Invisalign (อินวิซาไลน์) ทางเลือกของการจัดฟันแบบใสสำหรับเด็กและวัยรุ่นที่มีอายุตั้งแต่ 6 – 19 ปี ไม่เพียงช่วยให้ฟันสวยสมบูรณ์แบบ ยังหมดกังวลกับปัญหาพูดไม่ชัด เหงือกร่น การถอนฟัน ช่วยปรับโครงหน้าให้ได้รูป และในผู้ที่จัดฟันด้วยเหล็กจัดฟัน การเปลี่ยนมาจัดฟันแบบใส Invisalign Debonding ยังเป็นอีกวิธีที่จะทำให้ไม่ต้องพบปัญหาช่องปากที่ต้องเผชิญตอนใส่เหล็กจัดฟันอีกมากมาย
ทพญ.วารศิริ ปิฏกานนท์ ทันตแพทย์เฉพาะทางด้านทันตกรรมสำหรับเด็กและทันตกรรมจัดฟันกุมาร ศูนย์ทันตกรรม โรงพยาบาลกรุงเทพ กล่าวว่า ปัญหาฟันที่มักพบในเด็กและวัยรุ่น คือ ฟันยื่น ฟันเก ฟันซ้อน ฟันห่าง ฟันเหลื่อม การสบกันของฟัน และ คางยื่น สามารถแก้ไขได้ด้วย Invisalign ที่เป็นการจัดฟันแบบใสในเด็กและวัยรุ่น เริ่มจัดได้ตั้งแต่ในช่วงอายุ 6 ขวบที่ฟันแท้คู่แรกขึ้น จนถึงอายุ 19 ปี เพราะเป็นวัยที่กำลังเติบโตทำให้สามารถขยับฟันได้มากกว่า ปรับโครงหน้าได้ดีกว่า และปรับโครงสร้างขากรรไกรได้สมบูรณ์แบบเกือบ 100% ในผู้ที่มีปัญหาขากรรไกรยื่น ก็ไม่จำเป็นต้องผ่าตัดอีกด้วย
โดยเครื่องมือ Invisalign แบบใสจะมีความหนาเพียง 0.75 มิลลิเมตร ทำให้ไม่ระคายเคืองเหงือก จะจับเฉพาะตัวฟันเท่านั้น สามารถพูดได้ชัดเจน และจะมีปีกเล็ก ๆ ยื่นออกมาเพื่อช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตที่ข้อต่อขากรรไกรทำให้ด้านล่างขยับออกมาพอดีกับด้านบน การจัดฟันแบบนี้สามารถเคลื่อนฟันกรามให้ถอยหลังได้ จึงเกิดพื้นที่ให้ฟันลงล็อกโดยไม่จำเป็นจะต้องถอนฟัน และหากเป็นการจัดฟันแบบเหล็กจะใช้วิธีการปรับจากลวดเล็กเป็นลวดใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วง 8 – 10 เดือนแรก แต่การจัดฟันแบบใส Invisalign ไม่มีขั้นตอนในการปรับลวด จะใช้พลาสติกยืดคลุมจึงลดระยะเวลาในการจัดฟันให้สั้นลงได้ด้วย
ขั้นตอนการจัดฟันแบบใสในเด็กและวัยรุ่นจะเริ่มจากการสแกนฟันที่ใช้เวลาประมาณ 3 นาที ผู้ปกครองและเด็กจะได้เห็นภาพฟันบนหน้าจอแสดงผล จากนั้นทันตแพทย์จะอธิบายลักษณะปัญหาของฟันอย่างละเอียด หลังจากสแกนฟัน 2 สัปดาห์ จะนัดหมายเพื่ออธิบายลักษณะการเคลื่อนของฟัน ระยะเวลาในการจัดฟัน กระบวนการจัดฟันตามแผนที่วางไว้ พร้อมทั้งผลลัพธ์ที่ปรากฏหลังจากจัดฟันเสร็จเรียบร้อย (Clinical Check Plan) โดยจะแสดงภาพบนหน้าจอให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลง และทันตแพทย์จะทำการนัดหมายอีกครั้งเพื่อมารับเครื่องมือ หลังจากอธิบายรายละเอียดการจัดฟันประมาณ 