เมดิเซเลส ผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์ยาความงามจากเกาหลี ชูฟิลเลอร์อัตราเติบโตพุ่งแรง พร้อมส่งผลิตภัณฑ์ใหม่ 2 ซีรีส์ ตีตลาดความงามด้วยแพทย์ คาดปี 2565 โตขึ้น100เปอร์เซ็นต์
สุรวุฒิ วูวงศ์ ผู้บริหารสูงสุด บริษัท เมดิเซเลส จำกัด เปิดเผยว่า เมดิเซเลส เราเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างบริษัท เซเลส กับบริษัท Medytox จากประเทศเกาหลี (ในสัดส่วน 60/40) ประกอบธุรกิจประเภทการตลาด กระจายส่งสินค้าทางเภสัชกรรมและเครื่องมือแพทย์ โดยมีสินค้าคือ นิวรามิส (Neuramis) ซึ่งเป็นเครื่องมือแพทย์ประเภท 4 หรือเรียกกันว่า ฟิลเลอร์ (Filler) ที่มีคุณภาพ ได้รับมาตรฐานและเลขทะเบียนจากองค์การอาหารและยา ประเทศไทย และประเทศต้นกำเนิดคือประเทศเกาหลี ในส่วนของเมดิทอกซ์เป็นผู้นำตลาดยาชีววัตถุ ที่รู้จักกันมานาน ในชื่อยา นิวโรนอกซ์ (Neuronox) ปัจจุปัน เมดิทอกซ์ได้พัฒนายาชีววัตถุในรุ่นใหม่ เพื่อตอบสนองตลาดที่ต้องการยาที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น
อุตสาหกรรมความงามด้วยแพทย์ ถือเป็นอุตสาหกรรมที่เติบโตสูงสุดติดอันดับของอุตสาหกรรมดาวรุ่ง และเชื่อว่าจะคงเติบโตอย่างต่อเนื่องขึ้นทุกๆปี เนื่องจากคนไทยให้ความสำคัญกับการดูแลความสวยความงามของตัวเองมากขึ้น โดยภาพรวมตลาดความงามด้วยแพทย์ของไทยในขณะนี้ กลุ่มที่มีการเติบโตอย่างโดดเด่น ในหลายปีที่ผ่านมา คือ กลุ่มฟิลเลอร์ โดยในปัจจุบันตลาด ฟิลเลอร์ มีอัตราเติบโตกว่ากลุ่มท็อกซินมากกว่าถึงสองเท่า ส่วนตลาดการชะลอวัยยังคงมีอัตราการเติบโตปกติ
ปัจจุบัน เมดิเซเลส มีสินค้าหลักคือฟิลเลอร์ นิวรามิส 3 ตัว เพื่อให้แพทย์เลือกใช้ สำหรับการปรับรูปหน้า เสริมเติมร่องลึกของใบหน้าที่เกิดเนื่องจากวัย สำหรับนิวโรนอกซ์ ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการขึ้นทะเบียนใหม่ และประเมินเอกสารชุดใหม่ที่ทันสมัย โดยกลุ่มฟิลเลอร์ ในปี 2018 มี อัตราการเติบโตเฉลี่ย(CAGR) ประมาณ 15-20% และอัตราการเติบโตธุรกิจเฉพาะในปี 2021 เปรียบเทียบปี 2020 อยู่ที่ +30% สำหรับในปี 2022 นี้ มีแพลนที่จะเติบโตเป็นอัตรา +100%”
โดยในปีนี้ ทางบริษัทจะยังมุ่งทำการตลาดทั้งในส่วน ออฟไลน์ ที่เข้าถึงแพทย์ได้มากขึ้น และ จะเน้นการทำออนไลน์ เพิ่มเพื่อโฟกัสการเข้าถึงให้ได้ง่ายขึ้น โดยให้ความรู้วิชาการแก่แพทย์ผ่านการบรรยายออนไลน์ เช่นการจัด Webinar และยังคงมีการให้ความรู้เชิงปฏิบัติการ Hands on โดยมีการนำเครื่องมือที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัย เช่นเทคโนโลยีทำภาพ 3 มิติด้วยเครื่อง Morpheus ที่ในประเทศไทยมีใช้เฉพาะในโรงเรียนแพทย์ เข้ามาร่วมเพื่อสร้างภาพให้เกิดความเข้าใจในผลลัพธ์สุดท้ายของการรักษา
