แบรนด์ไทยๆ “ไบโอเวกกี้” กับผลิตภัณฑ์ “ผักอัดเม็ด” สู่ตลาดโลก ผ่านเว็บไซต์ Thaitrade.com ด้วยการวางแผนอย่างรอบคอบ หนุนผู้ประกอบการไทย ให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ
เมื่อพูดถึง “ผัก” หลายคนมักจะขมขื่นอย่างยิ่ง กับการจะต้องกินผัก อาจจะเพราะรสชาติ และ ความฝังใจแม้ว่า “ผัก” จะมีประโยชน์อย่างยิ่งต่อร่างกาย และสุขภาพ เรื่องแบบนี้เคยโด่งดังในโลกโซเชียลจากกรณี “น้องเนยโลกสวย” มาแล้ว
แต่วันนี้เรื่องของ “ผัก” ที่แน่นอนว่า “มีประโยชน์ต่อสุขภาพ” ได้ถูกนำมาคิดค้น และแปรรูป จนกลายเป็นธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ โด่งดังไปทั่วโลก จนประเทศต้นตำรับแห่งความสวยความงามอย่างเกาหลีใต้ยังต้องสนใจสั่งซื้อ กับผลิตภัณฑ์แบรนด์ไทยๆ ที่เติบโตจาก SMEs สู่การขยายตลาดผ่าน Thaitrade.com โดยกระทรวงพาณิชย์ ที่ต้องบอกว่าวันนี้ “ไบโอเวกกี้ ผักอัดเม็ด” ดังไกลไปทั่วโลกแล้ว!!
จุดเริ่มต้นของ“ไบโอเวกกี้ ผักอัดเม็ด” เป็นมาอย่างไรไปทำความรู้จักกันเลย “นางวิริยา พรทวีวัฒน์” กรรมการผู้จัดการบริษัท เชียงใหม่ไบโอเวกกี้ จำกัด เปิดเผยว่า แม้การเริ่มต้นทำธุรกิจด้านปิโตรเลียมจะไม่เกี่ยวข้องกับด้านอาหาร แต่ด้วยความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ในการปรับประยุกต์ นำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้กับสินค้าประเภทอาหาร ประกอบกับสินค้าเกษตรที่ล้นตลาด ทำให้เลือกที่จะแปรรูปพืชผักให้สามารถเก็บรักษาได้ยาวนานขึ้น โดยใช้เครื่องจักรถนอมอาหาร ที่พัฒนาขึ้นเพื่อแปรรูปอาหารแห้ง ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่คิดค้นโดยผู้บริหารที่เป็นนักวิศวกร นักเศรษฐศาสตร์ และนักวิชาการอาหาร โดยใช้ระยะเวลาคิดค้นกว่า 5 – 6 ปี
จากนั้นจึงได้จัดตั้งบริษัท เชียงใหม่ไบโอเวกกี้ จำกัด เพื่อรับซื้อพืชผลทางการเกษตร ซึ่งจุดเริ่มต้นของธุรกิจเกิดจากการเริ่มทดลองแปรรูปพืช ผัก ผลไม้มาเรื่อยๆ จึงตัดสินใจนำผักชนิดต่างๆ จากมูลนิธิโครงการหลวงมาแปรรูป โดยการอบแห้งแล้วผ่านกระบวนการจนกลายมาเป็นผักอัดเม็ด ซึ่งเป็นวิถีการถนอมอาหารที่เก็บรักษาไว้ได้นานถึง 2 ปี เพื่อให้ผู้บริโภคได้ทานผักด้วยวิธีที่ทานสะดวก อีกทั้งยังได้รับคุณประโยชน์ของสารอาหารจากผักสดในรูปแบบเม็ด โดยส่วนผสมในผักอัดเม็ดประกอบไปด้วยพืชพันธุ์ทั้ง 12 ชนิด ได้แก่ พริกหวาน แครอท มะเขือเทศ หัวหอมญี่ปุ่น ฟักทองญี่ปุ่น กะหล่ำม่วง บีทรูท ผักโขม เฟนเนล เซอเลอรี่ พาร์สเล่ย์ และบร็อคโคลินี ซึ่งล้วนเป็นผักจากมูลนิธิโครงการหลวงที่มีไฟเบอร์และสารอาหารสูง โดยหลังจากนำมาแปรรูปเป็นผักอัดเม็ดแล้ว สินค้าจะต้องคงคุณค่าของสารอาหาร และมีคุณประโยชน์ใกล้เคียงกับผักสดมากที่สุด
ต่อมาในปี พ.ศ.2555 ไบโอเวกกี้ ได้รับรางวัลอันดับ 1 จาก 10 สุดยอดธุรกิจนวัตกรรมด้านกระบวนการผลิตสินค้า ในโครงการ “ไบโอเวกกี้ วิตามินรวมจากผักเมืองหนาว” ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นในการหาช่องทางทางด้านการตลาดของบริษัท แต่ด้วยข้อจำกัดทางการเงินจากการเป็นธุรกิจ SME ขนาดเล็ก ส่งผลให้การประชาสัมพันธ์ทางสื่อกระแสหลักเป็นไปอย่างยากลำบาก บริษัทจึงเน้นการประชาสัมพันธ์ผ่านทางโซเชียลเน็ตเวิร์ค โดยใช้กลยุทธ์แบบบอกต่อ (Word of Mouth)