4 สัปดาห์ คนไข้จะได้รับเครื่องมือประมาณ 20 – 30 ชิ้น พร้อมวิธีใส่อย่างละเอียด จะมีการนัดพบแพทย์ทุก 8 – 10 สัปดาห์ ส่วนใหญ่เครื่องมือสำหรับเด็กอายุ 6 – 10 ปี จะเปลี่ยนสัปดาห์ละครั้ง เด็กอายุ 11 – 19 ปี เครื่องมือจะเปลี่ยนสัปดาห์ละครั้งในช่วงแรกและในช่วงหลังอาจเปลี่ยนเครื่องมือทุก 10 วัน ขึ้นกับคำแนะนำของทันตแพทย์
สำหรับในผู้ที่จัดฟันด้วยเหล็กจัดฟันแล้วเจอปัญหาการพูดไม่ชัด เหงือกบวม อักเสบ มีกลิ่นปาก เหล็กจัดฟันหลุด ลวดมีการทิ่มแก้มหรือเหงือก ทำความสะอาดยาก การเปลี่ยนมาจัดฟันแบบใส Invisalign Debonding ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะทำให้ไม่ต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ เพราะคนจัดฟันมักจะมีความกังวลเมื่อเปลี่ยนรูปแบบการจัดฟันว่าจะต้องเริ่มต้นใหม่ แต่สำหรับ Invisalign Debonding ไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อเปลี่ยนมาเป็นการจัดฟันแบบใสแล้วทันตแพทย์จะพิจารณาการแก้ปัญหาฟันแบบต่อเนื่อง สามารถใส่เครื่องมือจัดฟันแบบใสต่อได้ทันที โดยอาจใส่เพียง 7 ชิ้น 14 ชิ้น 26 ชิ้น ขึ้นอยู่กับการประเมินโดยทันตแพทย์ที่ทำการรักษา ไม่จำเป็นต้องจัดฟันใหม่ทั้งหมด
การจัดฟันด้วยเหล็กจัดฟันมักพบกับปัญหารากฟันคลาดเคลื่อนไม่ตรงตามตำแหน่ง ซึ่งการจัดฟันแบบ Invisalign Debonding ช่วยแก้ปัญหาได้ โดยการคำนวณของคอมพิวเตอร์แล้วแสดงภาพ 3D การเคลื่อนของฟันตามแผนที่ทันตแพทย์วางไว้ ในผู้ที่มีรากฟันเทียม (Implant) การจัดฟันแบบใส Invisalign Debonding จะเหมาะกับการรักษาเนื่องจากการใช้เหล็กจัดฟันไม่สามารถระบุตำแหน่งฟันที่ชัดเจนได้ ข้อดีของการจัดฟันแบบใส Invisalign Debonding ที่เห็นได้ชัดคือ การพบทันตแพทย์ทุก 3 เดือน ซึ่งไม่บ่อยเท่าการใส่เหล็กที่ต้องมาพบแพทย์ทุกเดือน ทำให้มีเวลาในการทำกิจกรรมต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น ระยะเวลาในการจัดฟันแบบใส Invisalign Debonding จะน้อยกว่าการใส่เหล็กประมาณ 1 – 2 ปี จึงทำให้เห็นผลลัพธ์การจัดฟันที่รวดเร็วกว่า ไม่ต้องทนกับปัญหาที่ต้องเจอตอนใส่เหล็กจัดฟัน
สำหรับเด็กหรือวัยรุ่นที่มีปัญหาฟันและจำเป็นต้องได้รับการจัดฟัน พ่อแม่ผู้ปกครองควรรีบพบทันตแพทย์เฉพาะทางที่มีความชำนาญ หรือหากเคยจัดฟันแบบเหล็กจัดฟันก็สามารถเปลี่ยนมาจัดฟันแบบใส Invisalign Debonding ได้ เพื่อหลีกเลี่ยงกับการต้องเผชิญกับปัญหาช่องปากต่าง ๆ และสามารถยิ้มได้อย่างมั่นใจในทุกกิจกรรมของชีวิต