ไก่ที่เลี้ยงในฟาร์มที่ปลอดสารเคมีหรือสารเร่งโต เป็นประเด็นที่อยู่ในความสนใจของผู้บริโภคที่ห่วงใยในสุขภาพ ทำให้แบรนด์ร้านอาหารหน้าใหม่อย่าง “คารายามะ” ต้องคำนึงถึงเรื่องดังกล่าว และด้วยความที่เป็นแบรนด์จากแดนปลาดิบ ที่ขึ้นชื่อเรื่องมาตรฐานและความพิภีพิภัน จึงทำการเปิดตัว “คารายามะ” ในประเทศไทย ท่ามกลางสมรภูมิร้านไก่ทอดที่ร้อนระอุ ต้องมาจากวิสัยทัศน์ที่ลึกซึ้งกว่าเก่า
กว่าจะมาเป็นคารายามะ
“บอสส์” หนุ่มไทยที่ได้ใช้เวลาศึกษาเล่าเรียนในประเทศญี่ปุ่นถึง 7 ปี สามารถเรียนรู้และเข้าใจถึงภาษาและวัฒนธรรมของชาวญี่ปุ่นเป็นอย่างดี จนทำให้เขาได้รับความไว้วางใจให้นำแบรนด์ไก่ทอดสูตรลับสไตล์ญี่ปุ่นอย่าง “คารายามะ” (KARAYAMA) มาเปิดตลาดในเมืองไทย โดยจะเริ่มต้นในสาขาแรกที่เซ็นทรัล พระราม 3 ในวันที่ 20 ธ.ค. นี้
บอสส์-ธีรวัฒน์ ทวีแสงสกุลไทย กรรมการผู้จัดการ และ อู้-ปิยวัลย์ ทวีแสงสกุลไทย รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล ฟู๊ด แอนด์ เบเวอเรจ โฮลดิ้ง จำกัด สองพี่น้องที่มีพื้นฐานจากครอบครัวนักธุรกิจ ตัวแทนจำหน่ายรถบรรทุกฮีโน่ในเขตอีสานตอนบน ตั้งแต่เด็กจนโตเขาได้คลุกคลีอยู่กับธุรกิจของที่บ้าน ได้ติดต่อสื่อสารกับชาวญี่ปุ่นมาเป็นระยะเวลานาน หลังจากบอสส์จบ ม.6 ในเมืองไทย ในปี 2541 เขาได้เดินทางไปยังประเทศญี่ปุ่น เพื่อเข้าศึกษาด้านวิศวยานยนต์ในวิทยาลัยทาคายาม่า (Takayama College of Car Technology) ในจังหวัดกิฟุ ประเทศญี่ปุ่น และเข้าศึกษาต่อด้านบริหารธุรกิจที่ มหาวิทยาลัยบริหารธุรกิจโยโกฮาม่า (Yokohama College of Commerce) จนในปี 2548 ก็ได้กลับมาช่วยงานในธุรกิจครอบครัวมาจนถึงปัจจุบัน
ด้วยความเป็นคนชอบกินชอบเที่ยว ชอบทำอาหาร และชื่นชอบในการเสาะหาของอร่อยๆ ทั้งในและต่างประเทศ ทำให้เขาเป็นหนึ่งในนักชิมตัวยง และมักจะมีความคิดว่า เมื่อตัวเองได้พบของอร่อยแล้ว ก็อยากจะให้ผู้อื่นได้กินอาหารอร่อยๆ เหมือนกับเขาด้วย เดือน พ.ย. 2559 เขาเดินทางกลับไปเที่ยวญี่ปุ่นอีกครั้ง และได้ชิมไก่ทอดสไตล์ญี่ปุ่น แบรนด์ “คารายามะ” จนติดใจ เป็นที่ถูกใจของทุกคนในครอบครัว ความคิดในการขยายธุรกิจสู่ร้านอาหารจึงเกิดขึ้น
“ผมได้ชิมแล้วรู้สึกว่ามันอร่อย ก็เลยลองหาข้อมูลแล้วเขียนอีเมลไปหาบริษัทเขา ด้วยความที่เราพูดและเขียนภาษาญี่ปุ่นได้ พร้อมทั้งความเข้าใจในวัฒนธรรมของเขา ทำให้ได้รับการตอบรับที่ดีกว่าปกติ มันเหมือนคนคุยกันรู้เรื่อง จากนั้นก็คุยกันไปคุยกันมา และได้บินไปเจรจาธุรกิจอย่างเป็นรูปธรรมเมื่อต้นปี แม้เราไม่มีประสบการณ์ แต่เขามีความเชื่อใจในตัวเราสูง เขาเลยให้เราลองทำแบรนด์เขา ซึ่งก่อนหน้านี้มีคนไปขอแบรนด์เขามาขยายตลาดเยอะมาก แต่ก็ยังไม่ลงตัว จนมาเจอกับเรา” บอสส์-ธีรวัฒน์ กล่าว
