ภูมิภาคภาคกลางมีความหลากหลาย มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม ประเพณีอันดีงาม มีอาหารรสชาติอร่อยเป็นเอกลักษณ์ มีเกจิอาจารย์ที่เป็นเป็นศูนย์รวมความศรัทธาของผู้คนมาช้านาน ทำให้จังหวัดในภาคกลาง อันประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร ปทุมธานี นนทบุรี ลพบุรี สระบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง ชัยนาท พระนครศรีอยุธยา กาญจนบุรี นครปฐม ราชบุรี สมุทรสงคราม สมุทรสาคร เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งอยู่ในความดูแลของ ททท.ภูมิภาคภาคกลาง เป็นเป้าหมายที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจ ในทุกฤดูกาล
หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ในประเทศไทยเริ่มคลี่คลายลง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ภูมิภาคภาคกลาง ได้จัดเตรียมโครงการและกิจกรรมสำหรับส่งเสริมการตลาดเพื่อกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยว สำหรับรองรับนักท่องเที่ยวหลายกลุ่ม ด้วยการผนึกกำลัง 9 สำนักงานฯ เตรียมพร้อมแผนกระตุ้นการท่องเที่ยวในปีนี้ โดยได้แถลงแผนงานและกิจกรรมฯ ปี 2564 ฟื้นฟูและส่งเสริมการเดินทางท่องเที่ยว Lifestyle Travel @ ภาคกลาง เมื่อวันที่ 24 มี.ค.64 เวลา17.00น. ณ บริเวณคุ้มขนแผน อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ท่ามกลางบรรยากาศแห่งความสุขของเมืองกรุงเก่า
ภายในงาน แถลงข่าวโครงการ Lifestyle Travel @ ภาคกลาง ได้รับเกียรติจาก นางสรัลพัชร ประโมทะกะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา มาเป็นประธานในพิธี พร้อมผู้อำนวยการ สำนักงาน ททท. ทั้ง 9 แห่ง เข้าร่วมประกาศความมุ่งมั่นในการส่งเสริมและกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ เน้นการเดินทางท่องเที่ยวแนวใหม่ (New Normal) เน้นเส้นทางระยะทางใกล้และเดินทางสะดวก นำเสนอกิจกรรมและแหล่งท่องเที่ยวท่องเที่ยวเพื่อตอบโจทย์นักท่องเที่ยวที่นิยมเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศให้หันกลับมาท่องเที่ยวภายในประเทศไทยเพิ่มขึ้น
นางสาวจุฑาทิพย์ เจริญลาภ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ภูมิภาคภาคกลาง ททท.ภูมิภาคภาคกลาง ได้จัดเตรียมโครงการและกิจกรรมสำหรับส่งเสริมการตลาดเพื่อกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยว สำหรับรองรับนักท่องเที่ยวหลายกลุ่ม โดยมีโครงการที่โดดเด่นที่จะดำเนินการดังต่อไปนี้
โครงการส่งเสริมการท่องเที่ยว Lifestyle Travel @ภาคกลาง ดำเนินการภายใต้แนวคิด “Camping and Camper @ River Legacy” เพื่อสนับสนุนนักท่องเที่ยวที่สนใจการพักค้างแคมแบบกางเต็นท์หรือค้างแรมบนรถบ้าน (Camper van) ซึ่งเริ่มได้รับความยมและลดความเสี่ยงจากการสัมผัสหรือพบปะผู้คนจำนวนมาก สอดคล้องกับนโยบายSocial distancing ของภาครัฐ และแนวคิด “เที่ยวใกล้ เที่ยวง่าย ผ่อนคลาย ใกล้บ้านเรา” โครงการนี้จะแบ่งเป็น 6 กิจกรรม ได้แก่
- กิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวทางรถยนต์ในรูปแบบ Road trip ในวันที่ 26-27 มีนาคม 2564 เส้นทางกรุงเทพฯ-สระบุรี เพื่อร่วมทำกิจกรรม CSR ปลูกต้นกัลปพฤกษ์ร่วมกับชุมชนในพื้นที่ โดยจะมีผู้เข้าร่วมจำนวน 120 คนพร้อมรถยนต์ประเภทต่างๆ ที่เป็นสายแคมปปิ้ง เช่น Camper van, carcamp , caravan, rooftop เป็นต้น
- ร่วมกับสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จัดกิจกรรม Agent Fam tip ในวันที่ 19-20 มีนาคม 2564 ณ จังหวัดเพชรบุรี โดยมีบริษัทนำเที่ยวที่เข้าร่วมจำนวน 60 ราย
- ร่วมกับนิตยสาร Time out Bangkok จัด Camping & camper The River Legacy วันที่ 17-18 เมษายน 2564 ณ ปาท่องโก๋แคมปิ้ง จังหวัดสุพรรณบุรี เปิดประสบการณ์ Clamping 2 วัน 1 คืน สัมผัสอากาศบริสุทธิ์ สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ สัมผัสชุมชนวิถีเกษตร รับประทานอาหารสไตล์ Chef’s Table ที่รังสรรค์เมนูเด็ดจากวัตถุดิบในท้องถิ่น ปิดท้ายด้วยบรรยากาศริมอ่างเก็บน้ำใต้แสงดาว
- จัดกิจกรรมเสนอขายเส้นทางท่องเที่ยวทางรถยนต์ ภายใต้ชื่อ Camping & Camper @ River Legacy วันที่ 24-25เมษายน 2564 เส้นทางกรุงเทพฯ – อ่างทอง – ชัยนาท
- กิจกรรมส่งเสริมการขายผ่านช่องทางออนไลน์ ในรูปแบบ Live streaming ร่วมกับเพจท่องเที่ยว Sneak out ในวันที่ 6 พฤษภาคม 2564 นำเสนอขายดีลพิเศษที่พักสายแคมป์ในพื้นที่ภูมิภาคภาคกลางทั้ง 17 จังหวัด
- กิจกรรมส่งเสริมการตลาดในรูปแบบ event marketing ภายใต้ซื่องาน “Camping & Camper Mart # ตอนโชว์ของ (ไม่) ลับ” กำหนดจัดขึ้นในช่วงเดือนพฤษภาคม 2564
ด้าน นายไพรัชช์ ทุมเสน ผู้อำนวยการกองตลาดภาคกลาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้กล่าวถึงโครงการ Luxperience @ภาคกลาง และ โครงการ More River Legacy วิถีเมือง ว่า มีวัตถุประสงค์การจัดขึ้นเพื่อกระตุ้นและส่งเสริมการเดินทางท่องเที่ยวในพื้นที่ภาคกลาง นำเสนอขายสินค้าใน 2 รูปแบบ คือ สินค้าที่มีมูลค่าสูงในพื้นที่ภาคกลางและสินค้าท้องถิ่น/ชุมชนที่สามารถสร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวในพื้นที่ภาคกลาง และเป็นกิจกรรมที่เตรียมดำเนินการในช่วงเวลาอันใกล้ ประกอบด้วย
โครงการ Luxperience @ภาคกลาง ประกอบด้วย (1) โครงการ “เปิดประสบการณ์อาหารถิ่น กินที่บ้าน ร่วมกับ เชฟบุ๊ค บุญสมิทธิ์ พุกกะณะสุต” เสนอขายวัตถุดิบท้องถิ่นในพื้นที่ภาคกลาง ซึ่งได้รับมาตรฐาน GI (Geographical Indications) และวัตถุดิบที่เป็นเอกลักษณ์ในพื้นที่ เพื่อนำมาเป็นวัตถุดิบในการประกอบอาหารถิ่น โดยที่ผู้เข้าร่วมกิจกรรมจะได้รับสิทธิ์ในการทำอาหารถิ่นร่วมกับเชฟบุ๊ค ผ่านห้อง Zoom แบบส่วนตัว รวมถึง มีการ Live ผ่าน Facebookเพื่อประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้เดินทางท่องเที่ยวในพื้นที่ภาคกลาง ระหว่างวันที่ 8 มีนาคม-1 เมษายน 2564
