ผู้นำขับเคลื่อนความร่วมมือสร้างสังคมสุขภาวะ Imagine Thailand Movement ประเมินสถานการณ์ COVID-19 ในประเทศไทย แนะ 5 สิ่งที่ต้องทำหากต้องอยู่กับ COVID-19
จากสถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19 ที่เกิดขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี 2563 จนถึงการระบาดระลอกใหม่ที่เกิดขึ้นตั้งแต่เดือนธันวาคม 2563 ดร.อุดม หงส์ชาติกุล ผู้ก่อตั้งห้องปฏิบัติการทางสังคม (ประเทศไทย) และผู้นำการขับเคลื่อนความร่วมมือสร้างสังคมสุขภาวะ Imagine Thailand Movement สะท้อนมุมมอง ต่อการการแพร่ระบาดโควิด-19 รอบใหม่
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดรอบใหม่ ที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากกว่าในครั้งแรกมาก ดร.อุดม สะท้อนว่า จากขนาดของปัญหาที่เกิดขึ้นนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ภาครัฐจะสามารถบริหารจัดการและแก้ปัญหานี้ได้แต่เพียงฝ่ายเดียว โดยเห็นว่า ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และคนไทยทุกคน ควรต้องเข้ามามีส่วนร่วม ให้ความร่วมมือ รวมถึงสนับสนุนในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องความร่วมมือในการดูแลตนเอง รักษาระยะห่างทางสังคม การตรวจหาผู้ป่วย รวมถึงสามารถเข้ามามีส่วนการช่วยสร้างโรงพยาบาลสนามหรือสถานที่พักพิงเพื่อรองรับผู้ป่วย
“และจากการเรียนรู้กับสิ่งที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ หากเราจัดการกับระบาดระลอกใหม่ไม่ดีพอ มีโอกาสที่การแพร่ระบาดจะรุนแรง และเราอาจเห็นจำนวนผู้ที่ติดเชื้อในประเทศจำนวนมากเป็นจำนวนหลักหลายหมื่น หลักหลายแสนได้ ปัญหาที่เรากำลังเผชิญอยู่คราวนี้มีขนาดที่ใหญ่มาก เราไม่สามารถสืบค้นหาต้นตอของการแพร่ระบาดได้ เราต้องตรวจหาเชื้อในแรงงานต่างด้าวในประเทศไทยซึ่งมีไม่น้อยกว่า 2 ล้านคน ต้องเตรียมโรงพยาบาลสนามเพื่อรองรับผู้ติดเชื้อที่มีโอกาสมากเป็นจำนวนหลักแสนคน”
ขณะที่ความหวังของการจัดการกับการแพร่ระบาด COVID-19 อยู่ที่วัคซีน แต่กว่าคนไทยจะได้รับวัคซีนครบทุกคน ก็อาจจะต้องใช้เวลาอีกแรมปี ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ทุกคนจะต้องเข้าใจสถานการณ์ และเริ่มคิดว่า ระหว่างนี้เราจะรับมือ หรืออยู่กับโควิด-19 ไปได้อย่างไร และจะทำอย่างไรกับความท้าทายใหม่ๆ ของโรคระบาด
แนะนำ 5 สิ่งต้องทำ ในสถานการณ์นี้ว่า
1. ควรตระหนัก ไม่ตระหนก เพราะเราคงไม่สามารถหยุดอยู่กับที่แล้วรอจนกระทั่งให้ไวรัสหายไป โดยมีส่วนร่วม ให้ความร่วมมือ และสนับสนุนมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดให้เคร่งครัดที่สุด และร่วมกันให้กำลังใจเจ้าหน้าที่บุคลากรทางการแพทย์ อาสาสมัคร และภาคส่วนต่างๆ ที่เป็นแถวหน้ารับมือกับโรคระบาดนี้อย่างหนักหน่วง
2. สิ่งสำคัญที่ต้องทำเป็นประจำคือ ต้องดูแลตนเองด้านสุขอนามัยอย่างต่อเนื่อง หรือที่เรียกว่า อย่าให้การ์ดตก โดยการใส่หน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือ กินร้อน ช้อนกลางของเรา หลีกเลี่ยงการใช้ภาชนะร่วมกันกับผู้อื่น รักษาระยะห่างทางสังคม หลีกเลี่ยงการไปอยู่ในพื้นที่แออัด เรียกว่าอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ
3. สิ่งที่ต้องสร้างให้ตนเองทุกวันคือ การสร้างมุมมองในเชิงบวก เพราะในทุกโอกาสจะมีวิกฤต และในทุกวิกฤตมีโอกาสซ่อนอยู่เสมอ ซึ่งขึ้นอยู่กับมุมมอง โดยพยายามทำความเข้าใจสถานการณ์อย่างแจ่มแจ้ง ค่อยๆ บริหารจัดการ จัดลำดับความสำคัญ โดยใช้สติปัญญา มากกว่าการใช้อารมณ์ ซึ่งไม่ได้ผล และเกิดผลเสียมากกว่าผลดี
4. ในการทำงานสิ่งที่เราควรต้องทำ คือวางแผนกิจกรรม การบริหารงาน บริหารกิจการ ที่ต้องทำ ให้ต่อเนื่อง ตลอดจนเติมความรู้ ทักษะที่จำเป็นใหม่ๆ อยู่เสมอ โดยหากภายในสัปดาห์ที่ 4 ของเดือนนี้ ประมาณวันที่ 24 มกราคม 2564 จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันไม่พุ่งขึ้นเป็นหลักหลายพันคน ตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ เชื่อว่าภาครัฐก็น่าที่จะคลายมาตรการเรื่องของความร่วมมือในการจำกัดการเดินทางลง
5. ภายในครอบครัว ซึ่งเป็นหน่วยที่เล็กที่สุดในบ้าน หรือภายในชุมชน ควรจะต้องมีการช่วยกันสร้างพลังบวก ให้แก่กันเสมอ แม้สมาชิกในครอบครัวจะมีความเห็นต่างกัน ในหลายๆเรื่อง รวมถึงเรื่องรับมือกับการแพร่ระบาด หรือมีความไม่เข้าใจกันเนื่องจากวัยที่ต่างกัน ส่งผลต่อการรับรู้ที่ต่างกัน ในสถานการณ์ที่มีความเปราะบางของอารมณ์ความรู้สึก ขอให้มีการรับฟังกันอย่างตั้งใจ เปิดใจ และเข้าใจว่า ความเห็นต่างเป็นปกติ ควรเลี่ยงการโต้เถียง เลี่ยงการใช้อารมณ์ที่มักเกิดจากจินตนาการของตนเอง โดยให้ใช้วิธีรับฟัง ให้เต็มที่ก่อน มีการเติมเต็ม ให้ข้อคิด ให้กำลังใจกันเสมอ