หัวหิน-ชะอำ เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางชายหาดที่มีชื่อเสียงลำดับต้นๆ ของประเทศ เทียบเท่ากับภูเก็ตหรือพัทยา แต่กลุ่มเป้าหมายของหัวหิน-ชะอำ คือคนไทย โดยมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติเข้ามาหัวหิน-ชะอำ กว่า 3 ล้านคนต่อปี
โรงแรมริมชายหาดหัวหินส่วนใหญ่อยู่ในระดับ 5 ดาว ซึ่งมีราคาสูง และนี่คือโอกาสทางการตลาด ซึ่งสอดคล้องกับเทรนด์ของการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบัน เป็นที่มาของโครงการ “คาราเพช หัวหิน – เขาเต่า” (CARAPACE Huahin – Khaotao)
นายปองศักดิ์ กาญจนสุพัฒน์ กรรมการบริหาร บริษัท วัน เพลส เอทเตท จำกัด กล่าวว่า ตลอดระยะเวลากว่า 25 ปีในธุรกิจอสังหาริทรัพย์ ด้วยใจรักและการหาความรู้เพิ่มเติมอยู่เสมอ ทำให้มองเห็นโอกาสทางการตลาด เพราะเดิมทีคอนโดมิเนียมในพื้นที่หัวหิน จะมุ่งเน้นที่ขนาดใหญ่ซึ่งมีราคาสูง ขณะที่ดีมานด์ของตลาดในปัจจุบันต้องการราคาที่จับต้องได้ในขนาดกะทัดรัด
“การที่จะทำให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้รับความสำเร็จ ได้การตอบรับเป็นอย่างดี ต้องมีสิ่งแปลกใหม่ ตลาดคอนโดโดยทั่วไปมีการแข่งขันสูง จึงได้ทำการศึกษากฎหมายเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจคอนโดที่ถูกต้อง และสามารถสร้างออกมาเป็นรูปธรรมได้จริง เป็นที่มาของ คอนโดมิเนียมเพื่อการพาณิชย์ประกอบธุรกิจโรงแรม หรือ Commercial Condominium เพราะเชื่อมั่นว่า ทั้งความรักและความสำเร็จในธุรกิจ ต้องถูกต้องตามกฎหมายด้วย คาราเพซจึงเป็นเจ้าแรกในหัวหินและภาคใต้ตอนบนที่ได้รับการรับรองผลการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA approved) ทั้งส่วนเพื่อพักอาศัยและคอนโดมิเนียมเพื่อการพาณิชย์ประกอบธุรกิจโรงแรม”
ปัจจุบันเทรนด์ของ CONDOTEL เป็นที่น่าจับตามอง โดย CONDOTEL ซึ่งมาจาก “คอนโด” (Condo) บวกกับ “โรงแรม” (Hotel) โดยข้อดีของ CONDOTEL คือการที่เจ้าของห้อง ไม่จำเป็นต้องดูแลรักษาห้องของตัวเอง ไม่ต้องหาลูกค้าเอง หากเป็น CONDOTEL อย่างเป็นระบบ ก็จะมีการบริหารจัดการแบบโรงแรมมืออาชีพ โดยจะได้รับส่วนแบ่งกำไรตามระยะและข้อตกลง
โครงการ “คาราเพช หัวหิน – เขาเต่า” (CARAPACE Huahin – Khaotao) เป็นคอนโดมิเนียมชายหาดหัวหิน-เขาเต่า ซึ่งยังคงความเงียบสงบ เป็นคอนโดโลว์ไรซ์ บนพื้นที่เกือบ 10 ไร่ มีหน้าหาดยาวประมาณ 30 เมตร มูลค่าโครงการประมาณ 2 พันล้านบาท แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ คอนโดสำหรับการพักอาศัย (โซน A) สูง 4 ชั้น 3 อาคาร รวม 126 ยูนิต และ คอนโดเพื่อการพาณิชย์ (โซน B) สูง 7 ชั้น 2 อาคาร สูง 8 ชั้น 1 อาคาร รวม 406 ยูนิต มีสิ่งอำนวยความสะดวกไม่ต่างจากโรงแรมทั้งไป ทั้งร้านอาหาร ห้องประชุมสัมมนา พื้นที่จัดงานอีเว้นท์ ฯลฯ
