PMH Holding Co.,Ltd (พีเอ็มเอช โฮลดิ้ง จำกัด) หนึ่งในเทคสตาร์ทอัพไทยที่สามารถพัฒนาแพลตฟอร์มไอโอทีให้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพและครอบคลุมรูปแบบการใช้งานได้มากที่สุด บนอุปกรณ์ของแบรนด์ “POMO”(โพโมะ) ซึ่งมุ่งเน้นการใช้งานสำหรับเด็กๆ และผู้สูงอายุ โดยระบบและอุปกรณ์ของทาง “POMO” ได้ถูกนำมาใช้ในหลายๆภาคธุรกิจ เช่น บ้านพักผู้สูงอายุ และ โรงแรม ในประเทศอเมริกา และเมกซิโก
นายฉัตรชัย ตั้งจิตตรง ประธานกรรมการ บริษัท พีเอ็มเอช โฮลดิ้ง จำกัด กล่าวว่า “บริษัทของเราถือเป็นสตาร์ทอัพผู้ให้บริการทางด้าน IOT สำหรับเด็กซึ่งทำงานอยู่บนอุปกรณ์ของ POMO ที่ทางบริษัทเป็นตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทย
สำหรับในปีนี้เราได้ทำการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ตัวล่าสุดภายใต้ชื่อรุ่น “Activ30+”(แอคทีฟเทอร์ตี้พลัส) ซึ่งถือเป็น Smart Watch ที่เหมาะสำหรับกลุ่มผู้สูงอายุเพราะถือเป็น Wearable ที่จะช่วยให้การใช้ชีวิตของผู้สูงอายุได้ง่ายขึ้น โดยตัว “Activ30+” นั้น มีคุณสมบัติ ที่น่าสนใจคือ สามารถวัดอุณหภูมิของร่างกาย รวมไปถึงความดันโลหิตและอัตราการเต้นของหัวใจ อีกทั้งยังช่วยในการนับก้าวการเคลื่อนไหวในขณะออกกำลังกาย นอกจากนี้ยังมีระบบการติดตามการหายใจขณะหลับ และที่สำคัญระบบ SOS เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินได้อีกด้วย ซึ่งสามารถจะช่วยให้บุตรหลานดูแลผู้สูงอายุได้ง่ายยิ่งขึ้น และคลายความกังวลเมื่อไม่ได้อยู่ด้วยกัน”
คุณฉัตรชัยได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้สำหรับแพลตฟอร์มการดูแลผู้สูงอายุนั้น เราได้ทำสำเร็จมาแล้วที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ในปี 2563 ที่ผ่านมานั้นทางบริษัทได้มีการร่วมพัฒนา ระบบ Platform IoT ทางด้านสุขภาพ (Life Connect) ร่วมกันกับบริษัท Pomo House International LLC. ในการบุกตลาดอเมริกา โดยได้มีการเซ็นสัญญา และเริ่มปฏิบัติการไปแล้วเป็นโครงการผู้สูงอายุ Grand Villa Senior Living ได้เริ่มที่รัฐฟลอริดา เป็นเรื่องที่เราภูมิใจคือ Platform ของเราได้ถูกใช้ในการช่วยดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วยอัลไซเมอร์ กว่า 30 แห่ง ในรัฐฟลอริดา ประเทศอเมริกา
สำหรับโครงการดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งแต่ละแห่งมีผู้สูงอายุ 60-70 คน โดยเราจะติดตามเรื่องข้อมูลสุขภาพ เรื่องของความปลอดภัย ในกรณีที่ผู้สูงอายุเป็นอัลไซเมอร์ออกไปจากศูนย์ก็ติดตามตัวได้ และมีเครื่องมือในการขอความช่วยเหลือในกรณีฉุกเฉินได้
ซึ่งต่อมาในปีนี้เราก็ได้กลับมาบุกตลาดในประเทศอีกครั้ง ซึ่งก็ได้รับการส่งเสริมที่ดีจากภาครัฐคือ DEPA หรือสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล ทำให้ในปีนี้เราสามารถร่วมเป็นหนึ่งในโปรเจคใหญ่สำหรับประเทศได้อีกด้วยเช่นกันนั่นก็คือ “โครงการกักตัววิถีใหม่บนเรือยอชต์-Digital Yacht Quarantine ครั้งแรกในไทย ด้วยศักยภาพโครงข่าย AIS NB- IoT และนวัตกรรมสายรัดข้อมือติดตามสุขภาพอัจฉริยะ” (NB-IoT Wristband Tourist Tracking)” ที่เป็นรูปแบบการกักตัวนักท่องเที่ยวบนเรือยอชต์กลางทะเลก่อนเดินทางขึ้นบกการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาสนับสนุนการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่ง Smartwatch Activ 30+ ถือเป็นหนึ่งในอุปกรณ์ที่จะใช้ในโครงการนี้โดยจะเป็นทั้ง Tracker และ Health Device ให้นักท่องเที่ยวใส่ที่ข้อมือติดตัวตลอดเวลา เพื่อติดตามและเฝ้าระวังป้องกันการออกนอกพื้นที่
โดยระบบจะทำงานอย่างแม่นยำด้วยเซนเซอร์อัจฉริยะที่สามารถวัดชีพจร ค่าความดัน และวัดอุณภูมิร่างกายของนักท่องเที่ยว อีกทั้งยังสามารถแจ้งสัญญาณ SOS ได้ หากนักท่องเที่ยวเกิดเหตุต้องการความช่วยเหลือ ซึ่งข้อมูลต่างๆ จะแสดงไปยัง Dashboard บนเว็บไซต์ แบบ Real time เพื่อให้ส่งต่อความช่วยเหลือ หรือ ให้คำแนะนำได้ได้ตลอดเวลา โดยรูปแบบของการให้บริการ Health Monitoring ผ่านนวัตกรรมสายรัดข้อมืออัจฉริยะนี้
สำหรับโมเดลการท่องเที่ยวนี้เราก็ได้ทำสำเร็จมาแล้วในต่างประเทศในก่อนหน้านี้ ในโครงการ Hotel Bubble เพื่อช่วยฟื้นฟูอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว หมู่เกาะเคย์แมน ซึ่งอยู่ในเครือสหราชอาณาจักร ในช่วงสถานการณ์ COVID-19 เนื่องจากในโซนหมู่เกาะเคย์เมน และ คาริบเบี้ยน ได้รับผลกระทบจากนักท่องเที่ยวในช่วงโควิดระบาด เราจึงได้เสนอโปรเจคนี้ไปและได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี โดยนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาที่เกาะ จะได้รับริสต์แบนด์ของ POMO ที่ต้องใส่ในระหว่างกักตัว เพื่อที่จะสามารถประเมินผลด้านสุขภาพได้ตลอดเวลา โดยในระหว่าง 14 วันช่วง Quarantine นักท่องเที่ยวจะสามารถย้ายโรงแรมที่พักได้ แต่ต้องเป็นโรงแรมที่อยู่ในโครงการ bubble hotel ใน Phase แรกจะมีทั้งหมด 6 โรงแรม และพอครบ 14 วันก็ต้องตรวจหาเชื้อโควิดอีกรอบ ถ้าไม่พบเชื้อก็สามารถเดินทางเข้าพื้นที่ส่วนอื่นๆในประเทศได้ ซึ่งตอนนี้ได้มีการเริ่มเฟสทดลองไปแล้วเมื่อ 1 พ.ย.63