9 วัคซีนจำเป็นที่นักท่องเที่ยวต้องรู้ ก่อนเดินทาง

17

หนึ่งในแผนท่องเที่ยวที่หลายคนอาจไม่เคยรู้หรือมองข้ามไปก็คือ การฉีดวัคซีนเพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันให้ร่างกายไม่ต้องพบกับความเจ็บป่วย อีกทั้งยังช่วยลดความรุนแรงหากต้องเผชิญกับโรคที่ไม่คาดคิด โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคเรื้อรังและผู้สูงอายุควรตรวจร่างกายและฉีดวัคซีนก่อนออกเดินทางเพื่อให้การท่องเที่ยวเป็นไปตาม แพลนและได้พักผ่อนอย่างแท้จริง

นพ.ไพฑูรย์ บุญมา แพทย์อายุรกรรมโรคติดเชื้อ คลินิกอายุรกรรม โรงพยาบาลกรุงเทพ กล่าวว่า วัคซีนที่จำเป็นสำหรับนักท่องเที่ยวมีรายละเอียดดังนี้ 1.วัคซีนโรคไข้เหลือง (Yellow fever vaccine) ตามกฎอนามัยระหว่างประเทศ (WHO IHR) แนะนำให้ผู้ที่จะเดินทางไปประเทศในแถบแอฟริกากลางและอเมริกาใต้ต้องรับวัคซีนไข้เหลืองก่อนเดินทางอย่างน้อย 10 วัน เนื่องจากประเทศดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่มีการระบาดสูง ส่วนการรับเข็มกระตุ้นนั้นจะทำได้ทุก 10 ปี

2.วัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ (Influenza vaccine) แนะนำให้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ทุกปี ปีละ 1 ครั้ง เนื่องจากเชื้อไข้หวัดใหญ่มีการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์อยู่ตลอด ในประเทศไทยแนะนำให้ฉีดวัคซีนก่อนช่วงฤดูฝน สำหรับผู้เดินทางท่องเที่ยว ควรฉีดก่อนเดินทางอย่างน้อย 2 สัปดาห์

3.วัคซีนป้องกันโรคไข้ไทฟอยด์ (Typhoid vaccine)แนะนำให้รับวัคซีนป้องกันโรคไข้ไทฟอยด์เมื่อต้องไปในพื้นที่เสี่ยงภัยและต้องพักอาศัย หรือทำงานอยู่กับชาวพื้นเมือง หรือต้องอาศัยอยู่ในที่ที่มีสุขอนามัยที่ไม่ดีพอ อาหาร น้ำดื่มไม่สะอาด พื้นที่ที่เสี่ยงต่อโรคนี้ ได้แก่ อินเดีย แอฟริกา เอเชียใต้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อเมริกาใต้ ตะวันออกกลาง ยุโรป และอเมริกากลาง วัคซีนชนิดนี้จะรับเพียงเข็มเดียวและควรได้รับก่อนที่จะออกเดินทางประมาณ 1 เดือน และควรได้รับการกระตุ้นซ้ำทุก 3 ปี หากต้องอาศัยอยู่ในพื้นที่เป็นเวลานาน

4.วัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบเอ (Hepatitis A vaccine) แนะนำฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบเอในประชากรกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ ผู้ป่วยโรคตับเรื้อรัง เนื่องจากมีโอกาสสูงในการเกิดโรครุนแรง ผู้ประกอบอาหาร กลุ่มชายรักชาย ผู้ติดยาเสพติด หรือผู้ที่จะเดินทางไปประเทศที่มีความเสี่ยงสูง ที่มีสุขอนามัยไม่ดีพอ โดยควรฉีดเพียง 2 เข็มห่างกัน 6 – 12 เดือน

5.วัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบี (Hepatitis B vaccine) โรคไวรัสตับอักเสบบีเป็นโรคที่ก่อให้เกิดการติดเชื้อเรื้อรังนำไปสู่โรคตับแข็งและมะเร็งตับได้ แนะนำฉีดวัคซีนประชากรกลุ่มเสี่ยงต่อการติดโรคนี้ ได้แก่ ผู้ติดยาเสพติด รักร่วมเพศ ผู้ป่วยโรคไตที่ทำการฟอกไต ผู้ป่วยที่รับเลือดบ่อย ผู้ที่มีคนในครอบครัวเป็นโรคนี้ โดยฉีดทั้งหมด 3 ครั้ง ครั้งที่ 2 ห่างจากครั้งแรก 1 – 2 เดือน ครั้งที่ 3 ห่างจากครั้งแรก 6 เดือน

