ธ.ก.ส. จับมือ สพฉ. จัดทำบัตร Smart Card สพฉ.

18

ธ.ก.ส. ร่วมกับสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ จัดทำ “บัตร Smart Card สพฉ” ซึ่งเป็นทั้งบัตรประจำตัว บัตร ATM และบัตรเดบิต แก่ผู้ปฏิบัติการ จำนวน 100,000 ใบ เพื่ออำนวยความสะดวกในการจ่ายเงินอุดหนุนรวมทั้งสวัสดิการต่าง ๆ พร้อมมอบประกันภัยการติดเชื้อไวรัส COVID-19 ให้กับผู้ปฏิบัติการ วงเงินคุ้มครอง 100,000 บาท

นางณิชา อวยพรรุ่งรัตน์ ผู้ช่วยผู้จัดการ ธ.ก.ส. กล่าวว่า การจัดทำบัตร Smart Card สพฉ. ในครั้งนี้ เป็นอีกหนึ่งบริการทางการเงินผ่านบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของ ธ.ก.ส. ที่ช่วยให้สามารถจ่ายเงินอุดหนุนหรือเงินชดเชยรวมทั้งสวัสดิการต่าง ๆ ไปยังผู้ปฏิบัติการของ สพฉ. ได้โดยตรง จานวนกว่า 100,000 ใบ ขณะเดียวกันยังเป็นการอำนวยความสะดวกและลดการซ้ำซ้อนในการใช้บัตร เนื่องจากบัตร Smart Card สพฉ. จะเป็นทั้งบัตรประจำตัว บัตร ATM และเป็นบัตรที่สามารถใช้ชำระค่าบริการในร้านที่รองรับบัตร Debit Prompt Card

ณิชา อวยพรรุ่งรัตน์

“ทั้งนี้ ธ.ก.ส. จะอำนวยความสะดวกในการจัดทำบัตร การเปิดบัญชีเงินฝาก การแนะนาการใช้งานบัตร พร้อมมอบสิทธิประโยชน์ให้ผู้ถือบัตร อาทิ การกดถอนเงินสดผ่าน ATM ทุกธนาคาร โดยยกเว้นค่าธรรมเนียมการถอนเงินข้ามเขตทุกธนาคาร จำนวน 4 ครั้งต่อเดือน และการมอบประกันภัยการติดเชื้อไวรัส COVID-19 วงเงินคุ้มครองการเจ็บป่วยระยะสุดท้าย 100,000 บาท ระยะเวลา 1 ปี สำหรับผู้จัดทำบัตรฯ ในครั้งแรก” นางณิชา  กล่าว

นายแพทย์พงศ์ธร เกียรติดำรงวงศ์ ผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านมาตรฐานและคุณภาพ สพฉ. กล่าวว่า ความร่วมมือในครั้งนี้ จะช่วยอำนวยความสะดวกในการจัดทำบัตรประจำตัวแก่ผู้ปฏิบัติการฉุกเฉินที่ขึ้นทะเบียนกับ สพฉ. ซึ่งที่ผ่านมาอาจเกิดความล่าช้าในการจัดพิมพ์และส่งบัตรประจำตัวจากส่วนกลางไปยังผู้ปฏิบัติการฉุกเฉิน แต่หลังจากนี้ สพฉ. จะมอบให้ ธกส. ซึ่งเป็นธนาคารรัฐวิสาหกิจที่กำกับโดยกระทรวงการคลัง เป็นผู้จัดพิมพ์บัตรประจำตัวผู้ปฏิบัติการ และใช้ฐานข้อมูลจาก สพฉ. โดยผู้ปฏิบัติการฉุกเฉินสามารถไปดำเนินการเพื่อเปิดบัญชีกับ ธกส. หรือหากมีบัญชีอยู่แล้วก็สามารถขอทำบัตรได้ที่ ธกส. ทุกสาขา

นายแพทย์พงศ์ธร เกียรติดำรงวงศ์

” ซึ่งบัตรแบบใหม่นี้จะเป็นแบบ SMART CARD หน้าบัตรจะแสดงรูปภาพ ชื่อ นามสกุล ระดับของผู้ปฏิบัติการ วันหมดอายุการรับรอง โดยหลังจากนี้การจ่ายเงินอุดหนุนหรือเงินชดเชยรวมทั้งสวัสดิการต่าง ๆ ไปยังผู้ปฏิบัติการ จะสามารถทำได้โดยตรง มีความสะดวก ถูกต้องและรวดเร็วมากยิ่งขึ้นตามความร่วมมือนี้จะมีผลให้เริ่มดำเนินการได้ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.2563 เป็นต้นไป” นายแพทย์พงศ์ธร  กล่าว