เป็นที่ทราบกันดีว่า อินซูลินคือฮอร์โมนที่มีความจำเป็นสำหรับการรักษาผู้ป่วยเบาหวาน แต่ทราบหรือไม่ว่าอินซูลินนั้นถูกค้นพบครั้งแรกในปี 1921 โดย Frederick Banting, J.J.R. Macleod, Charles Best และ James Collip อีกทั้งยังประสบความสำเร็จในการฉีดอินซูลินเพื่อรักษาเด็กชายที่ชื่อ Leonard Thompson ผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1 รายแรกของโลก ในปี 1922
จอห์น ดอว์เบอร์ รองประธานและผู้จัดการทั่วไป บริษัท โนโว นอร์ดิสค์ ฟาร์มา (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า วันที่ 23 มกราคม ปี 1922 หรือวันนี้เมื่อ 100 ปีที่แล้ว เรียกได้ว่าเป็นวันแห่งประวัติศาสตร์ที่พลิกชีวิตของผู้ป่วยเบาหวานทั่วโลก หากปราศจากการค้นพบอินซูลิน อนาคตสำหรับการรักษาโรคเบาหวานก็ไม่เป็นที่รู้จักและคาดเดาไม่ได้ รวมถึงผลลัพธ์ในการรักษาผู้ป่วยก็น่าจะย่ำแย่
และนับตั้งแต่มีการค้นพบอินซูลินในปี 1921 โนโว นอร์ดิสค์ ก็ได้รับแรงบันดาลใจในการทำงานเพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิตของผู้ป่วย โดยเริ่มก่อตั้งขึ้นในปี 1923 และปัจจุบันมีสำนักงานอยู่ในมากกว่า 170 ประเทศ มีพนักงานกว่า 44,000 คนทั่วโลก ซึ่งในประเทศไทยเรามีพนักงานประมาณ 200 คน
“การเดินทางของอินซูลินเพื่อรักษาผู้ป่วยเบาหวาน ถึงวันนี้ได้รับการตระหนักว่าเป็นเวลากว่า 100 ปี และโนโว นอร์ดิสค์ ก็กำลังก้าวเข้าสู่ศตวรรษแห่งการดูแลสุขภาพของผู้ป่วยเบาหวานเช่นเดียวกัน”
ย้อนกลับไปในช่วงแรก อินซูลินถูกสกัดแยกมาจากหมูและวัว แล้วนำมาฉีดเข้าใต้ผิวหนังของมนุษย์ ซึ่งนับตั้งแต่ปี 1921 จนกระทั่ง 30 ปีให้หลัง ในช่วงเวลาปี 1950 นักวิจัยต่างพยายามหาวิธีการทำให้อินซูลินมีความบริสุทธิ์มากขึ้น ออกฤทธิ์ได้ยาวนานขึ้น ฉีดแต่ละครั้งห่างกันมากขึ้น เพื่อลดจำนวนครั้งในการฉีดแต่ละวัน
ระหว่างปี 1960 – 70 และ 80 การพัฒนาอินซูลินมุ่งเน้นไปที่การหาความสัมพันธ์ระหว่างระดับน้ำตาลในเลือด ระดับของอินซูลิน และความสัมพันธ์ของการควบคุมเบาหวานกับผลลัพธ์การรักษาผู้ป่วยในระยะยาว
ช่วงเวลาปี 1980 ถือเป็นทศวรรษที่สำคัญสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน กับ recombinant technology ซึ่งสามารถผลิตอินซูลินจากมนุษย์ (Human insulin) รวมถึงเข็มฉีดยายุคเก่าก็ถูกแทนที่ด้วย “ปากกา” ฉีดอินซูลิน และกว่า 40 ปีให้หลังอินซูลินจากมนุษย์ก็ยังคงเป็นตัวยาหลักในการรักษาผู้ป่วยนับล้านทั่วโลก
ปี 1990 เป็นก้าวแห่งนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง เป็นครั้งแรกของอินซูลินที่เราสามารถออกแบบได้ หรืออินซูลินรุ่นใหม่ (insulin analogues) เป็นอินซูลินที่ออกฤทธิ์คงที่มากขึ้น ทำนายระดับยาได้ หรือแม้แต่สามารถออกแบบให้ออกฤทธิ์เร็วหรือช้า เพื่อตอบสนองการดูแลและผลลัพธ์ในการรักษาที่ดียิ่งขึ้นไปในอนาคตสำหรับผู้ป่วย
