อินเทลเสริมประสิทธิภาพทรงพลังบนแล็ปท็อปดีไซน์บาง น้ำหนักเบา

20

อินเทลประกาศขยายไลน์ผลิตภัณฑ์โปรเซสเซอร์โมบายล์ Intel® Core™ เจนเนอเรชั่น 12 ด้วยการเปิดตัวโปรเซสเซอร์โมบายล์ Intel Core เจนเนอเรชั่น 12 P-ซีรีส์ และ U-ซีรีส์ ใหม่ล่าสุดอย่างเป็นทางการ

โดยโปรเซสเซอร์โมบายล์รุ่นใหม่ทั้ง 20 ตัวนี้ ได้รับการออกแบบมาเพื่อเพิ่มสมรรถนะและส่งมอบประสิทธิภาพการทำงานที่เหนือกว่า เสริมขุมพลังที่แข็งแกร่งให้กับแล็ปท็อปรุ่นใหม่ที่มีน้ำหนักบางและเบา โดยดีไวซ์เครื่องแรกๆ ที่ใช้โปรเซสเซอร์โมบายล์ล่าสุดนี้จะวางจำหน่ายในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2565 เป็นต้นไป ซึ่งมีทั้งหมดกว่า 250 รุ่นจากแบรนด์ชั้นนำที่เตรียมเผยโฉมสู่ตลาดในปีนี้ อาทิ Acer, Asus, Dell, Fujitsu, HP, Lenovo, LG, MSI, NEC, Samsung ฯลฯ

“หลังจากการเปิดตัวโปรเซสเซอร์โมบายล์ที่เร็วและแรงที่สุดสำหรับคอเกมของเรา อินเทลพร้อมขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ตระกูลโปรเซสเซอร์โมบายล์ Intel Core เจนเนอเรชั่น 12 อย่างเต็มกำลัง เพื่อส่งมอบขุมพลังทรงประสิทธิภาพก้าวสำคัญให้แก่แล็ปท็อปดีไซน์บาง น้ำหนักเบา ตั้งแต่ฟอร์มแฟคเตอร์บางเฉียบไปจนถึงประสิทธิภาพการทำงานระดับ Enthusiast Grade ที่มาพร้อมดีไซน์อันมีเอกลักษณ์โดดเด่น อินเทลพร้อมนำเสนอประสิทธิภาพแห่งความเป็นผู้นำและเทคโนโลยีล้ำสมัยแก่ลูกค้าผู้บริโภคและองค์กรธุรกิจอย่างต่อเนื่อง” คริส วอล์คเกอร์ รองประธานบริษัทอินเทล และผู้จัดการทั่วไปฝ่าย Mobile Client Platforms กล่าว

โปรเซสเซอร์โมบายล์ Intel Core เจนเนอเรชั่น 12: เช่นเดียวกับผลิตภัณฑ์อื่นๆ ในตระกูลเจนเนอเรชั่น 12 โปรเซสเซอร์โมบายล์ใหม่ล่าสุดของอินเทล สำหรับแล็ปท็อปดีไซน์บาง น้ำหนักเบานั้น ถูกออกแบบโดยอิงจากสถาปัตยกรรมไฮบริดประสิทธิภาพของอินเทล ที่มีการผสมผสานระหว่าง Performance-cores (P-cores) และ Efficient-cores (E-cores)

ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานตั้งแต่วิดีโอคอล ไปจนถึงการท่องเว็บ หรือการแก้ไข ตัดต่อภาพต่างๆ ปริมาณเวิร์กโหลดจะถูกวางอย่างชาญฉลาด บนคอร์ที่ถูกต้อง ในเวลาที่เหมาะสม เพื่อการทำงานหลายอย่างพร้อมกันอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดด้วย Intel® Thread Director บน Windows 11

ด้วยการใช้ประโยชน์จากประสิทธิภาพการทำงานต่อวัตต์อย่างเต็มที่จากระบบประมวลผล Intel 7 โปรเซสเซอร์โมบายล์ Intel Core เจนเนอเรชั่น 12 รุ่นใหม่นี้ นอกเหนือจากการออกแบบที่บางเบาแล้ว ยังมาพร้อมกับ:
• สถาปัตยกรรมหลักใหม่ทั้งหมดที่มีมากถึง 14 คอร์ (6 P-cores และ 8 E-cores)
• กราฟิก Intel® Iris® Xe ติดตั้งในตัวที่มีหน่วยประมวลผลสูงถึง 96EU
• รองรับหน่วยความจำสำหรับ DDR5/LPDDR5 และ DDR4/LPDDR4
• สเกลการทำงานที่น่าทึ่ง พร้อมประสิทธิภาพมัลติเธรดเร็วขึ้นสูงสุด 70%

