โรงพยาบาลนวมินทร์ 9 ปั้นธุรกิจความงาม&สุขภาพครบวงจร ภายใต้ชื่อ Vital Glow Skin & Aesthetic ก้าวสู่ปีที่ 5 มั่นใจภาพรวมตลาดสุขภาพยังทะยานเติบโต รุกส่งเครื่อง HBO นวัตกรรมจากญี่ปุ่นบุกใจกลางเมืองปลายปี 62 มัดใจคนรักสุขภาพชาวไทย-ญี่ปุ่น
ดร.พิมพ์ขวัญ บุญจิตต์พิมล ผู้อำนวยการศูนย์ผิวหนังและการชะลอวัย Vital Glow Skin & Aesthetic กล่าวว่า ธุรกิจศูนย์ผิวหนังและการชะลอวัยแบรนด์ Vital Glow Skin & Aesthetic เน้นกลุ่มเป้าหมายทั้งชาย-หญิง ตั้งแต่เริ่มทำงานถึงวัยกลางคน อายุตั้งแต่ 25 – 45 ปี ส่วนลูกค้าที่มาใช้บริการเป็นประเภทเน้นการดูแลและใส่ใจสุขภาพความงามและเลือกเฟ้นการบริการที่ใส่ใจจริงใจ นับเป็นจุดเด่นของแบรนด์เราเนื่องจากสถานที่เราบริเวณชั้น 3 ในโรงพยาบาลนวมินทร์ 9 การบริการจึงต้องให้เท่าเทียมกับในโรงพยาบาลเช่นกัน เพื่อให้ลูกค้าประทับใจ ความสำคัญที่เราไม่ละเลยคือ เรื่องให้คำปรึกษากับลูกค้าอย่างจริงจัง เน้นแก้ไขปัญหาอย่างตรงจุด และ ดีไซน์โปรโมชั่นที่ให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้ามากที่สุด พร้อมวางแผนไม่หยุดพัฒนาสรรหานวัตกรรมเทคโนโลยีทันสมัย สิ่งนี้เองทำให้ลูกค้าเราทุกคนสามารถมั่นใจได้ว่าของเรามีมาตรฐาน JCI แบบสากล
อย่างไรก็ตามทางแบรนด์ Vital Glow Skin & Aesthetic ยังมีโปรดักส์กลุ่มสกินแคร์เพื่อบำรุงผิวพรรณกว่า 6 SKU ราคาตั้งแต่ 200 บาทขึ้นไป เป็นโปรดักส์ที่คุณภาพสูง ปลอดภัย ราคาปานกลาง เพื่อให้ลูกค้าเกิดการซื้อซ้ำอย่างต่อเนื่อง ยังเน้นการขายภายในคลินิกและออนไลน์ผ่านสังคมออนไลน์ของแบรนด์เท่านั้น และยังวางกลยุทธ์ด้านการประชาสัมพันธ์สื่อสารไปยังลูกค้าผ่านสังคมออนไลน์ทุกรูปแบบกว่า 80 % ”
ดร.พิมพ์ขวัญ กล่าวต่อไปว่า จากการวิเคราะห์ภาพรวมตลาดความงามและสุขภาพในประเทศไทย มองว่ายังมีโอกาสเติบโตอย่างต่อเนื่อง มูลค่าตลาดความงามและสุขภาพ 2.5 แสนล้านบาท แบ่งเป็นตลาดความงามคลินิกและศัลยกรรมกว่า 60,000 ล้านบาท อัตราเฉลี่ยเติบโตปีละไม่น้อยกว่า 10% โดยตลาดในประเทศอาเซียนยังเป็นเป้าหมายที่น่าสนใจของการลงทุนและขยายธุรกิจ เนื่องจากประเทศในอาเซียนมั่นใจในศักยภาพ+คุณภาพสินค้าของประเทศไทย อาทิ เรื่องอาหารสุขภาพ ,เมคอัพ, สกินแคร์ และศัลยกรรม เป็นต้น
กลุ่มธุรกิจด้านความงามที่เติบโตมากก็จริงแต่ก็มีคู่แข่งก็เริ่มเยอะขึ้นตามลำดับ ทางเราจึงได้ตระหนักการทำแบรนด์ Vital Glow Skin & Aesthetic อย่างยั่งยืน ภายใต้สโลแกน “Beauty from inside out-สวยจากภายในสู่ภายนอก ” ฉะนั้นจึงต้องวางกลยุทธ์การตลาดและการประชาสัมพันธ์ในไตรมาส 4 ของปี 2562 เป็นต้นไป ด้วยการสร้างจุดเด่นและความน่าสนใจในรูปแบบ Community Content Online ฉีกความต่างชูความเข้าใจในปัญหาเรื่องผิวพรรณ สุขภาพ และเกร็ดความรู้ เพื่อประโยชน์ของลูกค้าอย่างแท้จริง”
