กระทบกระดอง “น้องนวล” แล้วชวนกันสวย ด้วยนวัตกรรมฝีมือคนไทย

511

ไม่ใช้ครั้งแรกที่เราได้ยินว่า เมือกของหอยทากมีสารที่ช่วยบำรุงให้ผิวหนังชุ่มชื่น เพราะมีผลิตภัณฑ์ที่สกัดมาจากเมือกหอยทาก หลากรูปแบบจากหลายประเทศ แต่วันนี้ บ้านเราก็มีการสกัดเมือกหอยทากมาเป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวกันแล้ว

และนี่ก็ไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ที่เดินไปตามกระแสแบบลอยๆ เพราะเป็นผลงานวิจัยจากผู้เชี่ยวชาญเรื่องหอยทาก ในระดับนานาชาติมากว่า 30 ปี โดยทีมนักวิจัย คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  นำทีมโดย ดร.สมศักดิ์ ปัญหา หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการวิจัยซิสเทมาติกส์ของสัตว์ และผู้อำนวยการศูนย์ความเป็นเลิศแห่งชาติด้านความหลากหลายทางชีวภาพ นายกสมาคมหอยนานาชาติ 2 สมัย ได้ทำการศึกษาค้นคว้าวิจัยเรื่องหอยทากและเมือกหอยทากมายาวนานกว่า 30 ปี จนสามารถพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์จากเมือกหอยทากสายพันธุ์ไทยที่มีสารออกฤทธิ์ในการดูแลผิวสูงกว่าผลิตภัณฑ์จากต่างประเทศถึง 30 เท่า

เราคุ้นเคยกับหอยทากดี แต่ก็ไม่เคยรู้ว่า จริงๆ แล้วหอยทากในประเทศไทยที่ถูกค้นพบแล้วมีอยู่กว่า 600 สายพันธุ์  ทีมวิจัยได้คัดเลือกพันธุ์ที่ให้เมือกคุณภาพสูง 2-3 สายพันธุ์มาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิว

วันนี้จึงเป็นโอกาสที่ดี ที่เราได้มาเยือน “สยาม สเนล อีโค่ ฟาร์ม” ฟาร์มหอยทากเชิงนิเวศแห่งแรกในเอเชีย ตั้งอยู่ในเขตหนองจอก กทม.   เลี้ยงในฟาร์มกึ่งธรรมชาติ บนพื้นที่ 10 ไร่ โดยแบ่งพื้นที่ครึ่งหนึ่งเป็นบ่อน้ำที่มีความลึกมากกว่า 5 เมตร เพื่อให้สามารถเก็บกักน้ำไว้สำหรับความชุ่มชื้นตลอดทั้งปี

“ระวังเดินอย่าเหยียบน้องนวลเข้าล่ะ” เสียงของ ดร.สมศักดิ์ แว่วมา ขณะที่คณะของเรากำลังค่อยๆ เดินเข้าแนวป่าขนาดเล็กที่ถูกเนรมิตขึ้นมา เพื่อสร้างสภาวะเสมือนการเป็นอยู่โดยธรรมชาติของหอยทาก มีการพ่นละอองน้ำเป็นระยะ เพื่อควบคุมอุณหภูมิ เพราะหอยทากไม่ชอบความร้อน และไม่ถูกกับน้ำทะเลเอามากๆ

แล้วน้องนวลคือใคร น้องนวลหน้าตาแบบไหน พอได้เจอก็ต้องอุทานเบาๆ แม่เจ้า นี่มันหอยทากยักษ์ เพราะที่เราเคยเห็นกันตามปกติ มันก็จะมีขนาดเล็กๆ แต่นี่คือหอยทากที่มีขนาดใหญ่เกือบหนึ่งฝ่ามือ ชื่อทางวิทยาศาสตร์เรียกว่า Hemiplecta distincla ชาวบ้านทั่วไป เรียกว่า หอยเดื่อ หรือ หอยเลื้อย ขณะที่ ดร.สมศักดิ์ และทีมนักวิจัยเรียกว่า “น้องนวล”

ในพื้นที่ป่าเล็กๆ เพียงไม่กี่ตารางเมตร หอยทากน้องนวลและบรรดาหอยทากอีกสองสามสายพันธุ์อาศัยอยู่ราว 2,000-3000 ตัว  อาทิ หอยทากสยาม และหอยทากแอฟริกา เพื่อสร้างสมดุลของการอยู่ร่วมกัน แต่น้องนวลคือสายพันธุ์หลักที่นำมาสกัดเมือกเพื่อผลิตเป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิว โดยน้องนวล 1 ตัว จะให้เมือกครั้งละ 2-3 ซีซี ทางฟาร์มจะเลี้ยงน้องนวลจนอายุเลย 2 ปีไปแล้ว ถึงจะนำมาสกัดเมือก

“เราทำตามกฎหมายแรงงานหอย ถ้ายังเล็กไปก็ยังไม่อยากเอามาทรมาน” ดร.สมศักดิ์ เล่าด้วยอารมณ์ขัน ซึ่งหอยในวัย 2-3 ปีนั้น น่าจะเป็นช่วงของวัยกลางคน เพราะน้องนวลจะมีอายุเพียง 5-6 ปีเท่านั้น

