สนามเด็กเล่น สร้างปัญญาได้อย่างไร?

220

ความสุขอีกหนึ่งอย่างของช่วงวัยเด็กก็คงหนีไม่พ้นการได้วิ่งเล่น ซุกซน ปีนป่าย กระโดดเชือก กระโดดโลดเต้นตามประสา ความสุขเหล่านั้นถูกปล่อยพลังออกมาทางรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และทางแววตาของเด็กเหล่านั้นเป็นอย่างดี

ลองนึกภาพย้อนความทรงจำกลับไปตอนที่คุณยังเป็นเด็ก ในตอนนั้นคุณมีความสุขมากแค่ไหน ในเวลาช่วงพักกลางวันที่จะไปจับจองพื้นที่เพื่อเล่นกระโดดเชือกกับกลุ่มเพื่อน หรือจะเป็นตอนที่คุณแบ่งข้างกับเพื่อนแข่งกระโดดหนังยาง ตีแบดมินตัน เตะฟุตบอล โหนบาร์ หรือแม้กระทั่งผลัดกันไกวชิงช้าก็ตาม

เพราะทุกครั้งที่เด็กได้เล่นสนุกสมองจะหลั่งสาร “เอ็นดอร์ฟิน” หรือ “สารแห่งความสุข” เป็นฮอร์โมนที่จะออกมาเมื่อคุณอารมณ์ดี เป็นสารเคมีที่สมองสร้างเองจากสิ่งที่ได้ทำแล้วมีความสุข โดยส่วนมากสมองจะหลั่งสารเอ็นดอร์ฟินหลังออกกำลังกาย ซึ่ง “ลุงดิส หรือ อาจารย์ดิสสกร กุนธร” คือผู้ที่มีความเชื่อว่าการเล่นสนุกอิสระตามวัยไม่ใช่เรื่องไร้สาระ แต่จะทำให้เกิดพัฒนาการทางร่างกาย สมอง และจิตใจได้เป็นอย่างดี เขาจึงริเริ่มโครงการ “สนามเด็กเล่นสร้างปัญญา” ร่วมกับ สสส. สถ. และภาคีเครือข่าย เพื่อส่งเสริมให้เด็กไทยได้เคลื่อนไหว มีกิจกรรมทางกาย ออกกำลังกาย เล่นสนุกตามธรรมชาติที่เหมาะสมกับช่วงวัย และแนวทางการเลี้ยงดูพระโอรสและพระธิดาของสมเด็จย่าที่ทรงให้พระโอรสและพระธิดา เล่นดิน น้ำ โคลน ตามอิสระธรรมชาติ

“ลุงดิส” หรือ อาจารย์ดิสสกร กุนธร

การปล่อยให้เด็กได้เล่นและเรียนรู้อย่างอิสระตามธรรมชาตินี้เองจะช่วยพัฒนาศักยภาพสติปัญญา การเรียนรู้ พัฒนาการความฉลาดทางอารมณ์ เกิดทักษะทางสังคม และเคารพกติกาการอยู่ร่วมกับผู้อื่น นั่นเพราะโอกาสทองของการพัฒนาเด็กอยู่ที่ช่วงอายุ 0-5 ปีแรก

สนามเด็กเล่นสร้างปัญญา จะถูกจัดเป็น 5 ฐาน ตามแต่ละช่วงวัย ตั้งแต่ 1-3 ปี 3-5 ปี 5-7 ปี และ 7-11 ปี

ช่วง 1-3 ขวบ ต้องส่งเสริมทักษะการช่วยเหลือตัวเอง ทั้งการเดิน การทรงตัว จึงจัดทำพื้นเอียงบ้าง ฝืดบ้าง ลื่นบ้าง เพื่อให้เด็กได้ปีนป่าย ทรงตัว เล่นน้ำ ดิน ทราย โคลน ต้นไม้ใบหญ้า แสงแดด

ช่วง 3-5 ปี ต้องเอื้อให้เกิดพัฒนาการทางด้านจิตใจ และจินตนาการ จึงมีอุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อให้เด็กนำมาคิดต่อยอด