ทั้งสองส่วนมีการแยกนิติบุคคลอย่างชัดเจน โดยส่วนของโซน B มีเชน Best Western Plus มาบริหารจัดการ โซน B เป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว จับกลุ่มเป้าหมายคนไทยเป็นหลัก แต่มีความได้เปรียบตรงทำเลที่มีความเป็นส่วนตัวสูง หากเปรียบเทียบกับโรงแรมติดชายหาดที่หัวหินซึ่งล้วนอยู่ในระดับ 5 ดาว จึงจับต้องได้ง่ายกว่า คาดการณ์ว่าจะมีราคาขายเฉลี่ยประมาณ 2,000 บาทต่อคืน ทั้งนี้ยังมีสวนน้ำในตัว พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน
นายสุวิชัย เจนธนอรรถกิจ กรรมการบริหาร กล่าวเสริมว่า การออกแบบตกแต่งสถาปัตยกรรมของโครงการใช้แนวคิดในการออกแบบเป็น “MODERN CONTEMPORARY CONCEPT” ให้ตัวอาคารมีความทันสมัย เหมาะกับยุคปัจจุบัน ตัวอาคารมีการออกแบบให้มีสีสันหลักที่ดูเข้ม ใช้สีที่มีผิวสัมผัส (TEXTURE) เพื่อให้ผิวอาคารดูมีมิติ มีการแทรกใช้สีน้ำตาลให้กับอาคารเพิ่มความดึงดูดและสร้างความน่าสนใจให้กับตัวอาคารได้เป็นอย่างดีการออกแบบโครงการ มีการวางตัวอาคาร ให้ได้มุมมองจากพื้นที่สวนและทะเลมากที่สุด โดยการเปิด COURT ให้มีความกว้าง เพื่อเชื่อมพื้นที่ของโครงการทั้ง 2 เฟสเข้าด้วยกัน ส่วนด้านการออกแบบ FACADE อาคาร มีการใช้เส้นสายที่โค้ง ให้ดูพลิ้วไหว เพื่อให้มีความสอดคล้องกับ landscape ไปจนถึงชายหาดริมทะเล
โครงการ Carapace หัวหิน เน้นพื้นที่ส่วน Landscape ที่มากเป็นพิเศษ จึงมีพื้นที่ส่วนกลางกว่า 1,400 ตารางเมตร ทำให้เกิดพื้นที่ Landscape เป็น court กลางขนาดใหญ่ ซึ่งรูปฟอร์มของที่ดินแปลงนี้มีความน่าสนใจ ทำให้เกิดการออกแบบสระว่ายน้ำเป็นลักษณะ Freeform
สำหรับเงื่อนไขและผลตอบแทนการลงทุน ห้องขนาดประมาณ 30 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 2.9 ล้านบาท (เหมือนกันทั้ง 2 โซน) เฉลี่ยตารางเมตรละ 100,000 บาท โซน A รับส่วนแบ่งกำไร 7% 3 ปี (จ่ายเป็นรายไตรมาส) โซน B รับส่วนแบ่งกำไร 5% 5 ปี โดยมี Best Western Plus เป็นผู้บริหารจัดการ หลังจากนั้น ปีที่ 6-15 ได้รับส่วนแบ่งกำไร 60% จากกำไรในทุกไตรมาส เจ้าของห้องสามารถเข้าพักได้ฟรี 15 คืน/ปี
ตั้งแต่เปิดขายมาประมาณ 1 ปี ปัจจุบันโครงการคาราเพซ หัวหิน-เขาเต่า มียอดการจองแล้ว 65% มาจากส่วนที่พักอาศัย 20% และ ส่วนของคอนโดเพื่อการพาณิชย (ส่วนโรงแรม) 45% ราคาเริ่มต้นห้องละ 2.9 ล้านบาท