สูตรลับฉบับชาวบ้านสู่นักชิมทั่วประเทศ
“คารายามะ” เป็นแบรนด์ไก่ทอดสไตล์ญี่ปุ่น หรือที่เรียกว่า “คาราอะเกะ” สูตรดั้งเดิมมาจากร้านเล็กๆ ข้างวัดอาซากุสะ จนวันหนึ่ง บริษัท อาร์คแลนด์ เซอร์วิส โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) (Arcland Service Holdings Co., Ltd.) ผู้บริหารร้านอาหารในญี่ปุ่นอยู่หลายแบรนด์ เข้าไปเจรจาขอซื้อสูตรมาเพื่อขยายแบรนด์ “คารายามะ” ให้ครอบคลุมทั้งญี่ปุ่น จากนั้นจนถึงปัจจุบัน ร้านไก่ทอดคารายามะในญี่ปุ่น มีสาขาราว 30 สาขา ภายในเวลา 3 ปี นับเป็นการเติบโตที่รวดเร็ว อีกทั้งยังมีผู้ซื้อสิทธิ์ในการขยายแบรนด์คารายามะ ในเกาหลี ไต้หวัน และ ฮ่องกง อีกด้วย ประเทศไทยจึงนับเป็นประเทศที่ 4 ของเอเชีย โดยบริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล ฟู๊ด แอนด์ เบเวอเรจ โฮลดิ้ง จำกัด ได้รับความไว้วางใจให้เป็นมาสเตอร์แฟรนไชส์ในประเทศไทย และจะมีการต่อสัญญากันในทุกๆ 5 ปี
“คารายามะ เป็นไก่ทอดสูตรดั้งเดิมของชาวญี่ปุ่น ที่มีสูตรลับของน้ำจิ้มที่รสชาติอร่อย ตัวไก่ทอดรสชาติกรอบนอก แต่เนื้อข้างในฉ่ำ ไม่เลี่ยน จากเดิมคนญี่ปุ่นจะมองว่าไก่ทอดเป็นของทานเล่น แต่คารายามะเอามาทำให้กินกับข้าวได้อย่างลงตัว มีซอสได้เลือกหลายแบบ ทั้งนี้อาหารประเภทไก่ เป็นอาหารที่เหมาะกับคนทุกเพศทุกวัย ทุกศาสนา เราเชื่อมั่นว่า ด้วยรสชาติที่ไม่เลี่ยน และกินเป็นมื้ออาหารที่อิ่มอร่อยได้มื้อหนึ่งในเวลาอันรวดเร็ว จะทำให้คนทุกเพศทุกวัยเข้าถึงและชื่นชอบในคารายามะ” อู้-ปิยวัลย์ กล่าวเสริม
เรียนจริงรู้จริงทุกความพิถีพิถัน
ด้วยมาตรฐานและความพิถีพิถันสไตล์ญี่ปุ่น ทำให้เขาและเธอพร้อมทีมงานอีก 2 คน ต้องเดินทางเข้ารับการฝึกงานในร้านคารายามะ สาขามินามิฮาชิโมโต ในจังหวัดคานากาว่า เป็นเวลา 1 เดือน ต้องเรียนรู้การทำงานทุกขั้นตอนเป็นเวลา 8 ชั่วโมงต่อวัน เสมือนพนักงานคนหนึ่งภายในร้าน ได้เรียนรู้ตั้งแต่งานระดับพื้นฐาน ไปจนถึงงานบริหารจัดการ ภายใต้มาตรฐานอันคุ้มเข้ม โดยทั้งสองเน้นย้ำถึงความพิถีพิถันของอาหารญี่ปุ่น ที่ทำด้วยมือเกือบทุกขั้นตอน แต่จะต้องได้มาตรฐานเดียวกันทุกจาน ภายใต้เวลาที่กำหนด ซึ่งนั่นคือเสน่ห์ของศิลปะการทำอาหารสไตล์ญี่ปุ่น
