เชลล์ชูกลยุทธ์ใหม่ #EnergyAmbition ปรับตัวเข้าสู่ช่วงฟื้นฟูหลังโควิด-19

27

เชลล์ ประกาศเจตนารมย์ของบริษัทในการเป็นพันธมิตรที่ไว้วางได้ Trusted Partner for Better Life ตอบโจทย์ด้านพลังงานและพร้อมอยู่เคียงข้างสังคมไทย เปิดตัวแนวคิดใหม่ #EnergyAmbition พลังงานดี ชีวิตมีสุข เพื่อส่งมอบพลังงานที่ช่วยสร้างคุณค่าให้กับชีวิต ฟื้นฟูหลังการระบาดของ โควิด-19

ปนันท์ ประจวบเหมาะ ประธานกรรมการ บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า “โรคระบาดโควิด-19 ได้สร้างผลกระทบและเปลี่ยนแปลงชีวิตผู้คนไปอย่างมีนัยสำคัญ เราได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่หลากหลายทั้งในระดับโลกและในประเทศไทย อาทิ ความกังวลด้านสุขภาพที่เพิ่มมากขึ้น การทำงานจากบ้าน การปรับเปลี่ยนรูปแบบการเดินทางที่แตกต่างไปจากเดิม ซึ่งรถยนต์ส่วนบุคคลก็เป็นทางเลือกหลักของผู้คนจำนวนมากเมื่อต้องเดินทาง การเปลี่ยนแปลงนี้ยังรวมไปถึง การเติบโตอย่างรวดเร็วของสังคมไร้เงินสด และการปรับตัวทางดิจิทัล เศรษฐกิจในอนาคตแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง และความท้าทายของเชลล์ คือ การต้องปรับตัวเข้าสู่สภาวะใหม่ เพื่อรองรับความต้องการด้านพลังงานของลูกค้า เชลล์มุ่งมั่นเดินหน้าตามเจตนารมย์ในการเป็น พันธมิตรที่ไว้วางใจได้ ด้วยแนวคิด #EnergyAmbition ‘พลังงานดี ชีวิตมีสุข’ พลังงานที่สนับสนุนการมีคุณภาพชีวิตที่ดีของทุกคนต่อไป”

#EnergyAmbition เป็นแนวคิดใหม่สำหรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจระยะฟื้นฟูหลังโควิด-19 โดยให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจใน 5 ด้าน ดังนี้
A = Advanced Energy การใช้นวัตกรรมพลังงานที่มีประสิทธิภาพ เช่น น้ำมัน V-Power, เทคโนโลยี Gas-to-Liquid, ยางมะตอย Bitumen FreshAir และการเข้าถึงเทคโนโลยีพลังงานในหลากหลายรูปแบบ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ทั้งส่วนธุรกิจและค้าปลีก

ปนันท์ ประจวบเหมาะ

B = Brand Trust การเป็นแบรนด์ที่ได้รับความไว้วางใจ โดยทำงานร่วมกับทุกภาคส่วน ทั้งรัฐบาล คู่ค้าทางธุรกิจ และสังคม เพื่อทำความเข้าใจและปรับตัวให้สอดคล้องกับความต้องการด้านพลังงานของสังคม เชลล์เป็นพันธมิตรที่ได้รับความไว้วางใจจากรัฐบาลและคู่ค้าในไทยมาอย่างยาวนาน ซึ่งเห็นได้จาก การดำเนินโครงการท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด โครงการวางท่อน้ำมันใหม่ไปในเส้นทางภาคเหนือและภาคอีสาน การยกระดับการเดินทางและคมนาคมเพื่อเมืองแห่งอนาคต นอกจากนี้ เชลล์ยังได้พัฒนาโครงการต่างๆ เพื่อส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีให้กับคนไทย เช่น โครงการพลังงานเพื่อชุมชน โครงการเชลล์เติมสุข และโครงการออกแบบเมืองแห่งอนาคต

C= Carbon Footprint การดำเนินงานที่เป็นรูปธรรมเพื่อลดผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศตลอดการดำเนินงานทั้งห่วงโซ่อุปทาน ควบคู่ไปกับการมองหาโอกาสในการส่งมอบพลังงานสะอาดรูปแบบต่างๆ และพลังงานทางเลือกใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งรวมถึง การจัดสรรทรัพยากรที่จำกัดอย่างชาญฉลาดและมีประสิทธิภาพในสถานที่ทำงาน

D = Digitalisation การนำเสนอเทคโนโลยีดิจิทัลและอีคอมเมิร์ซโซลูชั่นใหม่ๆ โดยคำนึงถึงความปลอดภัยและการเสริมสร้างสุขอนามัยที่ดี เช่น การพัฒนาบริการด้วยการใช้ดิจิทัลเพื่อสนับสนุนการชำระเงินแบบไร้สัมผัส และการริเริ่มนวัตกรรมอีคอมเมิร์ซในห่วงโซ่การดำเนินธุรกิจของเรา อาทิ บริการ Pay at Pump ที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถชำระเงินแบบไร้สัมผัส ที่สถานีบริการเชลล์ และร้าน DeliCafe ทุกสาขา บริการ Home Delivery และบริการแบบ Online-to-Offline ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างเชลล์กับลาซาด้า ที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถสั่งน้ำมันเครื่อง ผ่านลาซาด้า พร้อมนัดวันเวลา เลือกสถานีบริการน้ำมันเชลล์ที่จะทำการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องเชลล์ได้อย่างสะดวกสบาย ทั้งนี้ Digitalization ไม่เพียงแต่ยกระดับความปลอดภัยให้กับลูกค้า แต่ยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย สำหรับทั้งบริษัทและลูกค้าอีกด้วย

E = Empowering People การเสริมพลังคนทั้งภายในและภายนอกองค์กร ให้มีพลังที่ดีในการดำเนินชีวิต เพื่อรับมือกับผลกระทบจากโควิด-19 และชีวิตวิถีใหม่ New Normal ซึ่งรวมถึงการดำเนินโครงการพัฒนาทักษะด้านต่างๆ การส่งเสริมศักยภาพพนักงาน และการสนับสนุนจิตอาสา ทั้งนี้ได้มีการจัดการอบรมให้กับ Service Champions หรือพนักงานให้บริการที่ประจำอยู่ที่สถานีบริการน้ำมัน รวมไปถึงบุคลากรของร้านค้าที่เป็นพันธมิตรกับเชลล์ทั่วประเทศ นอกจากนี้ เชลล์ยังได้มีการปรับสภาพแวดล้อมและสถานที่ทำงาน โดยคำนึงถึงสุขภาพกายสุขภาพจิตของพนักงานเป็นสำคัญ

“เชลล์มุ่งมั่นสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกและพัฒนาความเป็นอยู่ที่ดีของคนไทย เราอยากเห็นพลังงานที่เป็นมากกว่าพลังงาน เป็นพลังงานที่สร้างคุณค่าให้กับชีวิตและสร้างความสุข ในวันนี้เราอยู่ในฐานะผู้นำด้านพลังงาน แต่เรายังมุ่งมั่นสู่การเป็นพันธมิตรที่ไว้วางใจได้สำหรับทุกคน ทั้งในวันนี้และวันต่อๆ ไป” ปนันท์ กล่าวสรุป