ตั้งแต่ปลายปีจนถึงต้นปีนี้ ถือเป็นช่วงที่อากาศของประเทศไทย เอาแน่นอนอะไรไม่ได้เลย ทั้งร้อน ทั้งหนาว ทั้งฝน สลับกับแดดจัดสไตล์เมืองไทย เมื่อเอาใจอากาศไม่ทัน ก็ต้องระวังและป้องกันการป่วยไข้กันดีๆ
และโรคที่จะมาเยือนในช่วงอากาศเปลี่ยนแปลงนี้ ก็คือโรคไข้หวัดใหญ่ เพราะมีรายงานอ้างอิงมาแล้ว จากทางกรมควบคุมโรคที่ระบุว่า เฉพาะเดือนมกราคมที่ผ่านมา มีผู้ป่วยแล้วมากกว่า 8,000 ราย และยังคงเพิ่มปริมาณสูงในช่วงท้ายจนถึงต้นเดือนกุมภาพันธ์
นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากการพยากรณ์อากาศของกรมอุตุนิยมวิทยา คาดว่าในสัปดาห์นี้ประเทศไทยจะมีฝนตกในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ภาคใต้ รวมถึงกรุงเทพมหานครและเขตปริมณฑล ส่วนภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะมีอากาศหนาวเย็นมากขึ้น โดยเฉพาะบริเวณยอดดอย และภูเขาสูง อาจมีอุณหภูมิต่ำกว่าปกติ กรมควบคุมโรคขอให้ประชาชนระวังโรคติดต่อทางเดินหายใจ โดยเฉพาะโรคไข้หวัดใหญ่ ที่มักจะมีการระบาดช่วงอากาศชื้นและเย็น
ข้อมูลจากสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค รายงานว่า ตั้งแต่วันที่ 1 – 29 มกราคม 2561 ประเทศไทยพบผู้ป่วยแล้ว 8,728 ราย เสียชีวิต 1 ราย ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีรายงานผู้ป่วยเพิ่มขึ้น 3,482 ราย ขณะนี้ผู้ป่วยส่วนใหญ่ เป็นกลุ่มวัยทำงานและกลุ่มวัยรุ่น อายุ 35-44 ปี รองลงมาคือ 25-34 ปี และ 15-24 ปี ภาคเหนือมีผู้ป่วยสูงสุด รองลงมาคือภาคกลาง และภาคใต้ ตามลำดับ
กลุ่มคนทำงานและวัยรุ่นเป็นกลุ่มเสี่ยงลำดับต้นๆ เนื่องจากต้องเดินทางพบปะผู้คนในที่สาธารณะในชีวิตประจำวันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นึกภาพความแออัดในรถไฟฟ้า หากมีใครเป็นไข้หวัดขึ้นมาสักคน โอกาสการติดต่อก็เป็นไปได้สูงนั่นเอง
ดังนั้น จึงมีคำแนะนำว่า ประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มวัยแรงงานและกลุ่มวัยรุ่น ขอให้ระวังการติดเชื้อจากผู้ป่วยที่อาจไม่แสดงอาการผ่านการพบปะสังสรรค์หรือเดินทางไปยังสถานที่ที่แออัดหรือมีผู้คนจำนวนมาก เช่น โรงเรียน มหาวิทยาลัย ห้างสรรพสินค้า หรือตลาดนัด เป็นต้น
ทั้งนี้ขอให้ดูแลสุขภาพให้แข็งแรง ยึดหลัก”ปิด ล้าง เลี่ยง หยุด” ได้แก่ ปิด คือ ปิดปาก ปิดจมูก เมื่อไอ จามต้องใช้ผ้าหรือกระดาษทิชชูปิดปากและจมูกทุกครั้ง หากเจ็บป่วยด้วยไข้หวัด ควรใช้หน้ากากอนามัย, ล้าง คือ ล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่หรือใช้เจลแอลกอฮอล์ เมื่อสัมผัสสิ่งของ เช่น กลอนประตู ลูกบิด ราวบันใด ราวบนรถโดยสาร เลี่ยง คือ หลีกเลี่ยงการคลุกคลีใกล้ชิดกับผู้ป่วย หยุด คือ เมื่อป่วย ควรหยุดเรียน หยุดงาน แม้จะมีอาการไม่มากก็ควรหยุดพักรักษาตัวอยู่ที่บ้านจนกว่าจะหายเป็นปกติ
รวมไปถึงกลุ่มนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางไปต่างประเทศที่มีการระบาดของโรค โดยเฉพาะประเทศที่อากาศหนาวเย็น ขอให้ดูแลสุขลักษณะส่วนบุคคลเป็นพิเศษ หลังกลับจากเดินทาง ประชาชนควรสังเกตความผิดปกติ หากมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ ควรรีบพบแพทย์ทันที
การป้องกันอีกวิธี คือ การฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ กระทรวงสาธารณสุขแนะนำให้ประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงรับบริการฉีดวัคซีนปีละ 1 ครั้งอย่างสม่ำเสมอ เพื่อช่วยป้องกันและลดความรุนแรงของโรคลงได้ โดยกลุ่มเสี่ยงที่กระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดไว้คือ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เด็กเล็ก หญิงตั้งครรภ์ ผู้ที่มีน้ำหนักมากกว่า 100 กิโลกรัม ผู้พิการทางสมองที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ เเละ ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง ผู้ป่วยโรคธาลัสซีเมีย รวมถึงผู้ติดเชื้อ HIV ที่มีอาการ
โรคไข้หวัดใหญ่ สามารถติดต่อกันได้ง่าย จากการไอหรือจามรดกัน โดยเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่จะอยู่ในน้ำมูก น้ำลายหรือเสมหะของผู้ป่วย อาการจะคล้ายไข้หวัด แต่จะมีอาการปวดกล้ามเนื้อมาก และปวดศีรษะ อ่อนเพลียเร็ว แต่สามารถหายเองได้ใน 5-7 วัน ทั้งนี้ กลุ่มเสี่ยงอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ เช่น ปอดบวม หายใจลำบาก และอาจเสียชีวิตได้ ดังนั้นหากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 48 ชั่วโมง หรือผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง ควรพบแพทย์ทันที สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร 1422