เดิมทีทีมวิจัยเคยเลี้ยงน้องนวลในฟาร์มปิด ให้เห็ดซึ่งเป็นอาหารที่น้องนวลชอบมาก แต่พอนำมาสกัดเมือกแล้ว พบว่า ในเมือกไม่มีสารออกฤทธิ์เหมือนน้องนวลที่อยู่ตามธรรมชาติ จึงมีการสร้างฟาร์มหอยทากกึ่งธรรมชาติแห่งนี้ขึ้น เพราะธรรมชาติของหอยยังต้องการกินดินกินซากตามวิถีเพื่อสร้างภูมิต้านทานของตัวเองด้วย

 

ใครที่สงสัยว่า แล้วเมือกจากหอยที่เลี้ยงตามธรรมชาติ จะรับรองความสะอาดและปลอดภัยได้หรือไม่ ต้องบอกเลยว่า กระบวนการการผลิตเครื่องสำอางย่อมต้องมีมาตรฐาน ทีมวิจัยจะนำน้องนวลไปสกัดเมือกอย่างนุ่มนวล กล่าวคือ มีการกระทบกระเทือนกับตัวน้องน้อยที่สุด แล้วผ่านกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เพื่อให้ได้เมือกในระดับนาโนโมเลกุลที่ซึมซาบเข้าผิวหนังได้ง่าย มีความสะอาดปลอดภัย ไม่เป็นอันตรายต่อผิวพรรณ

นี่คือตัวอย่างของงานวิจัยขึ้นห้าง ที่ไม่ต้องอยู่แค่บนหิ้งอีกต่อไป เพราะผลิตภัณฑ์ “SNAIL8” ซึ่งเป็นแบรนด์จากบริษัท สยามสเนล จำกัด เป็นผลงานจากการต่อยอดผลงานวิจัย ภายใต้สถาบันทรัพย์สินทางปัญญา จุฬาฯ อีกทั้งยังเป็นผลงานที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล การันตีด้วยรางวัลมาตรฐานระดับนานาชาติ อาทิ คว้าเหรียญทองในงาน 44th International Exhibition of Invention of Geneva ที่กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และผลิตภัณฑ์ยอดเยี่ยมของประเทศไทย Premium Products of Thailand-The Pride of Thais ในงาน THAILAND INDUSTRY EXPO 2016

ทั้งนี้บริษัท สยามสเนล จำกัด เกิดจากการร่วมกันก่อตั้งของกลุ่มนักวิจัย ซึ่งเป็นคณาจารย์จากคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 4 ท่าน คือ ศ.ดร.สมศักดิ์ ปัญหา, ศ.ดร.สุพจน์ หารหนองบัว, ศ.ดร.กฤษณะ เนียมมณี และ ศ.ดร.อัญชลี ทัศนาขจร  โดยมี บริษัท อี ฟอร์ แอล เอ็ม จำกัด ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นของวุฒิศักดิ์คลินิก เข้ามาร่วมลงทุนและถือหุ้น 50% ซึ่งจะเป็นส่วนเสริมทางการตลาดที่ทำให้ผลิตภัณฑ์เติบโตต่อไป โดยปี 2559 มียอดขายราว 300 ล้านบาท

ปัจจุบัน “สเนลเอท” (SNAIL8) ซึ่งหมายถึงเมือกหอยทากที่มีคุณสมบัติสำหรับผิวพรรณที่ดี 8 ประการ ได้ผลิตเป็นเซรั่มบำรุงผิว ครีมบำรุงผิวทั้งกลางวันและกลางคืน และครีมกันแดด มีจำหน่ายในห้างสรรพสินค้าชั้นนำโดยทั่วไป และยังมีแนวคิดที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์สำหรับผิวรอบดวงตา รวมทั้งผลิตภัณฑ์สำหรับกลุ่มผู้ชาย พร้อมทั้งแผนการขยายตลาดไปยังต่างประเทศ

ฟาร์มแห่งนี้ สามารถผลิตเมือกหอยทากได้ราว 6 ตันต่อปี แต่ปัจจุบันยังมีการนำไปใช้ผลิตเครื่องสำอางภายใต้แบรนด์ “สเนลเอท” ราว 1 พันตันต่อปี โดยส่งเมือกที่สกัดแล้วไปผลิตเป็นเครื่องสำอางในโรงงานที่เกาหลี เนื่องจากความพร้อมด้านมาตรฐานและวัตถุดิบคุณภาพสูงซึ่งเป็นส่วนผสมของผลิตภัณฑ์

ทาง ดร.สมศักดิ์ บอกว่า มีแนวคิดที่จะสร้างหลักสูตรการอบรมการเลี้ยงและผลิตเมือกหอยทากที่ได้มาตรฐาน เพื่อให้การซื้อขายและใช้เมือกหอยทากเป็นไปอย่างมีระบบและมาตรฐาน ซึ่งต้องติดตามกันต่อไปว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่

แหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ซึ่งในตอนนั้นเมืองไทยก็จะมีฟาร์มหอยทากเปิดให้เราเข้าชมกันอย่างเป็นทางการ

อดใจสักหน่อย แล้วไปพบกับน้องนวลและผองเพื่อนกัน