3 ปีเศษที่กรมอุทยานฯได้ประกาศปิดอ่าวมาหยา กับการกลับมาเปิดให้เที่ยวชมได้อีกครั้งเมื่อต้นปี 2565 นับเป็นการปรากฎโฉมครั้งใหม่ที่น่าอัศจรรย์ใจยิ่งนัก การฟื้นตัวของทรัพยากรธรรมชาติส่งผลให้ปัจจุบันบริเวณอ่าวมาหยา มีฝูงฉลามครีบดำว่ายวนไปมา เป็นการกลับมาที่คุ้มค่ายิ่ง
กลับมาครั้งใหม่ต้องไฉไลกว่าเดิม เพราะเรียนรู้แล้วว่า ทรัพยากรทางทะเลเต็มไปด้วยคุณค่า หากถูกกระทบกระเทือนมากเกินไป ต้องใช้เวลาอันยาวนานในการฟื้นฟูขึ้นมาอีกครั้ง เราเดินทางท่องเที่ยวหมู่เกาะพีพี ในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ โดยครั้งนี้ได้รับบริการอันแสนดีจาก Anda Krabi Seatour (อันดา กระบี่ ซีทัวร์) ผู้ให้บริการท่องเที่ยวทะเลอันดามันอย่างครบวงจร ไม่เฉพาะที่กระบี่ แต่รวมถึง พังงา ภูเก็ต ตรัง และสตูล กรุ๊ปเล็กกรุ๊ปใหญ่ หรืออยากจะส่วนตัววีไอพีขนาดไหน ทางอันดาฯ นำโดยคุณปิงปองและทีมงานบริการเลิศทุกคน ก็พร้อมต้อนรับด้วยความยินดี
ทีมของอันดาฯ มารับเราถึงที่พัก ก่อนจะพาไปลงเรือสปีดโบ๊ทเทียบท่าคอย วันนี้ฟ้าไส เหมาะกับการออกเรือไปชมความงามของท้องทะเล เมื่อลงเรือสปีดโบ๊ทแล้ว ทุกคนสวมเสื้อชูชีพ พร้อมออกเดินทาง มุ่งหน้าสู่ท้องทะเลกว้าง
หมู่เกาะพีพีเป็นหมู่เกาะทางทะเลที่สวยงาม เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติ หาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ชาวเลสมัยก่อนเรียกกลุ่มเกาะแถบนี้ว่า “ปูเลาปิอาปิ” คำว่า “ปูเลา” แปลว่าเกาะ ส่วน “ปิอาปิ” แปลว่าต้นไม้ทะเล จำพวกแสมและโกงกาง เรียกไปเรียกมาก็เพี้ยนเป็น “ต้นปีปี” และเป็น “เกาะพีพี” ซึ่งมีความงดงามทางท้องทะเล ทั้งบนบกและใต้น้ำ จะชิลล์ชายหาดหรือดำน้ำ ก็จะได้พบกับภาพของสีสันแห่งท้องทะเลที่ตระการตา จึงเป็นแหล่งที่หมู่นักดำน้ำนิยมมาดำผุดดำว่ายกันอย่างไม่ขาดสาย
หมู่เกาะพีพี ประกอบด้วย 2 เกาะใหญ่ คือ พีพีเล และ พีพีดอน ส่วนของพีพีดอนจะเป็นชายหาด ร้านอาหาร และที่พัก ส่วนพีพีเล ครอบคลุมเวิ้งอ่าวใหญ่น้อยกระจายตัวกันไป มีเกาะข้างเคียงอย่างเกาะไม้ไผ่ และเกาะยูง ที่นักท่องเที่ยวนิยมแวะไปเล่นน้ำกัน
