เริ่มแล้วงาน NPA Grand Sale & Home Loan 2019 มหกรรมขายบ้านมือสองและสินเชื่อแห่งปี โดยสมาคมสินเชื่อที่อยู่อาศัย เผยธนาคารพาณิชย์ผนึกบริษัทบริหารสินทรัพย์ คัดทรัพย์เด่น ราคาลดสูงสุดถึง 50% พร้อมสินเชื่อ 0% หวังปลุกกำลังซื้อบ้านสวนกระแสตลาดอสังหาฯซึม ชี้โอกาสทองของคนซื้อบ้าน วันนี้-1 กันยายน 2562 ที่ ฮอลล์ 6 อิมแพค เมืองทองธานี
นายกิตติ พัฒนพงศ์พิบูล ประธานสมาคมสินเชื่อที่อยู่อาศัย เปิดเผยว่า สมาคมได้จัดงาน NPA Grand Sale & Home Loan 2019 ในระหว่างวันที่ 29 สิงหาคม-1 กันยายน 2562 ที่ ฮอลล์ 6 อิมแพค เมืองทองธานี เพี่อขายอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นทรัพย์สินรอการขายของธนาคารและบริษัทบริหารสินทรัพย์ ในราคาส่วนลดพิเศษ รวมถึงการนำเสนอผลิตภัณฑ์สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำให้กับประชาชนที่สนใจซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัย และการลงทุน นอกจากนี้ ยังเป็นการช่วยระบายทรัพย์สินที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non Performing Asset : NPA) ในระบบสถาบันการเงินออกไปอีกทางหนึ่งด้วย
ปัจจุบันทรัพย์สินรอการขายของธนาคารพาณิชย์ที่แจ้งต่อธนาคารแห่งประเทศไทย ณ ครึ่งแรกของปี 2562 มีมูลค่ารวม 92,528 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีทรัพย์สินรอการขายที่อยู่กับบริษัทบริหารสินทรัพย์อีกประมาณ 40,000 ล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมา สถาบันการเงินแต่ละแห่ง ได้พยายามระบายทรัพย์ NPA ออกสู่ตลาดด้วยการจัดกิจกรรมการตลาดมาอย่างต่อเนื่อง โดยงาน NPA Grand Sale & Home Loan ถือเป็นกิจกรรมการตลาดครั้งใหญ่ประจำปี เพื่อช่วยธนาคารและบริษัทบริหารทรัพย์สินในการระบายทรัพย์ NPA และได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี
สำหรับการจัดงาน NPA Grand Sale & Home Loan 2019 ในครั้งนี้ มีธนาคารและบริษัทบริหารสินทรัพย์ที่ร่วมงาน ได้แก่ บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) บริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารไทยพาณิชย์ บริษัท เพียวเวลเนส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด นอกจากนี้ ยังมีธนาคารที่ร่วมนำเสนอผลิตภัณฑ์สินเชื่อให้กับประชาชนที่สนใจ ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารออมสิน ธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารแห่งประเทศจีน
ทั้งนี้ คาดว่า ธนาคารและบริษัทบริหารสินทรัพย์ที่เข้าร่วมงานจะนำทรัพย์สินรอการขายมาเสนอขายแสดงในงานเกือบ 10,000 รายการ มูลค่าประมาณ 20,000 ล้านบาท มีทั้งที่ดินเปล่า บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ และคอนโดมิเนียม ซึ่งโดยปกติทรัพย์สินรอการขาย หรืออสังหาริมทรัพย์มือสองจะมีราคาที่ต่ำกว่าอสังหาริมทรัพย์มือหนึ่งอยู่ประมาณ 30-50% และอยู่ในทำเลที่ตั้งที่อสังหาริมทรัพย์มือหนึ่งที่เปิดโครงการใหม่ได้ยากในปัจจุบัน ธนาคารและบริษัทบริหารสินทรัพย์ที่เข้าร่วมงานจะเสนอโปรโมชั่นส่วนลดพิเศษเพิ่มเติม รวมทั้งการให้สินเชื่อเงื่อนไขพิเศษ เพราะต้องการระบาย NPA ออกไปให้ได้มากที่สุด
สำหรับโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อในงานครั้งนี้ ธนาคารและบริษัทบริหารสินทรัพย์จะมีการนำทรัพย์มาขายในราคาไม่ถึงแสน หรือเสนอขายคอนโดใกล้แนวรถไฟฟ้าในราคาล้านต้นๆ พร้อมฟรีค่าโอน แจก แถม มูลสูงสุด 50,000 บาท เป็นต้น นอกจากนี้ ยังเสนอผลิตภัณฑ์สินเชื่อพิเศษ อาทิ ดอกเบี้ย 0% นาน 6 เดือน ให้วงเงินกู้สูงสุด 90-95% รวมทั้งของสมมนาคุณต่างๆ มากมาย โดยคาดว่าจะมียอดขายภายในงานประมาณ 3,000 ล้านบาท และยอดขายที่ตามมาหลังงานอีกประมาณ 10,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังมีพันธมิตรที่ร่วมนำเสนอสิ่งที่เป็นประโยชน์ให้แก่ผู้บริโภค ประกอบด้วย กรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง บริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ หรือเครดิตบูโร ที่มาให้บริการตรวจสอบเครดิตให้ฟรี และศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ที่จะนำข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ที่น่าสนใจมานำเสนอในงาน
นายกิตติ กล่าวว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์อยู่ในภาวะอุปทานมากกว่าอุปสงค์ ราคาจึงอยู่ในภาวะอ่อนตัวลง และยังมีปัจจัยหลายประการที่เอื้อต่อการการซื้อทรัพย์ NPA นอกจากเรื่องของราคาที่ถูกกว่ามากและอยู่ในทำเลที่ดีแล้ว ทิศทางดอกเบี้ยที่ลดลง และการผ่อนคลายมาตรการ LTV สำหรับผู้กู้ร่วม จะช่วยให้เกิดการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์มือสองเพิ่มขึ้น ซึ่งรวมถึงทรัพย์สินรอการขายของธนาคารด้วย นอกจากนี้ การก่อสร้างรถไฟฟ้าที่ครอบคลุมพื้นที่ทั่วทั้งกรุงเทพฯและปริมณฑล จะช่วยเปิดทำเลของทรัพย์สินรอการขายที่มีอยู่ในทุกพื้นที่ให้เดินทางได้สะดวกยิ่งขึ้น
ขณะเดียวกัน ทรัพย์สินรอการขายซึ่งเป็นอสังหาริมทรัพย์มือสองยังได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ของรัฐ คือในกรณีซื้อที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 5 ล้านบาท และโอนภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2562 ผู้ซื้อจะได้รับการลดหย่อนไม่ต้องนำเงินได้มาคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ไม่เกิน 2 แสนบาท และในกรณีที่ซื้อที่อยู่อาศัยในราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท จะได้ลดค่าธรรมเนียมการโอนเหลือและค่าธรรมเนียมการจดจำนองเหลือ 0.01% ภายในวันที่ 23 มิถุนายน 2563 นอกจากนี้ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลจะนำมาใช้ช่วยเศรษฐกิจฐานรากวงเงิน 3.1 แสนล้านบาท จะช่วยดึงความเชื่อมั่นให้กลับมาดีขึ้น