อโกด้า พาเดินเล่นกินช้อป 12 ตลาดคริสต์มาสชื่อดัง

41

วันคริสต์มาสขยับใกล้เข้ามาทุกที หลายประเทศทั่วโลกก็เริ่มเข้าสู่โหมดเฉลิมฉลองเทศกาลแห่งความอบอุ่น ผู้คนเปิดเพลงวันคริสต์มาสร้องคลอกันอย่างเพลิดเพลิน นำมิสเซิลโทมาแขวนประดับตามบ้านและสวน ส่วนเด็ก ๆ ก็ตั้งใจเขียนรายการของขวัญเตรียมส่งให้ซานตาคลอส

สำหรับใครที่รู้สึกอยากออกไปเที่ยวในช่วงนี้ แต่ยังเลือกไม่ถูกว่าจะไปที่ไหน ลองมาดู 12 ตลาดคริสต์มาสในยุโรป อเมริกาเหนือ และเอเชียที่ อโกด้า คัดสรรมาให้เป็นไอเดีย พร้อมที่พักใกล้เคียง เพื่อบินไปสัมผัสบรรยากาศแห่งความสุขกัน

ยุโรป
ตลาดคริสต์มาสมีต้นกำเนิดอยู่ในยุโรป ดังนั้นหลายเมืองในทวีปนี้จึงเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ดีที่สุดสำหรับการเดินเที่ยวเล่นท่ามกลางบรรยากาศของเทศกาลแห่งความอบอุ่น ใต้แสงไฟสุดตระการตาที่ประดับประดาไปตามถนน

1. Gendarmenmarkt Christmas Market, เบอร์ลิน, เยอรมนี
อาคารประวัติศาสตร์สามแห่งที่จตุรัสเก็นดาร์เม็นมาร์ก (Gendarmenmarkt) มีความสวยงามน่าไปเยี่ยมชมในทุกฤดูของปี โดยเฉพาะในช่วงคริสต์มาสที่จะมีการนำไฟมาประดับประดาทั่วบริเวณตลาด มีร้านค้าขายงานฝีมือโอริกามิ เข็มขัด และงานศิลปะที่ทำจากกระจก แถมยังมีร้านขายอาหารเยอรมัน ออสเตรีย และบาวาเรียจานเด็ด กลิ่นหอมชวนชิมให้เลือกอร่อยมากมาย

รู้หรือไม่? ไม่ต้องตกใจไปหากคุณสั่งไวน์ผสมเครื่องเทศ (mulled wine) แล้วทางร้านคิดราคาสูงกว่าราคาที่ขายทั่วไป เพราะเงินที่คิดเพิ่มนั้นเป็นเหมือนเงินวางมัดจำสำหรับแก้ว mug ซึ่งคุณสามารถคืนหรือเก็บไว้ก็ได้ เพราะโดยปกติแล้ว แก้วนี้จะได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับเทศกาลคริสต์มาสโดยเฉพาะ

2. St Stephen’s Basilica Christmas Market , บูดาเปสต์, ฮังการี
หากใครชื่นชอบเทคโนโลยี ต้องลองมาที่ตลาดคริสต์มาส ณ มหาวิหารเซนต์สตีเฟน เพราะที่นี่มีชื่อเสียงในการจัดแสดงภาพวาด 3 มิติที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปแห่งหนึ่ง โดยผู้คนสามารถดูและเป็นส่วนหนึ่งของการเล่าเรื่องที่ฉายบนด้านหน้าของตัวมหาวิหารได้ นอกจากนี้ยังมีลานสเก็ตฟรีสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 14 ปี รวมถึงบูธอาหารเครื่องดื่มฮังการีสูตรพิเศษ อาทิ ไส้กรอกทอดสไตล์พื้นเมือง และ pálinka (บรั่นดีผลไม้)

รู้หรือไม่? เด็กชาวฮังกาเรียนจะได้รับของขวัญสองครั้งในช่วงเทศกาลคริสต์มาส โดยในวันที่ 6 ธันวาคม เด็ก ๆ จะวางรองเท้าไว้ตรงขอบหน้าต่างเพื่อรับของขวัญชิ้นเล็ก ๆ อย่างขนมหวานหรือช็อกโกแลต และจะได้รับของขวัญใต้ต้นคริสต์มาสอีกครั้งในคืนก่อนวันคริสต์มาสหรือในวันคริสต์มาส