มุ่งหน้าจากชายฝั่งประมาณ 1 ชั่วโมง ในยามสายที่ใกล้เที่ยงแล้ว เราก็มาถึงดินแดนของเจ้าหญิงแห่งท้องทะเล ตั้งแต่ลำเรือเลี้ยวเข้าไปในอ่าว ม่านผาก็เปิดฉากการแสดงได้อย่างน่าประทับใจ แต่ด้วยกฎระเบียบที่วางไว้ เราสามารถล่องเข้าไปชมชายหาดได้ในระยะไกล ๆ เท่านั้น โดยทางอุทยานฯ ได้ทำจัดทำทุ่นสัญลักษณ์แบ่งอาณาเขตเอาไว้อย่างชัดเจนว่า “ห้ามเข้า”
เราได้ยินเสียงนกหวีดเป็นระยะ ทราบว่าเป็นสัญญานเตือนห้ามลงเล่นน้ำ แวะเคาะประตูเพียงไม่นาน เรือก็พาเอาออกไปอ้อมสู่ด้านหลัง บริเวณของอ่าวโละซะมะ ซึ่งปัจจุบันเป็นที่จอดเรือที่มาส่งนักท่องเที่ยวขึ้นไปยังอ่าวมาหยา
ถึงจะดูเป็นหลังเกาะ แต่โละซามะ ก็เป็นอีกจุดที่งดงามยิ่งนัก มองสีของน้ำทะเลแล้ว แทบจะกระโดดเข้าหา แต่ช่วงนี้มีเรือใหญ่น้อยมาขอเทียบท่า จึงต้องอดใจไว้และได้แค่มองอย่างชื่นชม
เรือที่ส่งนักท่องเที่ยวแล้ว ก็ต้องออกไปคอยห่าง ๆ เพื่อไม่ให้เกิดความแออัดมากเกินไป เมื่อขึ้นเกาะแล้ว เราเดินขึ้นสะพานไปถึงจุดตรวจ ทางไกด์ได้จัดการค่าใช้จ่ายคนละ 40 บาทเรียบร้อยแล้ว เดินไปตามทางสักพัก มีห้องน้ำให้บริการ ก่อนจะเดินอีกเพียงไม่กี่ก้าว ก็ถึงหน้าอ่าวมาหยา…
ไม่ว่าจะมองเข้ามาหรือมองออกไป มาหยาก็ยังดูสดใสในทุก ๆ มุม ระหว่างทางเราไม่เห็นคนเดินสวนมา แต่ทราบมาว่า อ่าวมาหยาจะทำทางเดินเข้าออกคนละทาง และจำกัดให้เที่ยวชมได้คณะละ 1 ชั่วโมงเท่านั้น เมื่อเราเดินออกสู่ชายหาด ผู้คนที่เห็นว่าหนาแน่นก็ดูบางตาลงแล้ว
เสียงปรี๊ด ๆ ยังคงดังเป็นระยะ เพราะใคร ๆ ต่างอดใจลำบาก อยากจะแตะผืนน้ำสีมรกตนี้สักครั้ง กลุ่มเขาหินปูนที่ล้อมรอบ ยิ่งทำให้อาณาจักรของเจ้าหญิงทรงพลัง เวิ้งอ่าวตรงชายหาด ยังมีผาหินที่ยื่นออกมาให้คนได้ลอดผ่าน มันว้าวแบบเวอร์ ๆ เหมือนไม่เคยเจอมาก่อน อย่าว่าแต่เราผู้มาไกลเลยนะ ไกด์หนุ่มสองนายก็ยังอดใจไม่ได้ ต้องแชะภาพไว้เป็นที่ระลึก เพราะการกลับมาเปิดให้เข้าชมรอบนี้ มาหยาดูดี สะอาดตา ขึ้นเยอะเลย
เพราะไม่มีหมู่มวลมหาชนว่ายวนในน้ำ ไม่มีเรือมาเทียบชายฝั่งให้รบกวนสายตา ทำให้ช่วงเวลาที่แสนพิเศษนี้มากพอที่จะแบ่งปันความชิลล์กันได้ทุกคน