6.วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า (Rabies Vaccine) หลายคนอาจสงสัยว่าวัคซีนพิษสุนัขบ้านี้เกี่ยวกับการเดินทางอย่างไร เนื่องจากวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าเป็นวัคซีนที่พบได้บ่อยถ้าต้องเดินทางไปอยู่ในประเทศที่มีสัตว์เร่ร่อนจำนวนมาก และถ้าต้องอยู่ในประเทศนั้นเป็นเวลาอย่างน้อย 1 เดือน หรือต้องทำกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการสัมผัสกับสัตว์นำโรค การให้วัคซีนแบ่งให้เป็น 3 ครั้ง ครั้งที่ 2 จะแบ่งให้หลังจากรับเข็มแรก 7 วัน และครั้งที่ 3 จะรับหลังจากเข็มที่ 2 เป็นเวลา 14 – 21 วัน การรับเข็มกระตุ้นหรือเข็มที่ 4 ไม่จำเป็นต่อผู้ที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศ นอกเสียจากว่าเคยได้รับวัคซีนโรคพิษสุนัขบ้ามานานกว่า 10 ปีแล้ว

7.วัคซีนป้องกันโรคไข้กาฬหลังแอ่น (Meningococcal vaccine) นักท่องเที่ยวควรรับวัคซีนป้องกันโรคไข้กาฬหลังแอ่น หากต้องอาศัยอยู่กับประชากรของประเทศซึ่งมีการระบาดเป็นเวลานาน เช่น แอฟริกาและซาอุดิอาระเบีย เป็นต้น โดยผู้ที่ต้องเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ ประเทศซาอุดิอาระเบียจะต้องรับวัคซีนนี้ก่อนทุกคน ซึ่งเป็นการฉีดเพียงครั้งเดียวก่อนออกเดินทางประมาณ 2 – 3 สัปดาห์

8.วัคซีนป้องกันอหิวาตกโรค (Cholera vaccine) การให้วัคซีนป้องกันอหิวาตกโรคเป็นวัคซีนที่ผู้ที่ต้องเดินทางส่วนใหญ่ควรได้รับ ส่วนมากโรคนี้จะระบาดในพื้นที่ที่ไม่สะอาดและไม่ถูกสุขลักษณะ มีน้ำที่ไม่สะอาด เช่น เขตแอฟริกา เอเชียใต้ หรือตะวันออกเฉียงใต้ เป็นต้น วัคซีนชนิดนี้จะเป็นวัคซีนชนิดรับประทานแบ่งให้ 2 ครั้ง โดยให้ห่างกันในระยะเวลา 1 – 6 สัปดาห์ เด็กอายุ 2 – 6 ปี ควรได้รับ 3 ครั้ง โดยระยะห่าง 1 – 6 สัปดาห์เช่นกัน ผู้รับวัคซีนต้องมั่นใจว่าได้รับวัคซีนครบถ้วนก่อนจะออกเดินทางอย่างน้อย 1 สัปดาห์

และ 9.วัคซีนป้องกันโรคหัด หัดเยอรมัน คางทูม (Measles / Mumps / Rubella vaccine) จะได้รับในเด็กทุกคนตั้งแต่เกิด แต่หากยังไม่ได้รับวัคซีนนี้และต้องเดินทางไปยังประเทศที่โรคกำลังแพร่ระบาด ควรจะรับวัคซีนก่อนออกเดินทาง โดยวัคซีนจะแบ่งเป็น 2 เข็ม ทั่วไปจะได้รับในเด็กอายุ 12 – 13 เดือน และเริ่มเข้าโรงเรียน อย่างไรก็ตามผู้ใหญ่สามารถรับได้ 2 เข็มเช่นกัน โดยเว้นระยะห่างระหว่างเข็มเป็นเวลา 1 เดือน โดยควรจะได้รับเข็มที่ 2 ก่อนออกเดินทางประมาณ 2 สัปดาห์

ทั้งนี้ การฉีดวัคซีน แพทย์จะพิจารณาการฉีดวัคซีนให้กับนักท่องเที่ยวตามความเหมาะสม ซึ่งแพทย์จะพิจารณาจากข้อมูลสุขภาพ ผลการตรวจร่างกาย สถานที่หรือประเทศที่ไปท่องเที่ยว ระยะเวลาในการท่องเที่ยว ตลอดจนกิจกรรมที่ทำขณะท่องเที่ยว เพราะฉะนั้นการฉีดวัคซีนก่อนท่องเที่ยวคือหนึ่งในแพลนที่ไม่ควรละเลยอย่างเด็ดขาด สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ คลินิกอายุรกรรม โรงพยาบาลกรุงเทพ โทร. 02-310-3003 02-755-1003 หรือ โทร.1719