ต้อนรับวาเลนไทน์! เครือข่ายเยาวชนฯ จับมือ กลุ่มคู่รัก และสสส. จัดกิจกรรม“Love Me,Love Your Health” ปลุกเทรนด์สร้างสรรค์ ชวนกันรักสุขภาพ ลดละเลิกสิ่งมึนเมา ชวนกันออกกำลังกาย เผยผลสำรวจพฤติกรรมเอือมระอาของคู่รัก ใช้ความรุนแรง ติดเหล้า-บุหรี่-ยาเสพติด-พนัน
กลุ่มเยาวชนจากเครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ เครือข่ายเด็กรุ่นใหม่ไม่พนัน เครือข่ายปกป้องเด็กและเยาวชนลดปัจจัยเสี่ยงทางสังคม ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน(ชาย)บ้านกาญจนาภิเษก ร่วมกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) กว่า 100 คน จัดกิจกรรมรณรงค์เนื่องในโอกาสวันวาเลนไทน์ 2563 ภายใต้แนวคิด“Love Me,Love Your Health รักฉันต้องรักตัวเองด้วย”
นางสาวรุ่งอรุณ ลิ้มฬหะภัณ รักษาการผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงหลัก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า สำหรับกิจกรรมในครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมค่านิยมเชิงบวก สร้างสรรค์ความรักในวัยรุ่น นอกจากนี้ สสส. ยังสนับสนุนรณรงค์ให้เยาวชนห่างไกลจากปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพ ไม่ยุ่งเกี่ยวกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บุหรี่ การพนันและยาเสพติดทุกชนิด ใช้ชีวิตอย่างมีสติ และหันมาดูแลตัวเอง ออกกำลังกายรักษาสุขภาพ ทั้งนี้ต้องยอมรับว่าความรักเป็นส่วนสำคัญต่อการเลิกเหล้าเลิกสิ่งมอมเมาอย่างมาก จากข้อมูลวันนี้จะเห็นว่า วัยรุ่นส่วนใหญ่จะไม่เลือกคนที่ดื่มเหล้าสูบบุหรี่มาเป็นแฟน หรือถ้าดื่มและสูบเมื่อแฟนขอให้เลิกก็จะต้องเลิก เพราะไม่ดีต่อสุขภาพไม่อยากคนรักให้เจ็บป่วย อยากให้อยู่กันไปนานๆ หรือบ่อยครั้งที่ต้องทะเลาะกันก็มีโอกาสใช้ความรุนแรงเพราะปัญหาเหล้า สูบบุหรี่ ติดพนัน หรือยาเสพติด
“เทศกาลวันแห่งความรักที่จะถึงนี้ อยากให้วัยรุ่นยุคใหม่ หากรักแฟน ก็ต้องรักตัวเองด้วย อย่าไปยิ่งเกี่ยวกับอบายมุข ลดละเลิกเพื่อเป็นของขวัญให้กับตัวเองและคนที่เรารัก ชวนกันมาออกกำลังกายให้ร่างกายแข็งแรง ดูแลเอาใจใส่ซึ่งกันและกัน เป็นความรักอย่างสร้างสรรค์และมีคุณค่ามากกว่าการให้สิ่งของราคาแพง เพราะยิ่งเราเปลี่ยนแปลงดูแลตัวเองด้วยมากเท่าไหร่ ยิ่งทำให้เรามีชีวิตอยู่เคียงข้างคนที่เรารักได้นานมากขึ้นเท่านั้น ข้อสำคัญคือการให้กำลังใจ ไม่ต่อว่าตำหนิ ประชดประชัน การกล่าวชื่นชม แสดงความรักความภูมิใจเป็นสิ่งที่จำเป็น” นางสาวรุ่งอรุณ กล่าว