เป็นการจัดการที่ยุติธรรมกับทุกฝ่าย ไม่มีใครได้ลงเล่นน้ำ แต่ทุกคนได้เห็นภาพอันสงบงามนี้เหมือน ๆ กัน เป็นครั้งแรกที่ที่นั่งวีไอพี มีเสิร์ฟสำหรับทุกท่าน เยี่ยมสุด ๆ ไปเลย
เกือบสุดโค้งชายหาดด้านขวา เราเห็นกลุ่มนักท่องเที่ยวออกันอยู่เป็นระยะ ในใจรู้แล้วว่าคงเฝ้ามองบรรดาฉลามครีบดำที่มักจะว่ายวนเข้ามา จะเรียกว่าทักทายได้หรือไม่ เพราะคงไม่มีใครอยากสัมผัสครีบหรือโอบกอดมันหรอกนะ เมื่อเดินไปถึงก็ทราบว่า เป็นเบบี้ชาร์คตัวไม่น้อยที่ลอยตัวไปมาในระยะที่ไม่ใกล้มากนัก นักท่องเที่ยวที่ให้ความสนใจกันมากพอสมควร อาจจะทำให้พวกมันไม่กล้าออกมาเผยตัวกันเป็นกลุ่ม ที่เห็นแวบไปแวบมา ก็ไม่รู้ว่ามีกันกี่ตัว
ให้เวลาทำหน้าที่ของมันไป จะแค่หนึ่งชั่วโมงก็น่าพึงพอใจแล้วสำหรับการจัดการที่ลงตัวแบบนี้ สภาพที่อ่าวมาหยาตอนนี้ เหมือนอ่าวเปิดใหม่ เป็นบ้านใหม่ที่ยังเป็นระเบียบเรียบร้อย มองไปทางไหนก็สะอาดตา
ไม่มีเวทย์มนต์มายา มีแต่ความจริงที่ว่า เราต้องอยู่กันอย่างรู้คุณค่า เพื่อ “มาหยา” ที่ยังงดงามอย่างยั่งยืน
อ่าวมาหยา
เปิดตั้งแต่เวลา 10.00-16.00 น.
จำกัดจำนวนคนเที่ยวรอบละ 375 คนต่อ 1 ชั่วโมง
ออกจากอ่าวมาหยาแล้ว เรายังมีโปรแกรมล่องทะเลกระบี่ บริเวณหมู่เกาะพีพีกันต่อ สปีดโบ๊ทของอันดา กระบี่ ซีทัวร์ มาเทียบฝั่งอ่าวโละซามะ นำเราออกไปยังท้องทะเลกว้าง เพียงอึดใจก็ตีโค้งเข้าเวิ้งน้ำอีกครั้ง ในบริเวณที่เรียกว่า “อ่าวปิเละ”
เวิ้งน้ำขนาดใหญ่ล้อมไว้ด้วยเขาหินปูน เป็นบริเวณที่ลำเรือจะมาจอดให้ทุกคนได้พักผ่อนหย่อนใจ แอบเห็นเชือกที่ผูกที่ติดไว้ตามแนวผา เดาว่าเป็นเชือกที่ใช้แทนการทอดสมอ เพื่อไม่ให้กระทบกระเทือนกับทรัพยากรใต้น้ำ ซึ่งก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ
เรือหลายลำนิ่งเงียบอยู่ตามแนวผา นักท่องเที่ยวออกมาพายเรือ ดำน้ำ บ้างก็โพสต์ท่าเริงร่าท้าสายลมกันแบบมืออาชีพ เลยเที่ยงมาแล้ว ทางไกด์จึงสอบถามว่าจะกินข้าวเที่ยงกันเลยไหม หรือจะรอไปปูเสื่อที่ชายหาดของเกาะถัดไป ทางเราก็อยากลองบรรยากาศกินข้าวในเรือดูบ้าง ทางทีมก็เลยจัดให้