 

• ประสิทธิภาพที่เร็วขึ้นเกือบ 2 เท่า สำหรับการเรนเดอร์งาน 3D – เหมาะสำหรับครีเอเตอร์ที่จำเป็นต้องเดินทาง
• ประสิทธิภาพการทำงานที่เหนือชั้นเพื่อการแก้ไขรูปภาพเร็วขึ้นสูงสุด 30%
• Intel Wi-Fi 6E (Gig+) ในตัวเพื่อประสิทธิภาพไร้สายที่ดีขึ้น รวมไปถึงการตอบสนองและความน่าเชื่อถือที่มากยิ่งขึ้น
• Thunderbolt™ 4 ทำให้การเชื่อมตัวด้วยสายเคเบิลป็นไปได้อย่างรวดเร็ว ง่าย และน่าเชื่อถือที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการใช้เชื่อมต่อกับแท่นชาร์จ หน้าจอแสดงผล หรืออุปกรณ์เสริมอื่นๆ
• Intel IPU 6.0 ยังมอบการแสดงผลคุณภาพสูงและการประหยัดพลังงานสำหรับประสบการณ์การใช้งานวิดีโอคอลที่ดีมากยิ่งขึ้น

เกี่ยวกับ Intel Evo เวอร์ชันที่ 3 (3rd edition): สำหรับสเปกใหม่ของเวอร์ชันที่ 3 การออกแบบแล็ปท็อปที่ใช้ตราสัญลักษณ์ Intel® Evo™ จะต้องผ่านปริมาณเวิร์กโหลดที่หนักหน่วงที่สุด และผ่านการทดสอบสภาพในการใช้งานจริง เพื่อให้ผู้ใช้งานมั่นใจว่าจะได้รับประสบการณ์์การประชุมทางวิดีโอที่เหนือกว่า ซึ่งมากไปกว่าเพียงแค่การตอบสนองที่ยอดเยี่ยม พร้อมโหมดการปลุกเครื่องแบบ instant wake และมีอายุการใช้งานแบตเตอรี่ตามการใช้งานจริง รวมทั้งการชาร์จที่รวดเร็ว ทำให้แล็ปท็อป Intel Evo ซึ่งมาพร้อมโปรเซสเซอร์ Intel Core เจนเนอเรชั่น 12

สามารถตอบโจทย์การทำงานที่หลากหลาย โดยยังคงรักษาการเชื่อมต่อไว้อย่างดีเยี่ยม พร้อมให้คุณภาพของภาพและเสียงที่ยอดเยี่ยม สำหรับการสนทนาทางวิดีโอแบบหลายคน

ด้วยความร่วมมือด้านวิศวกรรมกับพันธมิตรทางธุรกิจถึง 150 ราย ทำให้คาดว่าจะมี Intel Evo มากกว่า 100 ระบบที่ผ่านการตรวจสอบในปีนี้ โดยสำหรับระบบในครั้งแรกนี้ จะรวมถึงจอแสดงผลแบบพับได้ และการออกแบบด้วย Intel Core H-series เจนเนอเรชั่น 12

การร่วมมือทางวิศวกรรมและการทดสอบใช้งานจริงของอินเทลในปีนี้ ได้ขยายขอบเขตไปยังพันธมิตรด้านอุปกรณ์เสริม ผ่านโปรแกรม Engineered for Intel Evo โดยคาดว่าจะมีมอนิเตอร์ Thunderbolt, แท่นชาร์จ, อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล และชุดหูฟัง Bluetooth เพื่อเข้าร่วมเป็นชุดอุปกรณ์เสริมอันทรงพลัง ซึ่งล้วนมีอยู่แล้วในโปรแกรมจาก Poly, Anker, Kensington, Dell, HP, Belkin, Samsung, Sabrent, OWC ฯลฯ

พานอส พาเนย์ รองกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าเจ้าหน้าที่ผลิตภัณฑ์ของไมโครซอฟท์ กล่าวว่า ในช่วงสองปีที่ผ่านมา ได้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ที่ส่งผลต่อชีวิตของเรา ด้วยการมี PC playing ที่มีบทบาทมากกว่าที่เคย สิ่งนี้กำลังขับเคลื่อนยุคสมัยใหม่แห่งการใช้ PC ด้วยระบบปฏิบัติการ Window 11 และโปรเซสเซอร์โมบายล์ Intel Core เจนเนอเรชั่น 12 รุ่นใหม่ล่าสุด จะสร้างปรากฏการณ์เหนือระดับไปอีกขั้นเพื่อผลักดันความสามารถในการผลิตและความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