การบริหารความหลากหลายและความเท่าเทียมในองค์กร เป็นหนึ่งในนโยบายหลักที่บริษัทเคมีภัณฑ์ชั้นนำอย่าง เฮงเค็ล ประเทศไทย ให้ความสำคัญมาโดยตลอด ไม่ว่าจะมีความท้าทายจากสถานการณ์เศรษฐกิจ การเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยีดิจิทัลและวิกฤติโควิด-19 ก็ตาม
จากการดำเนินนโยบายในเรื่องดังกล่าวนี้ ปัจจุบัน 60% ของคณะกรรมการบริหารเฮงเค็ล ประเทศไทย ประกอบด้วยผู้หญิง ซึ่งเห็นได้ชัดว่าบทบาทผู้นำหญิงในทีมบริหารนั้นแข็งแกร่งอย่างมาก
แอนเดรียนโต้ จายาเปอร์นา ประธานบริษัทเฮงเค็ล ประเทศไทย กล่าวว่า บริษัทให้โอกาสแก่พนักงานทุกคนอย่างเท่าเทียมกันโดยไม่คำนึงถึงเพศ โดยมีวัฒนธรรมการให้รางวัลที่แข็งแกร่ง หากเมื่อรวมกับแผนพัฒนาความสามารถที่เข้มแข็ง บริษัทจะมีการทบทวนขีดความสามารถพนักงานเป็นประจำ เพื่อระบุความต้องการในการพัฒนาศักยภาพของพวกเขา ที่สำคัญไปกว่านั้น บริษัทเชื่อมั่นเป็นอย่างมากในการพูดคุยเพื่อพัฒนาอาชีพแบบสองทาง ดังนั้นกระบวนการพัฒนาอาชีพ จึงคำนึงถึงความสนใจส่วนตัวของพนักงานอีกด้วย
ในปัจจุบัน สภาพแวดล้อมของการทำงานเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ความยืดหยุ่นและความสามารถในการปรับตัวถือเป็นสิ่งสำคัญ เฮงเค็ล ตระหนักดีว่า พนักงานหญิงมีความต้องการที่แตกต่างในแต่ละช่วงของชีวิต ดังนั้น บริษัทจึงจัดเตรียมระบบการทำงานที่ยืดหยุ่น เพื่อให้พนักงานหญิงสามารถปรับเปลี่ยนชั่วโมงการทำงานและสถานที่ทำงาน ให้เหมาะสมกับความต้องการในชีวิตการทำงานได้ดีขึ้น
“ความสามารถในการต้องสวมหลายบทบาท ถือเป็นจุดแข็งที่สุดอย่างหนึ่งของผู้หญิงในการสร้างความสมดุลระหว่างอาชีพและความรับผิดชอบต่อครอบครัว รวมถึงความรับผิดชอบอื่นๆอีกมากมาย สิ่งนี้ทำให้ผู้หญิงสามารถทำงานหลายอย่างพร้อมกันได้อย่างเป็นธรรมชาติ ด้วยความยืดหยุ่นและคล่องตัว เนื่องจากประสบการณ์ที่หลากหลายในชีวิต พวกเขาจึงมีแนวโน้มที่จะดูแลเอาใจใส่ และตัดสินใจได้ดีขึ้น เนื่องจากสามารถพิจารณาผลกระทบของการตัดสินใจจากหลายมุมมอง” นายแอนเดรียนโต้ กล่าวเพิ่มเติม
นโยบายส่งเสริมพนักงานหญิงของ เฮงเค็ล ประเทศไทยนั้น สอดคล้องกับข้อมูลสถิติที่ว่า ประเทศไทยให้การยอมรับบทบาทสตรีมากขึ้น โดยอยู่ในระดับที่สูงมากกว่าค่าเฉลี่ยในภูมิภาค จากรายงาน Women in Business Report 2020 ของ Grant Thornton พบว่า ผู้บริหารระดับสูงขององค์กรธุรกิจไทยที่เป็นสตรี มีสัดส่วน 32% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของระดับโลก ซึ่งอยู่ที่ 27% และของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก 26%
วรางคณา ศิริโยธิพันธุ์ หัวหน้าฝ่ายการเงินและกำกับดูแล เฮงเค็ล ประเทศไทย กล่าวว่า บริษัทไม่มีอคติทางเพศและส่งเสริมความหลากหลายในองค์กร อีกทั้งให้โอกาสพนักงานในการทำงาน ซึ่งเธอเองได้รับโอกาสให้ไปทำงานที่สหราชอาณาจักร ในฐานะผู้ควบคุมธุรกิจเฮงเค็ล บิวตี้แคร์ โปรเฟสชันแนล ในสหราชอาณาจักรและไอร์แลนด์
“เฮงเค็ล ให้ความสำคัญกับคุณค่าชีวิตและครอบครัวมาโดยตลอด และเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าเป้าหมายของครอบครัวและอาชีพ สามารถบรรลุได้พร้อมกัน เมื่อตอนที่ฉันต้องย้ายไปทำงานที่สหราชอาณาจักร เฮงเค็ล ย้ายครอบครัวของฉันให้มาอยู่พร้อมกับฉันด้วย จนถึงวันนี้ ฉันยังรู้สึกขอบคุณเฮงเค็ล เป็นอย่างมากที่สนับสนุนฉันให้พัฒนาการทำงานและช่วยดูแลแก้ปัญหาส่วนตัวให้ด้วย” วรางคณา กล่าว
ซินดี้ ดีกิจว่อง หัวหน้าฝ่ายการตลาดระดับโลก ศูนย์บ่มเพาะธุรกิจเทคโนโลยีกาว เฮงเค็ล กล่าวว่า เธอได้รับโอกาสในการพัฒนาและเติบโตที่เฮงเค็ลมาตลอด 19 ปี ของการทำงานกับบริษัท รวมถึงได้รับประสบการณ์ในการทำงานในหน้าที่ต่างๆ ตั้งแต่ฝ่ายขาย วิศวกรรมการบริการด้านเทคนิค ซัพพลายเชนและฝ่ายปฏิบัติการ นวัตกรรม การจัดซื้อและการตลาด ในหลายประเทศ ทั้งไทย สหรัฐอเมริกา เยอรมนี ญี่ปุ่น
“เฮงเค็ลให้ความสำคัญกับ “ความหลากหลายและการไม่แบ่งแยก” อย่างมาก และเรามีผู้หญิงเป็นส่วนสำคัญของทีมงานและมีบทบาทสำคัญในเกือบทุกสายงานตั้งแต่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ ไปจนถึงการดำเนินงาน การขายและการตลาด ฉันรู้สึกขอบคุณที่ เฮงเค็ล มุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำด้านความยั่งยืนและสนับสนุนเศรษฐกิจหมุนเวียน โดยมุมมองที่แตกต่างมีส่วนสำคัญต่อความสำเร็จร่วมกันของเราในวันนี้” ซินดี้ กล่าว