ไม่ทันไร โต๊ะและผ้าปูลายบาติกก็งอกขึ้นกลางเรือ ปิ่นโตที่ทางทัวร์จัดมา เป็นแกงส้มกุ้งผักรวม ผัดวุ้นเส้น น้ำพริก ไก่ทอด และผัดสด อาหารมื้อนี้รสชาติดีสไตล์ใต้แท้ แต่ก็ไม่ได้เผ็ดมากจนคนต่างถิ่นกินไม่ได้ อิ่มอร่อยจนไม่รู้สึกเลยว่า เรากำลังลอยอยู่บนผืนน้ำ เพราะบริเวณนี้เป็นอ่าวที่คลื่นสงบนิ่งมาก กินเสร็จแล้วก็เก็บกวาดอย่างดี ขยะหรือเศษอาหารทุกอย่างนำกลับไปจัดการบนฝั่ง ไม่ทิ้งอะไรไว้ข้างหลังอย่างแน่นอน
บ่ายแล้วถึงเวลาเรือมุ่งหน้ากลับฝั่ง แต่ยังคงไล่เรียงแวะชมตามเกาะแก่งและหาดต่าง ๆ จุดสำคัญที่เรือแล่นผ่านแล้วต้องสะดุดตา คือ ถ้ำไวกิ้ง ซึ่งเป็นสัมปทานรังนก ปัจจุบันไม่สามารถเข้าไปเที่ยวชมได้
ถัดจากถ้ำไวกิ้ง เรือพาเราเข้ามายังอ่าวเล็ก ๆ ที่มีชายหาดน้อย ๆ ชื่อว่า “อ่าววังหลง” ซึ่งมีป้ายของสัมปทานรังนกเจ้าเดิมอยู่บนชายหาด แต่ในอ่าวแห่งนี้เงียบสงบมาก พันธุ์พืชที่ขึ้นอยู่บนแนวผา มีลักษณะสวยงามแปลกตา วันที่เราแวะเข้าไปชม มีเพียงเรือหางยาวลอยลำอยู่อย่างเดียวดาย ด้านบนมีนักท่องเที่ยวนอนอาบแดดอย่างสบายอยู่ริมผา มองลงไปในน้ำ เห็นหมู่ปลาว่ายวนมาทักทาย แค่นี้ก็สบายใจดีแท้
เดินทางกันต่ออีกนิด แล้วไปแวะ “อ่าวนุ้ย”นี่ก็เป็นอ่าวเล็ก ๆ ที่มีชายหาดสีขาวแสนสงบ บริเวณนี้น้ำจะตื้นและใสมาก เหมาะกับการมาดำน้ำดูปะการัง
ถ้าดูตามแผนที่จะทราบว่า เรามุ่งหน้าไปเที่ยวหมู่เกาะพีพีในระยะไกลก่อนที่จะย้อนแวะเที่ยวก่อนเข้าสู่ฝั่ง จากอ่าวนุ้ย เรือยังพาเรามาแวะชม “เกาะไม่ไผ่” เกาะที่ได้ชื่อว่า “ดงปะการังแสนไร่” มีน้ำใส (อีกแล้ว) และชายหาดขาวทอดยาว มองไปทางไหนก็สัมผัสได้ถึงช่วงเวลาอันแสนสุขของทุก ๆ คน
ก่อนจะกลับเข้าฝั่ง ไกด์ยังพาเราไปแวะที่ “ทะเลแหวก” ซึ่งช่วงเวลาบ่ายของวันนั้น น้ำทะเลยังลดไม่มากนัก จึงนั่งสังเกตการณ์กันอยู่ในเรือ สักพักก็ได้เวลาหันหน้ากลับฝั่งกันอย่างจริงจังแล้วล่ะ
เป็นทริปเที่ยวสบาย ๆ และอยากบอกว่า ที่เที่ยวกระบี่ยังมีอะไรรออยู่อีกมากมายนัก ทั้งทางบกทางทะเล มาแล้วต้องให้เวลากันมาก ๆ ได้มาเมืองน่าอยู่ ผู้คนน่ารักทั้งที ก็อยากให้ทุกคนได้เติมความฟินให้จุใจ เตรียมรับความสดใสแห่งท้องทะเลอันดามันกันได้เลย
เที่ยวกับ Anda Krabi Seatour >> Facebook/krabiseatour