3. Advent spectacle at Wittelsbacherplatz ตลาดคริสต์มาสยุคกลาง, มิวนิก, เยอรมนี
ย้อนเวลาสู่ยุคกลางในมิวนิกได้ที่ตลาดคริสต์มาสแห่งนี้ โดยคนขายจะใส่เครื่องแต่งกายสมัยยุคกลาง มีการนำภาชนะย้อนยุคมาใช้และการแสดงโชว์สุดเจ๋ง ยิ่งถ้าเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ ตลาดจะครึกครื้นเป็นพิเศษ มีทั้งนักดนตรียุคกลางมายืนร้องเพลง และอัศวินสวมเกราะเดินตรวจตราบนถนน อีกทั้งอาหารในงานก็เป็นสูตรดั้งเดิม สอดคล้องไปกับธีมของงาน

รู้หรือไม่? ใครที่มองหาของขวัญที่เป็นของกินละก็ Lebkuchen ขนมคุกกี้ดั้งเดิมของเยอรมันก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ ปกติแล้ว Lebkuchen จะเป็นคุกกี้รูปหัวใจขนาดใหญ่ มีข้อความเกี่ยวกับคริสต์มาสประดับอยู่ เหมาะสำหรับคนรักขนมหวาน

4. Winter Wonderland Hyde Park, ลอนดอน, อังกฤษ
วินเทอร์ วันเดอร์แลนด์ ณ สวนสาธารณะไฮด์ปาร์ค ไม่ได้มีแค่ร้านขายของขวัญหรือของกินช่วงคริสต์มาสเท่านั้น แต่ยังมีเครื่องเล่นและจุดเที่ยวชมกว่า 100 จุดให้ไปสนุกเพลิดเพลิน ในปีนี้ตลาดจะมีชิงช้าสวรรค์แบบเคลื่อนย้ายได้ที่สูงที่สุดในโลก ลานสเก็ตน้ำแข็งกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดในสหราชอาณาจักร คาราโอเกะ ประติมากรรมรูปปั้น การแสดง และกิจกรรมบันเทิงมากมายสำหรับทั้งครอบครัว

รู้หรือไม่? หากใครอยากลองเครื่องดื่มคริสต์มาสแบบอื่น ที่ไม่ใช่ช็อกโกแลตร้อนหรือแบบผสมเครื่องเทศ ก็สามารถไปลองเมนูเครื่องดื่มหลากหลายได้ที่ Bar Ice ในวินเทอร์วันเดอร์แลนด์ ซึ่งบริการเครื่องดื่มทั้งแบบมีแอลกอฮอล์และแบบไม่มีแอลกอฮอล์ และเสิร์ฟในแก้วที่แกะสลักจากน้ำแข็ง ใครสนใจ เราขอแนะนำให้จองตั๋วล่วงหน้าไว้เลย

5. Old Town Square, ปราก, สาธารณรัฐเช็ก
ดื่มด่ำกับเทศกาลคริสต์มาสสไตล์เช็กแท้ๆ ที่ตลาดคริสต์มาสจัตุรัสเมืองเก่าในปราก ซึ่งเป็นหนึ่งในตลาดคริสต์มาสที่สวยงามและมีชีวิตชีวาที่สุดในประเทศ ชมการเต้นรำและการแสดงศิลปะเพื่อความบันเทิงอันหลากหลาย ลิ้มรสอาหารและเครื่องดื่มท้องถิ่น อย่าง แฮมย่าง ไส้กรอก เค้กคริสต์มาสเช็ก และเบียร์ ตบท้ายด้วยเครื่องดื่มร้อน ๆ อย่างไวน์น้ำผึ้ง เหล้าเจือจางด้วยน้ำ (grog) และช็อคโกแลตร้อน

รู้หรือไม่? ชาวเช็กนิยมนำปลาตระกูลปลาคาร์ฟมาทอดกิน เป็นเมนูพิเศษมื้อเย็นแทนการกินไก่งวงในคืนก่อนวันคริสต์มาส

6. Karlsplatz Art Advent, เวียนนา, ออสเตรีย
ตลาดคริสต์มาสที่จัตุรัสคาร์ลสปลาทซ์ เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ไม่ควรพลาดสำหรับคนชอบงานศิลปะและวัฒนธรรม เพราะที่นี่มีสินค้างานฝีมือธีมคริสต์มาสคุณภาพสูงที่ไม่เหมือนใครวางขายอยู่มากมาย โดยคนขายจะต้องผ่านการคัดเลือกโดยคณะกรรมการก่อน ถึงจะสามารถนำผลงานหรือสินค้ามาแสดงและขายที่ตลาดได้ ด้านร้านขายอาหารและเครื่องดื่มก็มีแบบออร์แกนิก เดินกินไปช้อปของไปได้ไม่เบื่อแน่นอน