บอสส์-ธีรวัฒน์ เล่าว่า เขาได้เรียนรู้ถึงความพิถีพิถันอย่างละเอียดทุกอย่าง แม่แต่การจัดจาน ซึ่งจะคลาดเคลื่อนเพียงเล็กน้อยก็ไม่ได้ กะหล่ำปลีต้องจัดเรียงสูงตามมาตรฐาน 8 เซ็นติเมตร น้ำหนักของผักจะต้องได้ตามกำหนด จะมีคนคอยตรวจก่อนถึงมือลูกค้า ซึ่งทุกความพิถีพิถันจะมาอยู่ในร้านคารายามะที่เมืองไทย โดยจะมีการคิวซีจากทางญี่ปุ่นอย่างต่อเนื่อง
“จุดเด่นสำคัญนอกเหนือจากรสชาติของอาหารแล้ว คือการเสิร์ฟภายใน 10 นาที เขาบอกว่ากับเราว่า การทำอาหารอร่อย ให้ถูกต้อง ใครๆ ก็ทำได้ แต่ทำอย่างไร ให้ทั้งอร่อย ถูกต้อง และรวดเร็ว นับเป็นประสบการณ์ที่ดีของผมและน้องสาว ซึ่งเขาไม่ได้มองว่าเราเป็นผู้บริหาร แต่ต้องรู้ทุกเรื่องภายในร้าน ลองฝึกทำความสะอวดร้าน จัดจาน เช็ดโต๊ะ เรียกว่าเจองานหนัก แต่คุ้มค่า เพราะล้วนเต็มไปด้วยความรู้ ความพิถีพิถัน ซึ่งเป็นที่มาของความอร่อยและมีมาตรฐาน”
ชูไก่ปลอดภัยปลอดสารเร่งโต
สำหรับไก่ทอดสูตรพิเศษของคารายามะ มีให้เลือกประมาณ 10 แบบ ความพิถีพิถันยังส่งไปถึงการคัดเลือกวัตถุดิบ ซึ่งต้องใช้ไก่ที่เลี้ยงโดยไม่ใช้สารเร่งฮอร์โมนเท่านั้น ส่วนเครื่องปรุงทั้งหมดเกือบ 100% นำเข้าจากญี่ปุ่น เพื่อให้ตามมาตรฐานของต้นตำรับอย่างแท้จริง
ร้านคารายามะ สาขาแรก จะเปิดตัวในวันที่ 20 ธ.ค. 2560 บนชั้น 6 ของห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล พระราม 3 มีพื้นที่ 100 ตารางเมตร สามารถรองรับได้ 50 ที่นั่ง และมีแผนการขยายอีก 2 สาขา ในปี 2561 แต่ละสาขาจะใช้งบลงทุนราว 10 ล้านบาท โดยได้คาดการณ์จุดคุ้มทุนภายใน 5 ปี และหวังว่าภายใน 5 ปีแรก ร้านคารายามะจะครอบคลุมทั่วกรุงเทพฯ หลังจากนั้นจะทำการขยายไปตามหัวเมืองใหญ่ต่อไป นับเป็นอัตราการเติบโตที่เคียงคู่กันไปกับร้านคารายามะในประเทศญี่ปุ่น นอกจากนั้นยังมีแผนการนำแบรนด์อาหารญี่ปุ่นที่อยู่ในความดูแลของอาร์คแลนด์ฯ มาทำตลาดในไทยเพิ่มเติมอีกด้วย
“นับเป็นความท้าทายหนึ่ง ที่จะนำอาหารพื้นๆ สไตล์ญี่ปุ่นมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของคนไทย ซึ่งเป้าหมายของเรา คือ อยากให้คารายามะ เป็นแบรนด์ที่เข้าถึงลูกค้าเหมือนเพื่อนเข้าถึงเพื่อน ให้ลูกค้าทุกคนรู้สึกว่านี่ไม่ใช่แค่ร้านอาหาร แต่เป็นส่วนหนึ่งในชีวิต ไม่รู้จะกินอะไร ก็มาคารายามะ จะนัดเพื่อน นัดครอบครัว หรือจะมาคนเดียวก็มาคารายามะ โดยจะมีการสื่อสารแบรนด์กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ผ่าน Facebook : karayamathailand Line : @karayamathailand และช่องทางการสื่อสารอื่นๆ ทั้งออนไลน์และออฟไลน์”