ช่วง 5-10 ปี จะเริ่มทำจินตนาการให้เป็นความจริง เช่น ทำของเล่นเอง จึงต้องฝึกทักษะการใช้อุปกรณ์ของมีคมเครื่องมือต่าง ๆ เช่น เลื่อย ตะปู การเจาะต่าง ๆ รวมถึงทักษะการใช้ชีวิต การหุงข้าว ทำกับข้าว

สนามเด็กเล่นสร้างปัญญา 5 ฐาน ประกอบด้วย

ฐานที่ 1 สระอินจัน เหมาะกับเด็ก 2-4 ขวบ ภายในจะประกอบด้วยบ่อทรายที่มีทั้งส่วนพื้นราบและเนินทรายละเอียด บ่อน้ำมีพื้นด้านล่างเป็นทรายเพื่อให้เด็กได้ทดลองเล่นทรายผสมน้ำและเนินดินที่มีส่วนทางลาดคอยช่วยเรื่องการทรงตัว และทำให้เด็กได้ทดลองเล่นดินผสมน้ำ เด็กจะได้พัฒนาเซลล์สมองส่วนซีรีเบลลัม (บริเวณท้ายทอย) ที่มีบทบาทในการควบคุมการสั่งการและประมวลผล เพื่อฝึกพัฒนาการด้านการทรงตัว และการเอาตัวรอด รวมทั้งการพัฒนาด้านความคิดสร้างสรรค์และศิลปะจากการเล่นวัสดุธรรมชาติอย่างดิน ทราย และน้ำ

ฐานที่ 2 สระทารก เหมาะกับเด็ก 1-3 ขวบ (ภายใต้การดูแลของผู้ปกครองอย่างใกล้ชิด) โดยภายในฐานประกอบด้วย สระน้ำเอียงระดับความลึกให้มีทั้งส่วนตื้นและส่วนลึก มีทางเดินรอบสระ พื้นผิวขัดหยาบ ๆ เพื่อกันลื่น น้ำพุกลางสระ เพื่อสร้างรุ้งกินน้ำ น้ำพุข้างสระติดตั้งให้พุ่งเอียงโค้งลงในสระก๊อกน้ำและสายยาง และสไลเดอร์สูง 1.10 เมตร ทำมุมเอียง 40 องศา สระทารกจะช่วยพัฒนาความรู้สึกของเด็กที่รักการเล่นน้ำให้เปลี่ยนเป็นรักน้ำ แล้วค่อย ๆ ปลูกฝังให้เด็กอย่างเรียนรู้เกี่ยวกับน้ำ เพื่อให้ในอนาคตเด็กจะสนใจที่จะแก้ปัญหาต่าง ๆ อาทิ น้ำท่วม น้ำแล้ง หรือน้ำเสีย เพื่อรักษาแหล่งน้ำที่เขารักเอาไว้ พร้อมทำให้เด็กสนใจเกี่ยวกับน้ำมากขึ้น ต่อยอดอนาคตเพื่อพัฒนาไปเป็นนักวิทยาศาสตร์ นักประดิษฐ์หรือวิศวกร

ฐานที่ 3 ค่ายกล spiderman เหมาะกับเด็ก 3-10 ขวบ (ภายใต้การดูแลของผู้ปกครองอย่างใกล้ชิดและการซ่อมบำรุงเครื่องเล่นอย่างต่อเนื่อง) ในฐานนี้จะประกอบไปด้วยบ่อทราย ใช้เป็นทรายละเอียดกันการตกกระแทก โครงเสาไม้เนื้อแข็งที่ไม่มีมุมแหลมคม เชือกใยยักษ์ที่ใช้ในการประมง และต้นไม้ใหญ่ ที่มีกิ่งและลำต้นตรง เพื่อการเดินเชือกฐาน ค่ายกล spiderman จะช่วยให้เด็กได้พัฒนากล้ามเนื้อจากการปีนป่ายเส้นเชือก นอกจากนี้การได้ออกกำลังกายอยู่ตลอดเวลาจะทำให้มีการเติบโต เรียนรู้การเคลื่อนไหวที่มั่นคงจากเครื่องเล่นทำให้เด็กฉลาดและอารมณ์ดี