นางสาวปาลิณี ต่างสี ผู้ประสานงานเครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของคู่รักต่อประเด็นวันวาเลนไทน์ โดยสำรวจกลุ่มตัวอย่างจำนวน1,500 ราย พื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล พบกลุ่มตัวอย่าง 1 ใน 3 หรือ ร้อยละ 38.26 มองนิยามของความรักว่า ความรักคือความเข้าใจ ร้อยละ17.81 รักทำให้เปลี่ยนแปลงตัวเองในทางที่ดีขึ้น นอกจากนี้ กลุ่มตัวอย่างยังระบุว่า หากให้เลือกแฟนคู่รัก ร้อยละ 21.2 จะเลือกที่นิสัยใจคอ เข้ากันได้ ร้อยละ18.55 เทคแคร์ดูแลเอาใจใส่ และร้อยละ11.93 ไม่ดื่มเหล้าสูบบุหรี่ อบายมุข สอดคล้องกับพฤติกรรมของแฟนที่กลุ่มตัวอย่างระบุว่าไม่ชอบในลำดับต้น คือ ใช้ความรุนแรงร้อยละ16.68 ดื่มเหล้าร้อยละ16.29 ใช้สารเสพติดร้อยละ14.03 เล่นการพนัน12.38 เจ้าชู้ 9.80 สูบบุหรี่ 8.23
“คู่รักส่วนใหญ่ ร้อยละ69.29 มองว่าพฤติกรรมการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์สุ่มเสี่ยงกับการมีเพศสัมพันธ์ อีกทั้งร้อยละ 47.2 ยังไม่เห็นด้วยหากจะใช้โอกาสวันวาเลนไทน์เพื่อขอมีเพศสัมพันธ์ และเมื่อถามว่า วาเลนไทน์ปีนี้ อยากได้อะไรเป็นของขวัญ ส่วนใหญ่ ร้อยละ27.8 อยากให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมดูแลตัวเองหันมาออกกำลังกาย ไม่ข้องเกี่ยวกับอบายมุข เหล้า บุหรี่ การพนัน ยาเสพติด สำหรับกิจกรรมที่จะทำกับคู่รักในวันวาเลนไทน์ คือ กินข้าวด้วยกัน ดูหนัง ฟังเพลง เที่ยวต่างจังหวัด” นางสาวปาลิณี กล่าว
ขณะที่ นางสาวภัทรธิราลีลเศรษฐพร และนายอธิวัฒน์ อภิเลิศรุ่งรัตน์ คู่รักที่เปลี่ยนแปลงตัวเองด้วยความรัก กล่าวว่า ด้วยความที่ตนทำงานประจำ มีสังสรรค์ปาร์ตี้กับลูกค้า และกลุ่มเพื่อน เคยดื่มหนักคืนละ1-2ขวด เมาหัวราน้ำ ไม่เมาไม่กลับ ทั้งที่มีโรคประจำตัว ผนังหัวใจรั่วตั้งแต่เกิด เหนื่อยง่าย ช่วงที่ดื่มหนักรู้เลยว่าสุขภาพแย่มาก และเมื่อมีแฟน ด้วยความที่เขาเป็นนักวิ่ง รักสุขภาพชอบออกกำลังกาย ไม่ดื่มเหล้า เขาชวนให้ออกไปวิ่ง จาก3กิโล เป็น4 กิโล ขยับเป็นมินิฮาร์ฟมาราธอน จนตอนนี้ชีวิตเปลี่ยนแปลงไปมาก
“ด้วยความรัก ความเอาใจใส่ที่แฟนมีให้เรา ทำให้การใช้ชีวิตเปลี่ยนไป หันมารักสุขภาพ ออกกำลังกายแทนการดื่มเหล้า ได้สุขภาพที่ดีกลับคืนมา หุ่นเฟิร์มรูปร่างดีขึ้น มีเวลาให้กัน ได้อยู่ด้วยกันมากขึ้น ส่วนปาร์ตี้ลดลงไปเยอะ รู้จักลิมิต เอาเวลาไปวอร์มร่างกายเพื่อไปวิ่งดีกว่า และชวนคนรอบข้างเพื่อนๆออกมาวิ่ง ซึ่งวาเลนไทน์ปีนี้คงทานข้าวกับแฟน และวอร์มร่างกายเพื่อเตรียมวิ่งในวันเสาร์ หรืออาทิตย์ อยากฝากถึงคู่รักหลายๆคู่ให้มองมุมใหม่ หันมารักสุขภาพ แลกเปลี่ยนสิ่งดีๆให้กัน ทำในสิ่งที่สร้างสรรค์ รองเท้าแค่1คู่แลกกับสุขภาพที่ดีกลับมามันคุ้มค่ามาก”นางสาวภัทรธิรา กล่าว