รีเจนเนไลฟ์ ไวทัล เซ็นเตอร์ (Regenelife Vital Center) ศูนย์ส่งเสริมและฟื้นฟูสุขภาพองค์รวม ด้วย “ศาสตร์แพทย์ทางร่วม” สร้างสมดุลของร่างกาย อารมณ์ และจิตใจ ด้วย 5 โปรแกรมที่ออกแบบโดยกลุ่มแพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพในแขนงต่างๆ ได้แก่ ดนตรี, ศิลปะ, โยคะ, พิลาทิส และศาสตร์แพทย์แผนจีน
ผู้บริหาร Regenelife Vital Center ร่วมด้วย คณะคุณหมอและอาจารย์ แนะนำ 5 โปรแกรมที่ออกแบบโดยกลุ่มแพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพในแขนงต่างๆ อันได้แก่ ดนตรีบำบัด โดย อ.ตรีรัตน์ อุปถัมภ์โพธิวัฒน์, ศิลปะ Mind Way โดย พญ.พัชรินทร์ สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง, พอดีโยคะ โดย พรวดี เจียมจรรยา, พอดีพิลาทิส โดย กภ.ปรียานุช ลิ่วลักษณ์, แพทย์แผนจีน โดย พจ. สุวัฒน์ ลี้ชาญกุล และ พจ.ชญานิน งามฉายวงศ์ ทุกท่านจะได้สัมผัสประสบการณ์การรักษาสมดุลแห่งพลังความสุขผ่านแนวทางการบำบัดรักษา ส่งเสริมและฟื้นฟูสุขภาพแบบองค์รวม ภายใต้ศาสตร์แห่งแพทย์ทางร่วมครบวงจร โดยมีเซเลบริตี้รักสุขภาพ อาทิ ณิชชา บุณยากร, ณชา จึงกานต์กุล, วรวุฒิ โตวิรัตน์ และ ชัญญ ธนเพ็ญชาติ ร่วมงานด้วย
วิลิต เตชะไพบูลย์ ผู้ก่อตั้ง รีเจนเนไลฟ์ ไวทัล เซ็นเตอร์ กล่าวว่า รีเจนเนไลฟ์ ไวทัล เซ็นเตอร์ ก่อตั้งขึ้นจากความร่วมมือของ “กลุ่มแพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพหลากหลายแขนง” ในการพัฒนาศาสตร์ “แพทย์ทางเลือก” สู่การเป็น “แพทย์ทางร่วม” ที่มีมาตรฐาน หลอมรวมศาสตร์การแพทย์ทางเลือกมาบูรณาการร่วมกับการแพทย์แผนปัจจุบันให้เป็นหนึ่งเดียว เพื่อการรักษาที่ได้ผลอย่างเป็นรูปธรรมและปลอดภัยใน “เชิงป้องกันแบบระยะยาว” มีเป้าหมายที่จะส่งเสริมผลักดันให้คนไทยสามารถสร้างความสมดุลของสุขภาพในแบบองค์รวมอันยั่งยืน มุ่งน้อมนำปรัชญาการทำธุรกิจในแบบพอเพียงที่มิเพียงมุ่งหวังแต่การทำกำไร แต่จะเป็นการดำเนินธุรกิจที่สร้างสรรค์และคืนประโยชน์กลับสู่สังคมได้อย่างยั่งยืนโดยแท้จริง
“เราเชื่อในการสร้างความสมดุลของสุขภาพแบบองค์รวม (Holistic Balance of Health) ที่ผสานการทำงานร่วมกันของร่างกาย อารมณ์ และจิตใจอย่างเป็นระบบ เพื่อสร้างกลไกในการสมานข้อบกพร่องในร่างกายและฟื้นคืนพลังแห่งการดำเนินชีวิตอย่างเป็นสุข โดยวิธีการสร้างความสมดุลที่ดี ไม่ควรยึดติดว่าจะต้องใช้การดูแล ป้องกัน หรือรักษาด้วยวิธีการใดวิธีการหนึ่งเท่านั้น แต่ควรให้ความสำคัญกับคุณค่าและประโยชน์ของการผสมผสานวิธีการดูแลสุขภาพในหลากหลายศาสตร์ โดยคำนึงถึงความเหมาะสมและประโยชน์สูงสุดของผู้รับบริการเป็นหลัก” วิลิต เตชะไพบูลย์ กล่าว
