ในปัจจุบันการแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 ยังไม่มีท่าทีว่าจะลดลง ยังคงมีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตเพิ่มขึ้นในทุกวัน การฉีดวัคซีนแม้ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ทั้งหมด แต่สามารถช่วยป้องกันการติดเชื้อแบบรุนแรงได้ ดังนั้นทุกคนจึงต้องเข้ารับการฉีดวัคซีน โดยควรศึกษาข้อมูลและเตรียมตัวให้พร้อมทั้งก่อนและหลังการฉีดวัคซีน COVID-19 เพื่อจะได้คลายความกังวลและปฏิบัติตัวอย่างถูกต้อง
รศ.พญ.พรรณพิศ สุวรรณกูล อายุรแพทย์ด้านโรคติดเชื้อ คลินิกอายุรกรรม โรงพยาบาลกรุงเทพ กล่าวว่า การฉีดวัคซีน COVID-19 ถึงอาจจะไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้แต่เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะทำให้ความรุนแรงของเชื้อ COVID-19 ที่เข้าสู่ร่างกายเราลดลง ซึ่งในเดือนมิถุนายนนี้ ช่วงเริ่มของการฉีดมีวัคซีนที่รัฐจัดสรรให้จำนวน 2 ชนิด คือ 1. AstraZeneca จากประเทศอังกฤษ เป็นวัคซีนที่ใช้สารพันธุกรรมของโควิดไวรัสใส่เข้าไปในตัวฝาก (Viral Vector) ใช้ไวรัสของชิมแปนซีไม่ก่อโรคในคน แล้วได้ตัดแต่งไวรัส เวคเตอร์ จะส่งสารพันธุกรรมของโควิด-19 ให้ร่างกายกระตุ้นสร้างแอนติบอดี้ต่อเชื้อโควิค-19 2.Sinovac จากประเทศจีน เป็นวัคซีนชนิดเชื้อตาย (Inactivated Vaccine) ผลิตจากการนำอนุภาคเชื้อไวรัสที่ตายแล้วมาฉีดกระตุ้นให้ร่างการสร้างภูมิต่อต้านเชื้อ ข้อดีมีความปลอดภัยสูง ใช้กับผู้ที่มีภูมิคุ้มกับบกพร่องได้ โดยวัคซีนทั้ง 2 ชนิด ควรฉีดจำนวนทั้งสิ้น 2 เข็ม วัคซีน AstraZeneca ควรฉีดห่างจากเข็มแรก 10-16 สัปดาห์ ขณะที่วัคซีน Sinovac ควรฉีดห่างจากเข็มแรก 2-4 สัปดาห์
ก่อนฉีดวัคซีนจะต้องมีการเตรียมความพร้อมของร่างกาย แนะนำให้ดื่มน้ำเยอะ ๆ พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้วัคซีนทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด หากมีไข้สูงในวันนัดหมายฉีดวัคซีน ควรเลื่อนการฉีดวัคซีนออกไปก่อน หากมีไข้ต่ำ ๆ หรือเจ็บป่วยเล็กน้อย สามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนได้ตามปกติ สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัว มีประวัติภูมิแพ้ หรือมีปัญหาภูมิคุ้มกันบกพร่อง ควรแจ้งบุคลากรทางการแพทย์ก่อนฉีดวัคซีน เพื่อที่จะสามารถขอคำแนะนำที่เหมาะสมได้
หากได้รับการฉีดวัคซีนและมีอาการข้างเคียงหลังฉีด มักเป็นสัญญาณแสดงว่าร่างกายกำลังถูกวัคซีนกระตุ้นให้สร้างภูมิคุ้มกัน เพื่อป้องกันการเจ็บป่วยหรือเสียชีวิต เป็นเรื่องที่พบได้ทั่วไป ไม่รุนแรง และหายได้เองในระยะเวลาไม่นาน เช่น เป็นไข้ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว อ่อนเพลีย มีอาการบวม แดง ร้อนบริเวณที่ฉีด แต่ถ้ามีอาการแพ้วัคซีน ในทางการแพทย์เกิดจากการที่ร่างกายตอบสนองภูมิคุ้มกันต่อวัคซีนมากกว่าปกติ ซึ่งนับว่าเป็นอาการไม่พึงประสงค์หลังได้รับวัคซีน อาการที่พบอาจเกิดจากวัคซีนโดยตรง หรือไม่เกี่ยวข้องกับวัคซีนโดยตรงนั่นคือ อาการทางจิตใจที่มักพบในกลุ่มผู้รับวัคซีนที่มีอาการเครียด กลัว กังวล เป็นต้น อย่างไรก็ตามหากเป็นวัคซีนที่ผ่านการรับรองและขึ้นทะเบียนแล้ว หากพบผลข้างเคียงรุนแรงจะอยู่ในอัตราที่ต่ำมาก โดยอาการแพ้วัคซีนที่อาจพบได้หลังจากฉีดวัคซีนในช่วง 30 นาทีแรก คือ มีผื่นขึ้น ลมพิษ มีอาการคันบวมที่ใบหน้า ปาก หรือลำคอ หายใจติดขัด ความดันเลือดต่ำคลื่นไส้ ปวดท้อง เป็นต้น
เมื่อได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว หากมีไข้หรือปวดศีรษะสามารถรับประทานยาแก้ปวดได้ หากมีผื่นลมพิษ ไข้สูงมาก หน้ามืด เป็นลม แขนขาอ่อนแรง เจ็บหน้าอกให้พบแพทย์ทันที ข้อปฏิบัติของการฉีดยังแนะนำให้ทุกคน สวมหน้ากาก ล้างมือให้บ่อย รักษาระยะห่างทางสังคม หากไปพื้นที่เสี่ยงหรือมีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยโควิด-19 ควรกักตัวอย่างน้อย 14 วัน ทั้งนี้ เมื่อฉีดวัคซีนครบตามนัดหมายทั้ง 2 เข็ม สามารถติดตามข้อมูลผ่าน “หมอพร้อม” นอกจากนี้ในผู้ที่เคยป่วยเป็น COVID-19 แม้ในร่างกายจะมีภูมิคุ้มกันต่อเชื้ออยู่แล้ว แต่ยังไม่มีข้อมูลชัดเจนเกี่ยวกับระยะเวลาของภูมิคุ้มกันที่จะสามารถป้องกันไวรัสได้ จึงควรได้รับวัคซีนโดยเว้นระยะห่างจากการติดเชื้ออย่างน้อย 3 เดือน และควรปรึกษาแพทย์ก่อนเข้ารับการฉีดวัคซีน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ คลินิกอายุรกรรม รพ.กรุงเทพ โทร.1719 หรือ แอดไลน์ @bangkokhospital