สสว. ร่วมกับ สถาบันอาหาร จัดกิจกรรมพัฒนาคลัสเตอร์มะพร้าว สับปะรด และกระเทียม ภายใต้โครงการสนับสนุนเครือข่าย SME ปี 2563 ขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดในเชิงพาณิชย์ พัฒนาพื้นที่กลุ่มคลัสเตอร์ต่อเนื่องที่มีความเข้มแข็ง
ทั้งนี้มีกลุ่มคลัสเตอร์ที่เข้าร่วมโครงการ ได้แก่ คลัสเตอร์มะพร้าว จำนวน 1 คลัสเตอร์ (คลัสเตอร์มะพร้าวน้ำหอมบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร) คลัสเตอร์สับปะรด จำนวน 1 คลัสเตอร์ (คลัสเตอร์สับปะรดสยามโกลด์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์) และคลัสเตอร์กระเทียม จำนวน 1 คลัสเตอร์ (กลุ่มเครือข่ายผู้ปลูกกระเทียม จังหวัดเชียงใหม่) จัดอบรมเชิงปฏิบัติการ การพัฒนาองค์ความรู้ในการดำเนินธุรกิจแบบคลัสเตอร์ และพัฒนาศักยภาพในการดำเนินธุรกิจในด้านต่างๆ ของผู้ประกอบการในคลัสเตอร์ จำนวนกว่า 468 ราย ตั้งแต่พัฒนาศักยภาพการดำเนินการธุรกิจให้กับกลุ่มผู้ประกอบการที่ได้รับคัดเลือกเข้าร่วมโครงการในแต่ละกลุ่ม อาทิ จัดอบรมหลักสูตรการพัฒนาผลิตภัณฑ์ หลักสูตรมาตรฐานการผลิต หลักสูตรการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต หลักสูตรการพัฒนาคลัสเตอร์ หลักสูตรการตลาดและการสร้างแบรนด์เชิงสร้างสรรค์สำหรับผู้นำคลัสเตอร์มะพร้าว สับปะรด และกระเทียม
โดยผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เกิดขึ้นจากโครงการ จำนวน 3 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ปิ๊งโคโค่ (PING COCO) น้ำมะพร้าวน้ำหอม 50% ผสมคอลลาเจน ซิงค์ และทอรีน ซึ่งทางกลุ่มคลัสเตอร์มะพร้าวน้ำหอมมีแนวคิดที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้อยู่ในรูปแบบเครื่องดื่มน้ำมะพร้าวน้ำหอม ที่เสริมสารกลุ่ม Functional โดยผสมคอลลาเจน ซิงค์ และทอรีนที่มีสรรพคุณช่วยทางด้านต่างๆ และนำผ่านเทคโนโลยีการฆ่าเชื้อแบบสเตอริไลซ์เซชัน ซึ่งช่วยยืดอายุการเก็บรักษาได้นานขึ้น จึงเป็นทางเลือกหนึ่งของผู้บริโภคที่ชื่นชอบน้ำมะพร้าวน้ำหอม
ผลิตภัณฑ์เนยกระเทียม ผลิตภัณฑ์ที่นำกระเทียมซึ่งเป็นวัตถุดิบที่ปลูกได้จำนวนมากในท้องถิ่นนำมาแปรรูปเพิ่มมูลค่า โดยทำเป็นผลิตภัณฑ์เนยกระเทียมที่สามารถนำไปรับประทานกับอาหารได้ โดยการนำเทคโนโลยีที่ใช้ในการแปรรูปการถนอมอาหาร สามารถเก็บได้นานกว่า 1 เดือนในอุณหภูมิ 1-8 องศาเซลเซียส
ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มชาปรุงสำเร็จผสมน้ำสับปะรดและเนื้อสับปะรด โดยนำสับปะรดพันธุ์ MD2 มาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ ที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะคนในเมืองที่เร่งรีบ แต่ยังต้องการผลิตภัณฑ์ที่บริโภคได้ง่าย สะดวกรวดเร็ว และสามารถเก็บรักษาได้นาน จึงมีแนวคิดพัฒนาเครื่องดื่มชาปรุงสำเร็จผสมน้ำสับปะรดและเนื้อสับปะรดแบบแช่แข็ง เพียงแค่นำแก้วเข้าอุ่นในไมโครเวฟ ก็จะได้เครื่องดื่มแบบเกล็ดหิมะที่สามารถดื่มได้ทันที มีรสชาติอร่อย หอมหวาน สดชื่น ได้เนื้อสัมผัสของชิ้นสับปะรด 100% เก็บรักษาที่อุณหภูมิ -18 องศาเซลเซียส ได้นาน 6 เดือน
ทั้งนี้ คาดว่า เมื่อผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เกิดขึ้นในโครงการฯ สามารถออกสู่ตลาดได้ จะเกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจของผู้ประกอบการในคลัสเตอร์ ได้ไม่น้อยกว่า 40 ล้านบาท และ สสว. นั้นยังคงให้การสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs ต่อไป ในรูปแบบของโครงการต่างๆ อย่างต่อเนื่อง โดยสามารถติดตามข่าวสารโครงการได้ที่ www.sme.go.th