พิชัยรัตน์ รัตนมาโนชญ์ ผู้ร่วมก่อตั้งและผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมและฟื้นฟูสุขภาพองค์รวม รีเจนเนไลฟ์ ไวทัล เซ็นเตอร์ กล่าวว่า Regenelife Vital Center มีวิธีการดำเนินการฟื้นฟูและคืนสมดุล ด้วย 3 แนวทางหลัก ได้แก่ 1) ให้ผู้เข้ารับบริการเป็นจุดศูนย์กลาง (Patient-Centric) 2) ผสมผสานวิทยาศาสตร์การแพทย์แผนปัจจุบันเข้ากับการรักษาด้วยศาสตร์แพทย์ทางเลือกที่ได้มาตรฐานและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล 3) ทุกโปรแกรมถูกออกแบบ ให้การรับรองและให้บริการโดยคณะแพทย์และผู้เชี่ยวชาญ จากสถาบันด้านสุขภาพชั้นนำของประเทศไทย จึงมั่นใจได้ในความปลอดภัยและประสิทธิผลการรักษา
Regenelife Vital Center สามารถเข้ารับบริการได้ตั้งแต่เด็ก วัยรุ่น วัยทำงาน ผู้ใหญ่ ไปจนถึงวัยผู้สูงอายุ ถึงแม้ว่าไม่ป่วยก็สามารถเข้ารับบริการด้านการดูแลสุขภาพทั้ง 5 โปรแกรม ได้แก่ Brain Enrichmentโปรแกรมดนตรีบำบัดเชิง Brain Training ที่ใครๆ ก็เข้าถึงได้, Mind Way: โปรแกรมศิลปะบำบัด ช่วยคืนสมดุลแห่งอารมณ์และจิตใจ, Por Dee Yoga: โปรแกรมโยคะบำบัด เพื่อฟื้นฟูร่างกายและจิตใจภายใต้คอนเซ๊ปต์ “ความพอดี”, Por Dee Pilates โปรแกรมการออกกำลังกายแนวพิลาทิสบำบัดแบบคลาสส่วนตัว และเร็วๆ นี้กับ บริการการแพทย์แผนจีนแบบครบวงจร
ทางด้าน ณชา จึงกานต์กุล บอกว่า ส่วนตัวชอบโปรแกรม “พอดีพีลาทิส” มากๆ เพราะปกติเป็นคนออกกำลังกายเน้นความแข็งแรงอยู่แล้ว แต่เมื่อได้มาลองแล้วทำให้ได้รู้ว่า “ความสมดุลที่ดี” คือ “ความแข็งแรงอย่างแท้จริง” จากที่เป็นคนมั่นใจในความแข็งแรงของกล้ามเนื้อมาตลอด แต่พอเราได้ลองเครื่องในห้องพีลาทีสแล้วก็พบว่า ร่างกายที่บาลานซ์คือร่างกายที่สามารถยืดหยุ่นและทนทานต่อสภาวะต่างๆ ได้ ส่วนโปรแกรม Mind Way ก็ประทับใจมาก ขนาดแค่ได้ทดลองวาดมือและระบายสียังค้นพบว่า แต่ละนิ้วที่เราลงสีไปก็สื่อความหมายของเราได้ โปรแกรมนี้ไม่ได้เน้นที่ความสวยงามผลงาน แต่เน้นที่กระบวนการสร้างผลงานมากกว่า การได้มาลองโปรแกรมต่างๆ ที่ Regenelife Vital Center คือการเปิดโลกทัศน์ เปิดสัมผัสทั้ง 5 ในร่างกายเราอย่างแท้จริง
ขณะที่ เอิร์ธ-วรวุฒิ โตวิรัตน์ บอกว่า ตนเพิ่งเคยได้เห็นสถานที่ที่ไม่ได้เน้นการดูแลเรื่องสุขภาพร่างกายเพียงอย่างเดียว แต่ยังเน้นการบำบัดรักษาโรคที่อาจจะเกิดขึ้นกับเราในอนาคต เช่น อัลไซเมอร์ ออฟฟิสซินโดรม หรืออาการที่เราไม่ได้คาดคิดว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเรา แต่ละโปรแกรมที่ได้ลอง “ว้าวมาก” อย่าง เปียโน 1 to 5 แค่ได้ลองครั้งแรกก็รู้เลยว่าเรากำลังฝึกสมองอยู่ การได้ทำอะไรที่ต่างจากที่เคยทำนั่นคือการบริหารสมองทั้ง 2 ข้าง เป็นการฝึกสมาธิที่สามารถป้องกันภาวะอัลไซเมอร์ได้ ตอนแรกเราอาจคิดว่าทำไมได้เพราะเราไม่ถนัดซ้าย แต่พอได้ลองและโฟกัสกับมันแล้วก็ทำได้ ประทับใจสิ่งที่อาจารย์บอกว่า อย่าสั่งสมองให้ปฏิเสธไปก่อนลงมือทำ