แคนนอน เปิดตัว EOS-1D X Mark III สุดยอดกล้องฟูลเฟรมขั้นเทพ ที่สามารถถ่ายวิดีโอ 4K โดยไม่ต้องครอป พร้อมฟีเจอร์ใหม่มากมาย เพื่อคุณภาพสูงสุดของภาพนิ่งและวิดีโอ
แคนนอน เปิดตัวกล้อง EOS-1D X Mark III ที่พัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของนักถ่ายภาพระดับมืออาชีพที่ต้องการคุณภาพและประสิทธิภาพสูงสุด มาพร้อมเซ็นเซอร์ฟูลเฟรม CMOS 35 มม. ความละเอียด 20.1 ล้านพิกเซล ชิปประมวลผลภาพรุ่นใหม่ DIGIC X เพื่องานภาพถ่ายคุณภาพสูงสุดในสถานการณ์ที่หลากหลาย ถ่ายภาพต่อเนื่องได้สูงสุด 20 ภาพต่อวินาที ถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงได้ถึงระดับ 4K 60p และมีเทคโนโลยีออโต้โฟกัส Dual Pixel CMOS AF เป็นกล้อง DSLR เรือธงของแคนนอนทั้งในด้านประสิทธิภาพ ความหลากหลายและความสะดวกในการใช้งาน สามารถเป็นกล้องคู่ใจนักถ่ายภาพมืออาชีพประสบการณ์สูงไปจนถึงมือสมัครเล่นระดับก้าวหน้า
ฟีเจอร์เด่นของ Canon EOS-1D X Mark III
• เซ็นเซอร์ภาพ CMOS รุ่นใหม่ ขนาดฟูลเฟรม 35 มม. ความละเอียด 20.1 ล้านพิกเซล
• ความเร็วถ่ายภาพต่อเนื่องสูงสุด 16 ภาพต่อวินาทีในโหมดช่องมองภาพ และสูงสุด 20 ภาพต่อวินาทีในโหมด Live View พร้อมระบบโฟกัสและตั้งค่าแสงอัตโนมัติเมื่อติดตามวัตถุ (AF/AE tracking)
• ชิปประมวลผลภาพ DIGIC X และช่องใส่การ์ด CFexpress 2 ช่อง ช่วยเพิ่ม burst rate ได้ถึง 1,000 ภาพ ได้ทั้งฟอร์แมต RAW และ JPEG
• เซ็นเซอร์ AF ใหม่ พร้อมระบบ AI Servo AF IV ช่วยเพิ่มความเร็วออโต้โฟกัสและประสิทธิภาพในการติดตามวัตถุ
• ถ่ายวิดีโอคุณภาพระดับ 4K UHD และ 4K DCI 60p/50p รองรับ Canon Log 4:2:2 10-bit
• บันทึกวิดีโอในฟอร์แมต RAW 5.5K และ MP4 ได้พร้อมกันในตัวกล้อง
• มี Bluetooth, GPS และ Wi-Fi สำหรับถ่ายโอนภาพและวิดีโอ รองรับ 5Ghz wireless LAN และ 2×2 MIMO เมื่อใช้ร่วมกับอุปกรณ์ส่งไฟล์ไร้สาย WFT-E9A
สุดยอดกล้องจากตระกูล EOS โดดเด่นด้วยความเร็วและประสิทธิภาพขั้นสุด
Canon EOS-1D X Mark III มาพร้อมเซ็นเซอร์ AF ความละเอียดสูงรุ่นใหม่ที่พิกเซลมีขนาดเล็กลงและมีความหนาแน่นเพิ่มขึ้นทั้งแนวตั้งและแนวนอนถึง 28 เท่า ทำให้จุดโฟกัสอัตโนมัติเพิ่มขึ้นจาก 61 จุดในกล้องรุ่นก่อน (EOS-1D X Mark II) มาเป็น 191 จุด (ในโหมดช่องมองภาพ) และความเร็วในการประมวลผลยังเพิ่มขึ้นถึง 40 เท่า จึงสามารถตรวจจับและติดตามวัตถุได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น จำนวนพิกเซลที่เพิ่มขึ้นยังช่วยเพิ่มความแม่นยำในการโฟกัส จุดโฟกัสทั้ง 191 จุดสามารถรองรับค่ารูรับแสงได้ถึง f/8 ทั่วบริเวณโฟกัส โดยมีจุดโฟกัสแบบ cross-type 65 จุด กล้องรุ่นนี้จึงใช้ได้ดีกับอุปกรณ์ต่อขยายระยะเลนส์ในการถ่ายภาพสัตว์ป่าหรือกีฬา