รู้หรือไม่? ชาวออสเตรียมีความเชื่อว่า ถ้านำกิ่งต้นเชอร์รี่ไปวางไว้ในแจกันที่ใส่น้ำในวันที่ 4 ธันวาคม แล้วมีดอกไม้บานออกมาจากกิ่งในคืนก่อนวันคริสต์มาส ครอบครัวของพวกเขาจะได้รับโชคดี

อเมริกาเหนือ
คริสต์มาสเป็นหนึ่งในเทศกาลที่มีผู้คนร่วมเฉลิมฉลองมากที่สุดในอเมริกา โดยเทศกาลจะเริ่มต้นด้วยช่วงเวลาช้อปปิ้ง อย่าง Black Friday ที่จะมีขึ้นหลังจากวันขอบคุณพระเจ้า (Thanksgiving) ในปลายเดือนพฤศจิกายน

7. The Great Dickens Fair, ซานฟรานซิสโก, แคลิฟอร์เนีย
แฟนนวนิยายของชาลส์ ดิกคินส์จะต้องหลงรักตลาดคริสต์มาสแห่งนี้ เพราะที่นี่มีการนำนวนิยายคลาสสิกเรื่อง “A Christmas Carol” มาเป็นธีมของงานที่ The Cow Palace ผู้คนจะรู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในนิยายจริง ๆ เมื่อได้เดินรอบตลาดยามค่ำคืนอันคึกคัก ที่มีการเซ็ตฉากให้คล้ายกับลอนดอนยุควิคตอเรียในศตวรรษที่ 19 ลองเล่นเกมหาโอลิเวอร์ ทวิสต์ หรือพระราชินีวิกตอเรีย ท่ามกลางคนที่แต่งตัวชุดสไตล์วิกตอเรียนนับร้อยคน และเมื่อรู้สึกหิวหรือกระหายน้ำ ให้เดินไปที่ ‘ผับอังกฤษ’ หรือ ‘English pubs’ สั่งเครื่องดื่มสักแก้วมาคู่กับพายเนื้อและเกาลัดคั่ว แล้วค่อยไปเดินช้อปปิ้งหาซื้อของขวัญต่อ

รู้หรือไม่? ประเพณีคริสต์มาสหลายประเพณีกำเนิดขึ้นในยุควิคตอเรียน เช่น การส่งการ์ดคริสต์มาส การร้องเพลงคริสต์มาสแครอล การดึงแครกเกอร์คริสต์มาส และการกินไก่งวงอบ

8. Vancouver Christmas Market , แวนคูเวอร์, แคนาดา
ตลาดคริสต์มาสที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเยอรมันแห่งนี้ มีสินค้าหลายประเภทจากทั่วโลกให้เลือกซื้อ ทั้งสินค้าธีมคริสต์มาส งานฝีมืออันสวยงามต่าง ๆ รวมถึงอาหาร เช่นขาหมู เค้กปล่องไฟ (chimney cake) ชีสราแคล็ตต์ (raclette) ไส้กรอกบราตวัวร์สต์ (bratwurst) เหมือนกับตลาดคริสต์มาสในยุโรป แถมในตลาดยังมีมุมเหมาะสำหรับถ่ายรูปลงอินสตาแกรมหลายมุม อย่างในต้นคริสต์มาสที่เดินเข้าไปได้ และทางเดินคู่รัก ที่คู่รักสามารถไปล็อคกุญแจด้วยกันได้

รู้หรือไม่? วันบ็อกซิ่งเดย์ (Boxing Day) ของแคนาดาคือวันที่ 26 ธันวาคม ร้านค้ามากมายจะนำสินค้าลดราคามาขาย นับเป็นงานเซลล์ยิ่งใหญ่แห่งปีสำหรับนักช้อป วันบ็อกซิ่งเดย์มีต้นกำเนิดในสหราชอาณาจักร โดยมาจากคำว่า “Christmas Box”

9. Enchant Christmas, วอชิงตันดีซี, อเมริกา
แม้ว่า Enchant จะไม่ใช่ตลาดคริสต์มาสแบบในยุโรป แต่ก็เป็นหนึ่งในตลาดคริสต์มาสที่สว่างไสวที่สุดในอเมริกา จุดเด่นของตลาดแห่งนี้คือ เขาวงกตประดับไฟคริสต์มาสที่ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นการเดินผจญภัยคล้ายในเรื่องราวดั้งเดิมเรื่องหนึ่ง ส่วนรอบข้างก็มีเส้นทางสเก็ตที่ตกแต่งด้วยต้นไม้ที่มีไฟ กวางเรนเดียร์ และของตกแต่งแนวคริสต์มาส

