EPP มีศักยภาพในการรองรับงานขนาดใหญ่ โดยคาดว่าการอุปโภคและบริโภคในประเทศจะเริ่มฟื้นตัวช่วงปลายปีและน่าจะเริ่มมีออเดอร์จากเบียร์การเด้นท์ และกิจกรรมรื่นเริงต่างๆ ที่จะเริ่มทยอยกลับเข้ามา
สำหรับผลประกอบการไตรมาสที่ 1 ปี 2560/61 (เม.ย.– มิ.ย.2560) บริษัทมีรายได้จากการขาย 2,382.4 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการขาย 2,358.6 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 1% แบ่งเป็น ธุรกิจฉนวนกันความร้อน/เย็น ภายใต้แบรนด์ Aeroflex มีรายได้จากการขาย 727.5 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 7.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์และตกแต่งยานยนต์ภายใต้แบรนด์ Aeoroklas มีรายได้จากการขาย 1,053.4 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 2.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติกภายใต้แบรนด์ EPP มีรายได้จากการขาย 601.5 ล้านบาท ลดลง 5.4% เนื่องจากยอดขายภายในประเทศลดลงตามกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ลดลง ส่งผลให้ EPG มีกำไรสุทธิ 286.5 ล้านบาท ปรับตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 381.1 ล้านบาท หรือปรับตัวลดลง 24.8% โดยมีอัตรากำไรขั้นต้น 30.7% เป็นไปตามเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้ รศ.ดร.เฉลียว กล่าว