และด้วยเซ็นเซอร์ CMOS ที่เสริมประสิทธิภาพการลดสัญญาณรบกวนด้วยชิปประมวลผล DIGIC X ทำให้ใช้ค่าความไวแสงได้สูงถึง ISO 102400 และทำให้ภาพถ่ายในช่วง ISO 6400-12800 ที่มักใช้ในการถ่ายภาพกีฬาหรือภาพข่าวมีคุณภาพดีขึ้น กล้องรุ่นนี้ยังมีชิปประมวลผล DIGIC 8 ที่ใช้ในการควบคุมออโต้โฟกัสและเซ็นเซอร์วัดแสง RGB+IR ความละเอียด 400,000 พิกเซล อีกทั้งมี Low-pass filter 16 จุด พัฒนาใหม่ ช่วยลดการเกิดภาพลวงตา (moiré) และความเพี้ยนของสี รวมถึงทำให้ภาพมีความละเอียดมากขึ้น ในฟิลเตอร์นี้ยังมีฟิลเตอร์ Gaussian ที่ช่วยในการใช้งานกับเลนส์ความละเอียดสูง
ฟีเจอร์ใหม่ใน EOS-1D X Mark III คือ HDR PQ HEIF ซึ่งเป็นมาตรฐานการบันทึกภาพนิ่งที่ให้รายละเอียดคมชัดและใกล้เคียงของจริงมากกว่ามาตรฐานการบันทึกภาพความละเอียดสูงแบบอื่น ไฟล์ HEIF สามารถแปลงเป็นไฟล์ JPEG ที่มีคุณภาพระดับ HDR PQ ได้อย่างง่ายดายในตัวกล้องหรืออุปกรณ์อื่นโดยใช้โปรแกรม Digital Photo Professional จึงไม่จำเป็นต้องนำไฟล์ภาพ RAW มาตกแต่งและปรับแกมม่า ลดขั้นตอนในการปรับแต่งภาพจากไฟล์ RAW โดยเฉพาะภาพที่มีคอนทราสต์จัดหรือมีสีที่คล้ายกันปะปนกันอยู่
Canon EOS-1D X Mark III ยังมีฟังก์ชันปรับความชัด (Clarity) ของภาพ ซึ่งสามารถปรับใช้ในการถ่ายภาพคนให้ผิวดูละมุนละไม หรือเพิ่มความคมชัดในการถ่ายภาพโลหะหรือภาพวิวได้ กล้องรุ่นนี้ถ่ายภาพต่อเนื่องได้สูงสุด 16 ภาพต่อวินาที โดยใช้ระบบกระจกสะท้อนภาพใหม่ที่สามารถปรับกระจกได้ด้วยความเร็วสูงและแสดงภาพแต่ละช็อตได้แบบเรียลไทม์ ช่วยลดปัญหาจอมืดของช่องมองภาพขณะถ่ายภาพต่อเนื่อง และทำให้กล้องสามารถติดตามวัตถุเคลื่อนที่ผ่านทางช่องมองภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
สำหรับการถ่ายภาพในโหมด Live View กล้องสามารถถ่ายภาพต่อเนื่องได้สูงสุด 20 ภาพต่อวินาที ทั้งในฟอร์แมต RAW และ Raw + JPEG โดยสามารถตั้งค่าโฟกัสและการรับแสงได้ในโหมด AF/AE tracking พื้นที่ effective AF ในโหมดนี้ยังกว้างกว่าในโหมดช่องมองภาพ สูงสุด 525 ส่วน
กล้องรุ่นนี้สามารถโฟกัสได้ดีแม้ในที่แสงน้อยระดับ EV-6 มีระบบตรวจจับดวงตาและศีรษะ สามารถติดตามโฟกัสบุคคลได้อย่างยอดเยี่ยม โดยกล้องจะตรวจจับดวงตาอยู่เสมอแม้ถ่ายภาพต่อเนื่อง จึงโฟกัสได้อย่างแม่นยำสูง และสามารถเลือกจุดโฟกัสได้ถึง 3,869 จุด อีกทั้งในโหมดช่องมองภาพยังมีระบบโฟกัส AI Servo AF IV ให้ความแม่นยำและมั่นคงในการโฟกัสสำหรับการถ่ายภาพสิ่งที่เคลื่อนไหว
Canon EOS-1D X Mark III มาพร้อมช่องใส่การ์ด CFexpress 2 ช่อง ช่วยในการถ่ายโอนข้อมูลอย่างรวดเร็ว ประกอบกับมีหน่วยความจำบัฟเฟอร์เพิ่มขึ้น จึงมี burst rate สูงถึง 1,000 ภาพ (RAW) ซึ่งสูงกว่ากล้องรุ่นก่อนคือ EOS-1D X Mark II ถึง 5 เท่า จึงสามารถถ่ายภาพต่อเนื่อง 16 ภาพต่อวินาที ต่อเนื่องได้ถึง 1 นาที เมื่อเทียบกับ EOS-1D X Mark II ที่ถ่ายภาพต่อเนื่อง 14 ภาพต่อวินาทีได้เพียง 12 วินาที