รู้หรือไม่? ต้นคริสต์มาสแห่งชาติของอเมริกาตั้งอยู่ด้านหน้าทำเนียบขาว และจะมีต้นคริสต์มาสขนาดเล็กลงมาอีก 56 ต้น ซึ่งเป็นตัวแทนของรัฐ และดินแดนต่าง ๆ ของอเมริกาล้อมรอบอยู่

เอเชียแปซิฟิก
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ฤดูกาลแห่งความสุขและการให้ของขวัญ ค่อย ๆ กลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมในเอเชียแปซิฟิก แต่ละประเทศก็มีสถานที่ท่องเที่ยวนำเสนอที่แตกต่างกันไป

10. Christmasland, นิวไทเป, ไต้หวัน
คริสต์มาสแลนด์ เป็นตลาดคริสต์มาสขนาดใหญ่ ที่ทั้งตกแต่งสวยที่สุด และมีต้นคริสต์มาสสูงที่สุดในไต้หวัน ที่นี่มีหลากหลายกิจกรรมสนุกสนานสำหรับทุกเพศทุกวัย อย่างเช่นเครื่องเล่น เกมคานิวัล และคอนเสิร์ต ตื่นตากับการจัดแสดงไฟ LED และการแสดงแสงสีอันงดงาม มีเพลงพื้นบ้านเล่นและการแสดงเต้นโชว์ประกอบกัน

รู้หรือไม่? ตลาดจัดขึ้นในเขตบันเฉียว (Banqiao) ในนิวไทเป เดินทางสะดวกเพียงนั่งรถไฟใต้ดิน แล้วเดินผ่านจัตุรัส Citizens ตามแสงไฟไปที่คริสต์มาสแลนด์

11. German Christmas Market, ซัปโปโร, ญี่ปุ่น
ตลาดคริสต์มาสที่ซัปโปโรนี้ เปรียบเหมือนยกตลาดคริสต์มาสที่เยอรมันมาตั้งในญี่ปุ่น ตลาดนี้มีร้านค้าขายของขวัญและของที่ระลึกมากมาย รวมไปถึงร้านนาฬิกา และเวิร์กช็อปสอนทำงานฝีมือแนวคริสต์มาส ในส่วนของอาหารก็มีเมนูเยอรมัน และอาหารยุโรปประเภทอื่นให้เลือกชิม เครื่องดื่มร้อน ๆ อย่าง Glühwein (ไวน์ผสมเครื่องเทศ) หรือช็อคโกแลตร้อน ก็ช่วยคลายหนาวได้เป็นอย่างดี

รู้หรือไม่? สวนสาธารณะโอโดริ (Odori Park) มีมุมสวย ๆ เหมาะกับการถ่ายรูปลงอินสตาแกรมอยู่หลายมุม เพลิดเพลินกับบรรยากาศโรแมนติกของเทศกาลประดับไฟประจำฤดูหนาวที่ซัปโปโร (Sapporo White Illumination) ซึ่งมีไฟ และรูปปั้นหลากสีสันประดับประดาอยู่สวยงาม ตัดกับสีขาวของหิมะ

12. Christmas Wonderland, สิงคโปร์
หากใครเคยนึกสงสัยว่าคริสต์มาสในประเทศเขตร้อนนั้นเป็นอย่างไร ต้องแวะมาที่คริสต์มาสวันเดอร์แลนด์ในสิงคโปร์ ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีที่การ์เด้น บาย เดอะ เบย์ (Gardens by the Bay) อันโด่งดัง ตื่นตากับประติมากรรม และต้นคริสต์มาสที่สร้างขึ้นโดยใช้แสงที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย นับถอยสู่เวลา Blizzard Time ที่จะทำให้ผู้คนสนุกไปกับหิมะ หรือจะไปเล่นสเก็ตน้ำแข็งที่ตลาดก็สนุกไม่แพ้กัน ส่วนเด็ก ๆ ก็สนุกได้กับเกมคานิวัล เครื่องเล่น และถ้ำจำลองที่มีซานต้านั่งรอเด็ก ๆ ไปเยี่ยมอยู่

รู้หรือไม่? ประทับใจกับกลิ่นอายคริสต์มาสบนถนนออร์ชาร์ด (Orchard Road) แหล่งช้อปปิ้งขึ้นชื่อของสิงคโปร์ พื้นที่ดังกล่าวจะถูกเปลี่ยนให้เป็นดินแดนมหัศจรรย์ ด้วยการนำแสงไฟระยิบระยับมาตกแต่งทั่วบริเวณ