สำหรับ โนโว นอร์ดิสค์ การเดินทางยังคงต่อเนื่อง บริษัทยังคงพัฒนา ค้นคว้า วิจัย และเชื่อว่ายังมีสิ่งที่ดีกว่าที่รอให้ค้นพบ บริษัทคาดหวังว่าในอนาคตจะพัฒนาอินซูลินซึ่งสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยเบาหวานให้ดียิ่งขึ้น โดยทำให้การใช้อินซูลินนั้นง่ายขึ้น ปลอดภัยขึ้น และยุ่งยากน้อยลง
นอกจากนี้ โนโว นอร์ดิสค์ ตระหนักดีว่าในหลายพื้นที่ของโลก ผู้คนไม่สามารถเข้าถึงอินซูลินหรือการดูแลที่มีคุณภาพ เหมือนที่เรามีในประเทศไทย ดังนั้น เมื่อเร็วๆ นี้ โนโว นอร์ดิสค์ จึงได้รับลงทะเบียนเด็กจำนวน 30,000 ราย เข้าสู่โปรแกรม Changing Diabetes in Children ซึ่งให้การดูแลผู้ป่วยโรคเบาหวานอย่างครบถ้วนสำหรับเด็กในกลุ่มประเทศที่ด้อยพัฒนา
และในปี 2020 บริษัท โนโว นอร์ดิสค์ ฟาร์มา (ประเทศไทย) จำกัด ยังได้จัดงานระดมเงินบริจาคเพื่อช่วยเหลือเด็กที่ป่วยเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 1 ในพื้นที่ห่างไกล โดยมอบเงินจำนวน 1 ล้านบาท ผ่านมูลนิธิ Action4diabetes (A4D) เพื่อสนับสนุนค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในการรักษาโรคเบาหวาน และเป็นทุนการศึกษาบางส่วนในการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย
และเชื่อว่าหลายท่านคงเคยสัมผัส ภาพนักกีฬาจากทีม โนโว นอร์ดิสค์ ซึ่งเป็นทีมนักปั่นมืออาชีพที่ลงแข่งขันในการแข่งขันระดับสูงสุดมาทั่วโลก นักกีฬาทุกคนเป็นผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1 ได้รับการสนับสนุนจากโนโว นออร์ดิสค์ และมีพันธกิจคือ ให้ความรู้ ส่งต่อพลัง และสร้างแรงบันดาลใจแก่เด็กๆ แก่ครอบครัว รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์ในทุกหนทุกแห่ง เพื่อพิสูจน์ว่า การป่วยเป็นโรคเบาหวานนั้น ไม่ได้เป็นข้อจำกัดที่จะหยุดยั้งพวกเขาจากการทำตามความฝันได้ บริษัท โนโว นอร์ดิสค์ ฟาร์มา (ประเทศไทย) จำกัด หวังว่าจะได้ต้อนรับทีม โนโว นอร์ดิสค์ ในการเข้าร่วมการแข่งขันในประเทศไทยในเร็วๆ นี้ และร่วมเผยแพร่ข้อความแห่งการเสริมพลังให้กับผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1 ต่อไป
โนโว นอร์ดิสค์ ต้องการผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเพื่อเอาชนะโรคเบาหวานและโรคเรื้อรังที่ร้ายแรงอื่น ๆ บริษัทมีความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ต่อคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ความซื่อสัตย์ จริยธรมทางการค้า รวมถึงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ให้สมกับที่เรามีส่วนในการดูแลผู้ป่วยกว่า 30 ล้านคนทั่วโลกในแต่ละวัน รวมถึงการเป็นผู้ผลิตอินซูลินเพื่อดูแลผู้ป่วยมากกว่าครึ่งในโลกใบนี้ และบริษัทถือความรับผิดชอบนี้อย่างจริงจัง