EOS-1D X Mark III ยังเป็นกล้องฟูลเฟรมของแคนนอนรุ่นแรกที่สามารถถ่ายวิดีโอ 4K แบบไม่ต้องครอป โดยรองรับการถ่ายวิดีโอ 4K UHD (3840 x 2160, 16:9) ที่เหมาะกับการถ่ายรายการทีวีหรือออนไลน์ และวิดีโอ 4K DCI (4096 x 2160, 17:9) ที่เป็นมาตรฐานสำหรับการถ่ายภาพยนตร์ อีกทั้งมี Canon Log ที่รองรับการเข้ารหัส H.265 HEVC ที่ให้ความละเอียดของสีที่สดใสและทำให้ไฟล์มีขนาดเล็ก มีช่องต่อ HDMI 4K 60p/Canon Log 10-bit ในการส่งวิดีโอ 4K ไปยังอุปกรณ์อื่นเพื่อรับชมหรือบันทึกวิดีโอ รองรับ Canon Log YCbCr 4:2:2 10-bit และ ITU-R BT.2020 จึงสามารถถ่ายวิดีโอที่มีไดนามิคเรนจ์สูงและสีสันสดชัด รวมถึงสามารถบันทึกวิดีโอ 5.5K 60p RAW ที่มีความละเอียดสูง ผู้ใช้จึงสามารถถ่ายวิดีโอ HDR รวมถึงวิดีโอที่มีคอนทราสต์สูงหรือต้องการการตัดต่อขั้นสูง อีกทั้งสามารถถ่ายวิดีโอ Full HD 120p/100p ได้
ฟังก์ชันออโต้โฟกัสส่วนใหญ่ที่ใช้ในการถ่ายภาพนิ่งในโหมด Live View ยังสามารถใช้ในการถ่ายวิดีโอได้ด้วย โดยผู้ใช้เพียงแตะปุ่มเปลี่ยนสลับระหว่างการถ่ายภาพนิ่งและวิดีโอ ผู้ใช้ที่คุ้นเคยกับการใช้ฟังก์ชันออโต้โฟกัสในโหมดช่องมองภาพจึงสามารถทำความคุ้นเคยกับการใช้ฟังก์ชันดังกล่าวในการถ่ายวิดีโอได้ไม่ยาก
เพิ่มฟังก์ชันการเชื่อมต่อและความเร็วในการถ่ายโอนไฟล์
EOS-1D X Mark III รองรับการระบุตำแหน่งด้วย GPS เพื่อความสะดวกของช่างภาพในการบันทึกข้อมูลสถานที่ถ่ายภาพและการจัดระเบียบไฟล์ และสามารถถ่ายโอนไฟล์ด้วยความเร็วระดับ SuperSpeed Plus USB (USB 3.1 Gen 2) จึงสามารถถ่ายโอนไฟล์ผ่านสาย USB ไปยังคอมพิวเตอร์ได้เร็วกว่ากล้องรุ่นก่อน มีระบบเชื่อมต่อ Wi-Fi และฟังก์ชันสำหรับการถ่ายโอนข้อมูล หรือถ้าต้องการส่งข้อมูลอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้นก็สามารถใช้ร่วมกับอุปกรณ์ส่งไฟล์ไร้สาย WFT-E9A ที่รองรับความถี่ Dual Band (2.4GHz/5GHz) และ MIMO
โครงสร้างหลักของกล้องทำจากแมกนีเซียมอัลลอยที่มีความแข็งแรงทนทานและน้ำหนักเบา พร้อมซีลกันละอองน้ำและฝุ่น ชัตเตอร์มีอายุการใช้งานประมาณ 500,000 ครั้ง นอกจากนี้ยังมีปุ่ม AF-ON ที่มีเซ็นเซอร์ออปติคัลในตัว สามารถตรวจจับการเคลื่อนไหวของนิ้วมือ จึงสามารถใช้เลือกจุดโฟกัสได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งมีจอทัชสกรีน LCD ความละเอียดสูง 2.1 ล้านจุด ให้ภาพคมชัด รองรับการใช้งานเมนูและดูภาพที่ถ่ายไว้ ปุ่มบนตัวกล้องเรืองแสงได้เพื่อความสะดวกในการใช้งานในที่มืด ช่องมองภาพปรับปรุงใหม่แสดงข้อมูลสำคัญด้วยตัวอักษรสีแดง เพื่อให้มองเห็นได้ง่ายทั้งในที่มืดและกลางแจ้ง โดยไม่เป็นอุปสรรคต่อการใช้งานออโต้โฟกัส
อุปกรณ์เสริมสำหรับควบคุมกล้องระยะไกล
พร้อมกันนี้แคนนอนได้เปิดตัวชุดอุปกรณ์โรโบติกควบคุมกล้องระยะไกล CR-S700R สำหรับการถ่ายภาพนิ่งด้วยกล้องเปลี่ยนเลนส์ได้ ชุดอุปกรณ์ประกอบด้วยส่วนหัวที่ใช้ควบคุมการแพนกล้อง/ปรับกล้องขึ้น-ลง/หมุนและซูม และ IP Camera Controller (CR-G100) สำหรับควบคุมการเชื่อมต่อกับกล้องและคอมพิวเตอร์นอกจากนี้ยังมีซอฟต์แวร์ Camera Remote Application (CR-A100) สำหรับการดูภาพในโหมด Live View และใช้สั่งการกล้องจากระยะไกลได้หลายตัวพร้อมกัน
Canon EOS-1D X Mark III จะเริ่มจำหน่ายในประเทศไทยประมาณปลายเดือนกุมภาพันธ์ ที่ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายแคนนอนทั่วประเทศ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.canon.co.th