ฐานที่ 4 เรือสลัดลิง เหมาะกับเด็ก 3-10 ขวบ เรือสลัดลิงจะเป็นเหมือนบ้านไม้ 2 ชั้น ชั้นบนจะมีส่วนของลานกว้างใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ เป็นพื้นที่สำหรับการเล่านิทานและพื้นที่ด้านในตัวบ้านที่เป็นส่วนของห้องสมุดมีหนังสือมากมายให้เด็กได้อ่านชั้นล่างจะเป็นส่วนใต้ถุนบ้าน เป็นพื้นที่สำหรับการจัด workshop สอนทำขนม สอนทำศิลปะ หรืองานประดิษฐ์ต่าง ๆ ส่วนรอบตัวบ้านจะประกอบด้วยเครื่องเล่นนานาชนิดให้เด็กได้ปีนป่าย โหน แกว่ง ไปตามเชือก – ในฐานนี้จะทำให้เด็กได้ฝึกสร้างกล้ามเนื้อ ฝึกการทรงตัว ได้ผจญภัยอย่างอิสระไปกับเครื่องเล่นโดยรอบ ในขณะเดียวกันเด็ก ๆ ที่มาร่วม workshop ก็จะได้ฝึกทักษะต่าง ๆ ที่มีประโยชน์ ได้ร่วมฟังนิทาน อ่านหนังสือที่มีประโยชน์ในห้องสมุดของเรือสลัดลิง

ฐานที่ 5 หัดว่ายน้ำ หัดว่ายน้ำ คือฐานที่ควรสร้างเป็นฐานสุดท้าย สระน้ำที่มีความลึก 60 ซม. แห่งนี้คือพื้นที่ที่เด็ก ๆ จะได้ฝึกว่ายน้ำให้เป็น ฝึกการพยุงตัว ฝึกการช่วยเหลือเพื่อนในน้ำให้เด็กได้คุ้นเคยกับการเล่นน้ำ โดยอาจจะทำสไลเดอร์ต่อลงมาจากเรือสลัดลิงก็ได้ – นอกจากจะได้เล่นสนุกในน้ำแล้ ฐานนี้ยังสามารถเป็นพื้นที่ฝึกทักษะให้เด็ก โดยครูอาจพาเด็กมาสอนทักษะการช่วยเหลือเพื่อนยามตกน้ำ การผายปอด หรือการแบกผู้ป่วยขึ้นหลัง (ด้วยวิธีของลูกเสือ) ในบริเวณนี้ได้

ประโยชน์จากการเล่น

– การสร้างการเรียนรู้

– การฝึกกล้ามเนื้อมัดเล็ก มัดใหญ่

– การฝึกการสังเกต การฝึกความกล้าแสดงออก การฝึกความเป็นผู้นำ ผู้ตาม

– การฝึกการมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อน

– การฝึกเรื่องความปลอดภัยจากการเล่น

– การฝึกการตัดสินใจและการฝึกการรอคอย

สสส. ร่วมกับภาคีเครือข่าย สนับสนุนและส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนได้เล่นอิสระ เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย ส่งเสริมการพัฒนาทักษะด้านต่าง ๆ และเพิ่มการมีกิจกรรมทางกาย จึงส่งเสริมให้ท้องถิ่นจัดตั้ง “สนามเด็กเล่นสร้างปัญญา” เพื่อส่งเสริมให้เด็กได้เรียนรู้ผ่านการเล่น ทราย น้ำ ต้นไม้ และวัสดุตามธรรมชาติ ภายใต้ความร่วมมือจาก บ้าน วัด โรงเรียน ท้องถิ่น

เรื่องโดย : ดนยา สุเวทเวทิน Team Content www.thaihealth.or.th ที่มา : มูลนิธิสนามเด็กเล่นสร้างปัญญา และหนังสือ “สรุปบทเรียนการพัฒนาระบบการดูแลเด็กปฐมวัย และการจัดการสนามเด็กเล่นสร้างปัญญา” ภาพประกอบโดย สสส. ณัฐพร ชุ่มลือ Team Content www.thaihealth.or.th และแฟ้มภาพ