เฮงเค็ล ไม่หวั่น โควิด-19 มั่นใจ ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมยังสดใส

14

เฮงเค็ล เจ้าของ แบรนด์ Schwarzkopf และ Joico มั่นใจ ตลาดการดูแลเส้นผม การทำสีผม และจัดแต่งทรงผม ยังสดใส พร้อมเผยแผนเปิดตัวผลิตภัณฑ์นวัตกรรมใหม่ ช่วยให้ช่างทำผมเพิ่มทางเลือกที่มีประสิทธิภาพสูง รวมทั้งผลิตภัณฑ์ที่ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถนำไปใช้ได้ที่บ้าน เพื่อขยายพอร์ตแบรนด์สินค้า

นายธีรศักดิ์ ไตรทิพย์ ผู้จัดการทั่วไป เฮงเค็ล บิวตี้แคร์ โปรเฟสชั่นแนล ประเทศไทย เปิดเผยว่า ธุรกิจดูแลความงามของเส้นผมในประเทศไทย ปี 2563 ยังคงสดใส ถึงแม้จะได้รับผลกระทบบ้างจากการระบาดของไวรัส COVID-19 ที่ร้านทำผมถูกสั่งปิดตามนโยบายรัฐบาลไปช่วงเวลาหนึ่ง แต่ผู้บริโภคชาวไทยมีความรู้และใส่ใจในเรื่องของแฟชั่นมากขึ้น ด้วยเหตุนี้ บริษัทฯ จึงมองในแง่ดีว่า ตลาดยังมีโอกาสในการเติบโตอีกมากในช่วงที่เหลือของปีนี้ โดยตลาดที่มีศักยภาพมากที่สุด สำหรับเรื่องเส้นผม คือ ผลิตภัณฑ์ในหมวดหมู่ทำสีผม เช่น สีผมแฟนซีต่างๆ กำลังเริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้น โดยเฉพาะในหมู่วัยรุ่น อีกตลาดหนึ่งที่เป็นตลาดผู้บริโภคกลุ่มใหม่สำหรับสีผม ก็คือกลุ่มวัยเริ่มทำงาน (first jobbers) ทั้งหญิงและชาย อีกเทรนด์หนึ่ง คือ การดัดคลื่นผมด้วยดิจิทัล (digital wave perm) และความสนใจในเรื่องของความงามแบบองค์รวมของเส้นผม

“เมื่อผู้คนใส่ใจในสุขภาพมากขึ้น ไม่เพียงแต่เรื่องของอาหารเท่านั้น แต่ยังรวมถึงวิถีชีวิตของตัวเองด้วย เราคาดว่าความงามแบบธรรมชาติในแนวออร์แกนิก จะเป็นที่นิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จากปัจจัยในเรื่องนี้ ทำให้ร้านทำผมมีความต้องการโซลูชั่นสำหรับการดัดและยืด ตลอดจนการดูแลรักษาเส้นผมภายหลังการดัดและยืด และผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมใหม่ๆ อีกด้วย” นายธีรศักดิ์ กล่าว

เฮงเค็ล ประเทศไทย เป็นผู้นำในตลาดที่มีความเชี่ยวชาญด้านวัตกรรมเส้นผม ด้วยแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับในเรื่องคุณภาพสูงมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Schwarzkopf ที่เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2499 อีกทั้งยังมีผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมที่ครอบคลุมทุกความต้องการ ทั้งการบำรุง ทำสีผม และการจัดแต่งทรงผม ขณะเดียวกันก็ได้มีพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง รองรับค่านิยมความงามของเส้นผมทุกยุคสมัย มีโซลูชั่นที่ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถแสดงบุคลิกเฉพาะตัวได้อย่างมั่นใจและมีสไตล์

ส่วนหนึ่งของแผนการตลาดที่สำคัญ คือการพัฒนาศักยภาพช่างผมมืออาชีพ ซึ่งถือเป็นคู่ค้าธุรกิจที่สำคัญ ผ่านการจัดฝึกอบรมอย่างต่อเนื่อง ให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องเทคนิคการทำผมแบบสากลนิยม เทรนด์ใหม่ และการบริหารจัดการธุรกิจ ในแต่ละปี เฮงเค็ล ได้จัดให้มีการเทรนช่างทำผม 2,000-3,000 คน ทั้งในประเทศไทย กัมพูชาและเมียนมาร์

นอกจากนี้ เฮงเค็ล ยังมีแบรนด์ให้เลือกที่หลากหลาย โดยตลาดค้าปลีก มีแบรนด์ Freshlight, Palett, Got2b และ Natural & Easy ส่วนช่างผมมืออาชีพ เฮงเค็ล มีแบรนด์ Igora Royal, Igora Vibrance, BlondMe, และ Joico ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นแบรนด์ยอดนิยม และในปีนี้ เฮงเค็ล มีสินค้าใหม่ๆ ที่จะเปิดตัวในตลาดประเทศไทยผ่านทั้งสองช่องทางการค้าปลีกและร้านเสริมสวย ได้แก่ Bonacure, Oil Ultimate, Fiber Plex, Joico K-PACK และ Joico DEFY Damage โดยมีแผนที่จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในประเทศไทยเพิ่มขึ้น ซึ่งจะครอบคลุมระบบการดูแลรักษาเส้นผมทั้งระบบ ทั้งก่อนและหลังการทำผมในร้านเสริมสวย