และ (2) กิจกรรม Live Streamying ผ่าน Facebook Fanpage Sneak Out ซึ่งมีผู้ติดตามมากว่า 3 ล้านคน โดยนำสินค้ามูลค่าสูงในพื้นที่ภาคกลาง อาทิ ที่พัก ร้านอาหาร มาเสนอขาย กำหนด Live สด ในวันที่ 31 มีนาคม 2564
ส่วน โครงการ More River Legacy วิถีเมืองรอง นั้น เป็นโครงการที่เน้นกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวในพื้นที่เมืองรองภาคกลาง 7 จังหวัด คือ จังหวัดสุพรรณบุรี อ่างทอง ลพบุรี สิงห์บุรี ชัยนาท สมุทรสงคราม ราชบุรี โดยมีกิจกรรมที่จะดำเนินการ 2 กิจกรรม ดังนี้
กิจกรรมกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยว แคมเปญ “เมืองรองภาคกลางศิวิไลซ์” ส่งเสริมการขาย โปรโมชั่น และประชาสัมพันธ์ที่จะช่วยกระตุ้นนักท่องเที่ยวกลุ่มครอบครัวและผู้สูงวัย เดินทางเข้าพื้นที่เมืองรองของภาคกลาง มีระยะเวลาดำเนินการระหว่างเดือนมีนาคม-กรกฏาคม 2564 โดยมีไฮไลท์ที่น่าสนใจ
- กิจกรรมส่งเสริมการขาย เปย์เมืองรองให้หนำใจ นำเสนอขายสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวในพื้นที่เมืองรองภาคกลางผ่านช่องทางออนไลน Line @ เมืองรองภาคกลาง และช่องทางออฟไลน์กับ กิจกรรมคาราวานนำร่องท่องเที่ยวภาคกลาง 2 วัน 1 คืน ตามเส้นทางจังหวัดสมุทรสงคราม-ราชบุรี จำนวน 20 คัน
- การประชาสัมพันธ์และเผยแพร่แคมเปญ “เมืองรองภาคกลางศิวิไลซ์” ผ่านช่องทางออฟไลน์ ในรายการสมุทรโคจร ทางไทยรัฐทีวี ช่อง 32 และออนไลน์ผ่านทาง Facebook Pageต่างๆ
กิจกรรมที่สอง เป็นกิจกรรมประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวเมืองรองภาคกลาง ภายใต้แนวคิด “More River Legacy มรดกแห่งสายนํ้า” ดำเนินงานด้านการประชาสัมพันธ์ สร้างกระแสการเดินทางท่องเที่ยวสู่เมืองรอง โดยให้ Blogger & Youtuber ที่มียอดผู้ติดตามสูง อาทิ Happy Channel, Dek Jew Small World, เที่ยวแบบกรู, เลี้ยงลูกสุดเหวี่ยง ลงพื้นที่ทำContent ประชาสัมพันธ์สร้างกระแสการเดินทางท่องเที่ยวในพื้นที่เมืองรองภาคกลาง ดำเนินการรีวิว และประชาสัมพันธ์เส้นทางท่องเที่ยว ที่พัก ร้านอาหาร และร้านคาเฟ่ ที่ได้รับมาตรฐาน SHA จาก ททท. ในพื้นที่เมืองรอง 3 เส้นทาง คือ เส้นทางสุพรรณบุรี-อ่างทอง, สมุทรสงคราม-ราชบุรี, และ ลพบุรี-สิงห์บุรี-อ่างทอง ดำเนินการระหว่างเดือนมีนาคม-เมษายน 2564
โครงการเหล่านี้ ททท.ภูมิภาคภาคกลาง พร้อมขับเคลื่อนเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ ช่วยอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยดำเนินต่อไปอย่างยั่งยืน และเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในภาคกลาง ให้ก้าวเดินต่อไปได้อย่างยั่งยืน