TMB Analytics แนะวิธีออม หลังผลกระทบโควิด-19

18

พิษโควิด ส่งผลดอกเบี้ยต่ำ กระทบผู้ออมรายย่อยรายได้หด แนะโยกเงินไปบัญชีดอกเบี้ยพิเศษ หรือช่องทางออมอื่น เพื่อกระจายความเสี่ยงและได้อัตราผลตอบแทนสูงขึ้น

ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีเอ็มบี หรือ TMB Analytics (ทีเอ็มบี อนาลิติกส์) เผยยอดเงินฝากบุคคลธรรมดาธนาคารพาณิชย์เพิ่มขึ้นกว่า 6 แสนล้านบาทในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2563 เหตุผู้ออมรายย่อยกังวลสถานการณ์โควิด โดยเงินฝากบัญชีออมทรัพย์เพิ่มขึ้นถึง 16% ยอดอยู่ที่ 5.1 ล้านล้านบาท ขยับสัดส่วนออมทรัพย์สูงขึ้นเป็น 63% ทั้งที่อัตราดอกเบี้ยแค่ 0.25% และในช่วงที่เหลือของปีมีแนวโน้มที่อัตราดอกเบี้ยจะปรับลดลงได้อีกส่งผลกระทบต่อรายได้ผู้ออมมากขึ้น ทั้งนี้ หากผู้ออมรายย่อยโยกเงินจากบัญชีออมทรัพย์ทั่วไปไปบัญชีเงินฝากดอกเบี้ยพิเศษ คาดว่าจะทำให้รายได้ของผู้ฝากเงินออมทรัพย์รายย่อยทั้งระบบจะเพิ่มขึ้นจาก 12.7 พันล้านบาท เป็น 66.2 พันล้านบาทภายในเวลา 1 ปี

วิกฤตโควิด ดันยอดเงินฝากเติบโต
แม้ว่าในปัจจุบันการออมเงินมีให้เลือกหลายรูปแบบ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าการฝากเงินกับธนาคารพาณิชย์ยังคงมีบทบาทสูง โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจมีความเสี่ยง ดังเช่นในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่กดดันเศรษฐกิจทั่วโลกให้เข้าสู่ภาวะถดถอยจนถึงขณะนี้ เงินฝากมีทิศทางเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในอัตราเร่ง โดยเฉพาะเงินฝากบุคคลธรรมดาเพิ่มจาก 7.5 ล้านล้านบาท ณ สิ้นปี 2562 เป็น 8.1 ล้านล้านบาท ณ พฤษภาคม 2563 หรือเพิ่มขึ้นถึง 8.5% เมื่อเทียบกับช่วงปี 2560-2562 ที่เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 4 % ต่อปี ซึ่งสวนทางกับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ปรับลดลง ทั้งนี้ เงินฝากออมทรัพย์เพิ่มขึ้นในอัตราเร่ง 16% จากสิ้นปี 2562 ทำให้สัดส่วนเงินฝากออมทรัพย์ขยับขึ้นจาก 59% เป็น 63% (อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย ณ มิถุนายน 0.25%) ขณะที่เงินฝากประจำมีสัดส่วนลดลงเหลือ 36% (อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย ณ มิถุนายน 0.44%)

แนวโน้มอัดอกเบี้ยต่ำต่อเนื่อง กดดอกเบี้ยออมทรัพย์เหลือ 0.25%
คาดกนง.จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.5% ในช่วงที่เหลือของปี เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ของธนาคารขนาดใหญ่ลดลงเหลือ 0.25% โดยยังมีโอกาสปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงเพิ่มเติมได้อีกในอนาคต หากมีปัจจัยกดดันให้เศรษฐกิจฟื้นตัวช้ากว่าคาดไม่ว่าจะมีสาเหตุจากการระบาดของโควิดรอบสอง หรือเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวช้ากว่าคาด ส่วนอัตราดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารพาณิชย์มีแนวโน้มปรับลดลงได้อีก แม้อัตราดอกเบี้ยนโยบายจะทรงตัวที่ 0.5% ก็ตาม จากแรงกดดันสภาพคล่องที่อยู่ในระดับสูง (สัดส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากลดลงต่อเนื่องมาอยู่ที่ 108.64%) ตามการเพิ่มขึ้นของเงินฝากในอัตราเร่ง ขณะที่ปริมาณสินเชื่อชะลอลง

แนะโยกเงินจากออมทรัพย์ไปบัญชีออมทรัพย์พิเศษ
ทั้งนี้ จากฐานผู้ฝากเงินรายย่อยทั้งหมด 95.8 ล้านบัญชี เป็นบัญชีออมทรัพย์ 86.1 ล้านบัญชี หรือคิดเป็น 90% หากผู้ออมโยกเงินฝากจากบัญชีออมทรัพย์ที่รับดอกเบี้ยแค่ 0.25% ไปยังบัญชีเงินฝากดอกเบี้ยพิเศษ ที่ให้อัตราดอกเบี้ยราว 1.3% พบว่ารายได้ดอกเบี้ยของผู้ฝากเงินออมทรัพย์ทั้งระบบจะเพิ่มขึ้นจาก 12.7 พันล้านบาท เป็น 66.2 พันล้านบาทภายใน 1 ปี

กองทุนรวม ทางเลือกสำหรับผู้มีเงินออม
หากผู้ออมต้องการผลตอบแทนสูงกว่าเงินฝาก และสามารถรับความเสี่ยงเพิ่มขึ้นได้ กองทุนรวมคือทางเลือกที่ให้อัตราผลตอบแทนอยู่ในระดับสูงกว่าเงินฝากออมทรัพย์พิเศษการพิจารณาลงทุนในสถานการณ์ที่ยังมีความเสี่ยงจากทิศทางการฟื้นตัวที่เปราะบางของทั้งเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย ถือเป็นโจทย์ท้าทายสำหรับผู้ลงทุนอย่างมาก รวมทั้ง การลงทุนในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์อย่างทองคำ แม้ว่ามีแนวโน้มที่จะให้อัตราผลตอบแทนสูงต่อเนื่องในฐานะที่เป็นเครื่องมือการลงทุนที่มีความปลอดภัยสูง (Safe-Haven) ในสายตานักลงทุน แต่ก็มีความผันผวนสูง

ในภาวะที่รายได้ผู้ออมรายย่อยถูกสั่นคลอนจากการทรุดตัวของเศรษฐกิจในปัจจุบัน การพิจารณาฝากเงินโดยเลือกบัญชีที่อัตราดอกเบี้ยสูงภายใต้เงื่อนไขที่ผู้ออมยอมรับได้ รวมทั้งพิจารณาทางเลือกในการลงทุนอื่นๆ ที่อาจให้อัตราผลตอบแทนดีกว่าการฝากเงินในบัญชีออมทรัพย์ภายใต้ระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ เป็นแนวทางที่ช่วยพยุงรายได้ตอบโจทย์ของผู้ออมหรือผู้ลงทุนในช่วงที่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจเป็นไปอย่างช้าๆ