สำหรับไตรมาสแรกที่ผ่านมา ได้เปิดตัวเฉดสีใหม่ที่เรียกว่า Igora Raw ซึ่งเป็นเฉดสีใหม่ที่ได้รับการตอบรับอย่างดี และเปิดตัวเฉดสี Joy-Full ภายใต้การดูแลของแบรนด์ Joico ซึ่งเป็นแบรนด์สำหรับช่างผมมืออาชีพโดยเฉพาะ และผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมแบรนด์ Taft Pomade ซึ่งจัดจำหน่ายผ่านห้าง ร้านค้าปลีก

ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ได้พัฒนาแอพพลิเคชั่นดิจิทัล เพื่อช่วยช่างทำผม สามารถให้บริการลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น ตัวอย่างที่เราพัฒนาขึ้นมาคือ แอพพลิเคชั่น House of Colors หรือ Essential Looks ซึ่งช่างทำผมสามารถดาวน์โหลดและติดตั้งไว้บนโทรศัพท์มือถือ แอพพลิเคชั่นนี้ช่วยให้ช่างทำผมได้เรียนรู้เกี่ยวกับเทคนิคการทำสีผม เก็บรักษาข้อมูลของลูกค้าและการบริการที่ผ่านมา ติดตามการสั่งซื้อ และเก็บข้อมูลสีผมที่อยู่ในสต๊อก ที่สำคัญ แอพพลิเคชั่นนี้ยังให้ข้อมูลเกี่ยวกับ เทรนด์สีผมล่าสุด ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจของคอลเลคชั่นสีผมใหม่ ในคลังข้อมูล Essential Look รวมทั้งข้อมูลเกี่ยวกับเทคนิควิธีการนำเสนอคอลเลคชั่นสีผมใหม่ให้กับลูกค้าที่ร้าน

“ทั้งนี้รายได้ส่วนใหญ่ของเรา มาจากร้านค้าในรูปแบบเดิมๆ แต่รายได้จากช่องทางออนไลน์ ก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สำหรับช่องทางการค้าปลีกนั้น เรามีร้านค้าของแบรนด์ชวาร์สคอฟ อยู่ใน Lazada, Shoppee และ JD Central เรามีช่องทางการขายในรูปแบบเดิมและช่องทางออนไลน์ เพื่อเติมเต็มซึ่งกันและกัน และเพื่อส่งมอบประสบการณ์ความงามที่มีคุณภาพให้กับผู้บริโภคของเรา” ” นายธีรศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติม

ธีรศักดิ์ ไตรทิพย์

เกี่ยวกับเฮงเค็ล
เฮงเค็ล ดำเนินธุรกิจทั่วโลกด้วยพอร์ตโฟลิโอผลิตภัณฑ์ที่สมดุลและหลากหลาย บริษัทฯ เป็นผู้นำในสามกลุ่มธุรกิจทั้งในธุรกิจเพื่ออุตสาหกรรมและธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค อันเป็นผลมาจากแบรนด์ นวัตกรรม และเทคโนโลยีที่แข็งแกร่ง ธุรกิจเทคโนโลยีกาวของเฮงเค็ล (Adhesive Technologies) เป็นผู้นำในตลาดกาวในทุกอุตสาหกรรมทั่วโลก ในธุรกิจผลิตภัณฑ์ซักล้างและผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน และผลิตภัณฑ์บิวตี้แคร์ (Laundry & Home Care and Beauty Care businesses) เฮงเค็ล เป็นผู้นำในหลายตลาดและประเภทผลิตภัณฑ์ทั่วโลก เฮงเค็ล ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2419 และมีประวัติความสำเร็จอันยาวนานกว่า 140 ปี ในปีพ.ศ. 2561 เฮงเค็ล มียอดขายมากกว่า 2 หมื่นล้านยูโร และมีผลกำไรดำเนินงานที่ปรับปรุงแล้ว 3,500 ล้านยูโร เฮงเค็ล มีพนักงานมากกว่า 53,000 คนทั่วโลก ซึ่งมีความหลากหลายมีความมุ่งมั่น รวมกันเป็นหนึ่งเดียวด้วยวัฒนธรรมขององค์กรที่แข็งแกร่ง มีจุดมุ่งหมายร่วมกันในการสร้างคุณค่าที่ยั่งยืนและมีคุณค่าร่วมกัน ในฐานะผู้นำด้านความยั่งยืนซึ่งเป็นที่ยอมรับ เฮงเค็ล ได้รับการยกย่องจากดัชนีและการจัดอันดับระหว่างประเทศต่าง ๆ หุ้นบุริมสิทธิของเฮงเค็ลจดทะเบียนอยู่ในดัชนีหลักทรัพย์ DAX ของเยอรมนี ข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาเข้าชมที่ www.henkel.com