ดร.พิมพ์ขวัญ กล่าวทิ้งท้าย “อย่างไรก็ตามสัดส่วนลูกค้าที่เข้ามาปรึกษาและรักษาจะเป็นกลุ่มผิวหน้ากว่า 60 % และอีก 40 % แบ่งเป็นการบำรุงผิวหน้า ทรีทเม้นท์ผิว เลเซอร์ และการยกกระชับ ขณะนี้ทางแบรนด์ดำเนินธุรกิจเข้าสู่ปีที่ 5 กลยุทธ์การตลาดสำคัญที่ผ่านมาคือ “ปากต่อปาก” ก้าวต่อไปจากนี้แบรนด์ Vital Glow Skin & Aesthetic จะเน้นไปด้านการรักษาฐานลูกค้าเก่าและต่อยอดเพิ่มลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น 10 % ในปี 2563 พร้อมหัวใจการนำนวัตกรรมใหม่ๆ ครอบคลุมไปถึงเครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆ ให้ได้คุณภาพสูง อีกทั้งคาดว่าในปี 2563 ยังเดินหน้าวางแผนการขยายสาขาเพิ่ม พร้อมเตรียมวางโมเดลธุรกิจสุขภาพ 2 ธุรกิจในไตรมาส 4 ของปี 2562
เริ่มจากธุรกิจแรกกลุ่มเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ คือร้าน สมูทตี้ ภายใต้ชื่อ Rainbowl Healthy โดยเน้นกลุ่มลูกค้าเป็นทุกเพศทุกวัยที่ชอบทานเครื่องดื่มสุขภาพ จุดเด่นคือสามารถรับประทานตามกรุ๊ปเลือดของแต่ละท่านดีต่อร่างกาย วางคอนเซ็ปต์การตกแต่งร้านเพื่อให้ดูโดดเด่นสะดุดตา สามารถให้ลูกค้าเข้ามาถ่ายรูปลงสังคมออนไลน์ ระดับราคาจำหน่ายถ้วยละ 100 – 350 บาท
และกลุ่มธุรกิจที่ 2 เป็นการสร้าง Land Mark สุขภาพแบบใหม่ย่านทองหล่อ เปิดการให้บริการเครื่อง HBO ชูนวัตกรรมใหม่จากประเทศญี่ปุ่น ดูแลและควบคุมด้วยมาตรฐานจากประเทศญี่ปุ่น นับเป็นเครื่อง HBO แรกในประเทศไทย ภายในเครื่อง HBO จะออกแบบให้สวยงามสามารถถ่ายรูปเช็คอินเพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ของคนกรุง เครื่อง HBO นี้มีนวัตกรรมโดดเด่นมีคุณสมบัติด้านการดูแลผิวพรรณ เพิ่มประสิทธิภาพร่างกายให้นักกีฬาหรือกลุ่มคนออกำลังกาย ช่วยให้หลับสบาย คาดว่าจะได้รับการตอบรับอย่างสูงจากกลุ่มเป้าหมายทั้งคนไทยและคนญี่ปุ่นที่มีแนวโน้มพักอาศัยย่านสุขุมวิทปริมาณสูง พร้อมกันนี้เตรียมจัดโปรโมชั่นและกิจกรรมเพื่อสร้างสิทธิประโยชน์กับลูกค้าต่อไป
สำหรับตนเองมีความตั้งจัดตั้งมูลนิธิ ในเร็วๆ นี้ คาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ในปี 2563 เป็นการสร้างความรับผิดชอบต่อสังคม CSR อย่างยั่งยืนในกลุ่มผู้หญิงและเด็ก เล็งเห็นความสำคัญเรื่องการดูแลรักษาสุขภาพให้แก่ผู้ที่ยากไร้และขาดแคลน เพื่อเป็นหนึ่งในการช่วยเหลือสังคมให้น่าอยู่ต่อไป ” ดร.พิมพ์ขวัญ กล่าวสรุป