โรคคอตีบเป็นโรคติดเชื้อเฉียบพลันในระบบหายใจส่วนบน ติดต่อจากคนสู่คนโดยการหายใจเอาละอองฝอยที่มีเชื้อปนเปื้อน ซึ่งเชื้อสามารถอยู่ในลำคอของผู้ที่เป็นพาหะได้นานถึง 2 เดือน โดยมีรายงานว่าในช่วงปลายปี มีแนวโน้มผู้ป่วยเพิ่มขึ้น
นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า จากการเฝ้าระวังของกรมควบคุมโรค สถานการณ์โรคคอตีบ ในปี 2562 พบผู้ป่วยแล้ว 23 ราย เสียชีวิต 4 ราย กลุ่มที่มีอัตราป่วยสูงสุด ได้แก่ เด็กแรกเกิด-9 ปี รองลงมาคือ 10–14 ปี ข้อมูลจากการตรวจสอบข่าวการระบาดในระบบเฝ้าระวังเหตุการณ์ ในปีนี้มีรายงานทั้งหมด 83 เหตุการณ์ พบผู้ป่วยเข้าเกณฑ์รายงานสงสัยโรคคอตีบ 83 ราย โดยเป็นผู้ป่วยยืนยันตามระบบเฝ้าระวังทางระบาดวิทยา (รง.506) จำนวน 23 ราย ส่วนในกลุ่มผู้เสียชีวิต 4 ราย เป็นเด็กอายุระหว่าง 2–9 ปี ผู้เสียชีวิตไม่มีประวัติได้รับวัคซีนหรือได้รับไม่เพียงพอ
พยากรณ์โรคและภัยสุขภาพในสัปดาห์นี้ (วันที่ 24 – 30 พ.ย. 62) คาดว่าจำนวนผู้ป่วยโรคคอตีบมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เนื่องจากมักมีการรายงานพบผู้ป่วยสูงสุดอยู่ในช่วงเดือนกรกฎาคม–กันยายน และอีกช่วงคือระหว่างเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม และอาจพบความรุนแรงขึ้นในกลุ่มเด็กเล็กและเด็กวัยเรียนที่ได้รับวัคซีนไม่เพียงพอ โรคคอตีบเป็นโรคติดเชื้อเฉียบพลันในระบบหายใจส่วนบน ติดต่อจากคนสู่คนโดยการหายใจเอาละอองฝอยที่มีเชื้อปนเปื้อน ซึ่งเชื้อสามารถอยู่ในลำคอของผู้ที่เป็นพาหะได้นานถึง 2 เดือน
ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมีอาการไข้ เจ็บคอ และพบแผ่นฝ้าขาวในคอ โดยเชื้อที่เป็นสาเหตุมีทั้งสายพันธุ์ที่ทำให้เกิดพิษ และไม่ทำให้เกิดพิษ ซึ่งพิษสามารถก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้ เช่น เยื่อบุทางเดินหายใจบวมเกิดการอุดตันของทางเดินหายใจส่วนบน กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ เส้นประสาทอักเสบ และเสียชีวิตได้
กรมควบคุมโรค ขอแนะนำให้ประชาชนพาบุตรหลานไปรับวัคซีนให้ครบตามช่วงเวลาที่กำหนด เพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันในแต่ละบุคคล ลดการเจ็บป่วยรุนแรง และยังสามารถช่วยสร้างการคุ้มกันและลดการแพร่กระจายเชื้อในชุมชนได้อีกด้วย
นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการพาเด็กเล็กไปยังสถานที่แออัด สังเกตอาการเจ็บป่วยของบุตรหลานและเพื่อนร่วมชั้นเรียน และเฝ้าระวังผู้สัมผัสใกล้ชิดที่อาจเป็นพาหะโรคคอตีบได้ หากพบบุตรหลานมีอาการป่วยสงสัยตามข้างต้น ควรรีบไปพบแพทย์โดยเร็ว สอบถามข้อมูลได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422”