ตลาดรับสร้างบ้านไตรมาสที่ 3 ยังมีทิศทางที่ดี หลังยอดขายในงานรับสร้างบ้านและวัสดุ Expo 2019 เป็นที่น่าพอใจ ทำยอดขายได้ 2,640 ล้านบาท น้อยกว่าประมาณการ 12% เผยยังมั่นใจกำลังซื้อโดยเฉพาะตลาดบ้านระดับกลางบนยังไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ ส่วนตลาดภูธรยังขยายตัวสูง ด้านความต้องการปลูกสร้างบ้านในปีนี้ถืงต้นปีหน้ายังมีต่อเนื่อง มั่นใจมูลค่าตลาดรวมโตตามเป้าที่ 12,500 – 13,000 ล้านบาท
นางศิริพร สิงหรัญ นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน เปิดเผยว่า การจัดงานรับสร้างบ้านและวัสดุ Expo 2019 ระหว่างวันที่ 29 สิงหาคม – 1 กันยายน 2562 ณ อาคาร 6 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพค เมืองทองธานี ถือว่าได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นที่น่าพอใจ โดยสามารถทำยอดขายภายในงานได้รวม 2,640 ล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขทีน้อยกว่าประมาณการที่ตั้งไว้ที่ 3,000 ล้านบาท หรือต่ำกว่าเป้าหมายราว 12%
เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงทำให้ผู้บริโภคบางกลุ่มมีการชะลอการตัดสินใจออกไป อย่างไรก็ดีตลาดรับสร้างบ้านยังคงส่งสัญญาณที่ดีขึ้น เนื่องจากยอดขายภายในงานในปีนี้มีสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นจากเดิมมาอยู่ในอัตราส่วน 65% ต่อยอดขายก่อนงานที่ 35% ขณะที่ปีก่อนหน้า ยอดขายในงานมีสัดส่วนอยู่ที่ 50% เท่านั้น
“การนับยอดขายภายในงานทางสมาคมฯ จะให้ผู้เข้าแสดงงานสามารถส่งยอดขายตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม – 28 สิงหาคม 2562 เข้ามารวมด้วยได้เพื่อเก็บตัวเลขยอดขายในไตรมาสที่ 2 ซึ่งในปีนี้ยอดขายก่อนงานถือว่ามีเกณฑ์ที่ลดลง ซึ่งคงเป็นผลมาจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงในไตรมาสที่ 2 แต่เมื่อมีการจัดงานและมีการจัดโปรโมชันรูปแบบต่าง ๆ ผู้บริโภคก็เร่งกลับเข้ามาซื้ออีกครั้งซึ่งคาดว่าตัวเลขในไตรมาสที่ 3 น่าจะมีทิศทางที่ดี เนื่องจากยังมียอดขายที่จะตามหลังงานอีกไม่น่าจะต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท” นางศิริพร กล่าว
นางศิริพร กล่าวต่อไปว่า จากการเก็บตัวเลขยอดขายภายในงานโดยใช้มูลค่ารวมของการขายเป็นเกณฑ์ พบว่าในปีนี้ บ้านระดับราคา 2.51 – 5 ล้านบาท มีสัดส่วนสูงที่สุดคือ 40.1% รองลงมาคือบ้านระดับราคา 5.01 – 10 ล้านบาท ที่ 29.9% บ้านระดับราคา 10.01 – 20 ล้านบาท ที่ 13.2% ส่วนบ้านระดับราคาไม่เกิน 2.5 ล้านบาท มีสัดส่วน 12.7% และ บ้านระดับราคา 20.01 ล้านบาทขึ้นไปมีสัดส่วน 4.1%
โดยตัวเลขดังกล่าวค่อนข้างแสดงให้เห็นว่าบ้านระดับกลางถึงบน มีกำลังซื้อที่หนาแน่นสุด เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายกลุ่มนี้ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่ไม่มากนัก ขณะเดียวกันเมื่อดูถึงแนวโน้มความต้องการปลูกสร้างบ้าน ซึ่งเป็นการสำรวจผู้บริโภคที่เข้าชมงานพบว่า ส่วนใหญ่ต้องการปลูกสร้างบ้านภายใน 3-6 เดือนซึ่งน่าจะส่งผลดีต่อภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านด้วยเช่นกัน
สำหรับการจัดงานในปีนี้ ยังพบข้อมูลสำคัญที่น่าสนใจเพิ่มขึ้น คือตัวเลขของผู้ที่ต้องการสร้างบ้านในต่างจังหวัดมีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่งน่าจะมาจากความต้องการในตลาดต่างจังหวัดเพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับเริ่มมีบริษัทรับสร้างบ้านมีการเปิดสาขาในต่างจังหวัด และ มีบริษัทรับสร้างบ้านท้องถิ่นที่พัฒนาขึ้นมาเพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้ผู้บริโภคในต่างจังหวัดยังมีการเปลี่ยนพฤติกรรมจากการใช้ผู้รับเหมาทั่วไป มาว่าจ้างบริษัทรับสร้างบ้านที่เป็นมืออาชีพมากยิ่งขึ้น ซึ่งในส่วนนี้ถือเป็นผลมาจากการที่สมาคมฯ พยายามพัฒนาผู้ประกอบการท้องถิ่นเพิ่มมากขึ้น ผ่านการฝึกอบรมหลักสูตร Home Builder Expert หรือ HBEX ซึ่งกำลังจะเปิดอบรมในรุ่นที่ 2 เร็ว ๆ นี้ ซึ่งคาดว่าตลาดในต่างจังหวัดยังมีทิศทางที่จะขยายตัวได้อย่างมากในอนาคต
ด้านมูลค่าตลาดรวมของธุรกิจรับสร้างบ้านในปีนี้ จากตัวเลขภายในงานที่ยอดขายในไตรมาสที่ 3 มีทิศทางการปรับตัวที่ดีขึ้น สมาคมฯ คาดว่ามูลค่าตลาดรวมของธุรกิจรับสร้างบ้านน่าจะยังเติบโตตามที่ประมาณการไว้ที่ประมาณ 5-8% คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 12,500 – 13,000 ล้านบาท