ขณะเดียวกันก็ Focus ฐานลูกค้าเดิม เนื่องจากคุ้นเคยกับตัวสินค้าเป็นอย่างดี โดยเน้นให้สิทธิพิเศษเพิ่มขึ้น ในส่วนทีมขายเน้น Maintain Relationship กับลูกค้าและสร้างฐานลูกค้าใหม่ เช่นการศัลยกรรมที่ใช้ประโยชน์จาก ฟิลเลอร์ได้กว้างขึ้น และ ใช้ Social Media มากขึ้นสำหรับการสร้างการรับรู้ในตราสินค้า (อันดับ 2 ในประเทศไทยจากการสำรวจ) และส่งเสริม ความเข้าใจเชิงลึกผ่านทาง Facebook, Line open chat, Line official เป็นต้น
ล่าสุดกับการเปิดตัว นิวรามิส 2 ซีรีส์ใหม่ ได้แก่ Neuramis DEEP Lidocaine และ Neuramis VOLUME Lidocaine เพื่อให้มีตัวเลือกใช้มากขึ้น จากเดิมที่ใช้บางบริเวณ เช่น ร่องแก้ม ขมับ ด้วยทั้ง2ตัวใหม่ สามารถสร้างรูปหน้าที่เหมาะกับวัยตามหลัก Golden Ratio หรือ โหงวเฮ้ง เพิ่มปริมาณได้ตามต้องการ จะตอบโจทย์ลูกค้าได้ตรงจุด เช่น การปรับรูปหน้า ความคงทนของฟิลเลอร์ที่เพิ่มขึ้น ลดอาการปวดจากการฉีดยาเนื่องจากมีส่วนผสมของยาชา ซึ่งเป็นจุดเด่นของนิวรามิสรุ่นใหม่ทั้ง 2 ซีรีส์
” เนื่องจากจดทะเบียนเป็นเครื่องมือแพทย์ กลุ่มเป้าหมายจึงยังคงเป็นกลุ่มแพทย์ทั่วไป, แพทย์เฉพาะทาง เช่น แพทย์ผิวหนัง, ศัลยแพทย์ตกแต่ง, ศัลยแพทย์ตกแต่งและเสริมสร้างใบหน้า, ทันตแพทย์, คลินิกเสริมความงาม นอกจากนี้จะมีการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายใหม่ๆ ให้ครอบคลุมมากขึ้น โดยปัจจุบันมีคลินิกความงามที่ใช้สินค้าของบริษัทฯกว่า 2,000 คลินิกทั่วประเทศ และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจากโปรแกรมการตลาดที่ทำให้การใช้งานได้ในหลายบริเวณของร่างกาย จึงมีโอกาสอีกมากที่ธุรกิจของเราจะเติบโตขึ้นอีก” สุรวุฒิ กล่าว
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯตั้งเป้า ในการที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำในตลาดฟิลเลอร์เกาหลี ในประเทศไทย ซึ่งฟิลเลอร์ทั้งสามตัวได้จดทะเบียนในยุโรปตามมาตรฐาน CE Mark และ EC Certificate ปัจจุบันสินค้าได้กระจายในหลายประเทศ เช่น สหราชอาณาจักร, ตุรกี เป็นต้น อีกทั้งยังมุ่งหวังให้ นิวรามิสทั้ง2รุ่นใหม่ เหมาะกับลูกค้าทุกกลุ่ม ทั้ง คลินิกเดี่ยว, Chain Clinic รวมถึงสถานพยาบาลเอกชน ที่จะช่วยให้แพทย์ทำหัตถการได้ละเอียด ในทุกบริเวณบนใบหน้า
และด้วยความร่วมมือของ CET พันธมิตรด้านการกระจายสินค้าเข้าสู่กลุ่มเป้าหมายได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย โดยในปีนี้บริษัทฯยังมีแผนที่จะทำการตลาดสินค้าอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับตลาดความงาม และสินค้าเกี่ยวกับสุขภาพ เช่น Botulinum toxin รุ่นใหม่ที่มีจุดเด่นคือสามารถลดการแพ้จากโปรตีนที่มีในสินค้าจากสูตรเดิมที่จำหน่ายมาตั้งแต่ปี 2551 และยังมีผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่น่าสนใจอีกหลายชนิด