อุเทนถวายฯ จับมือ ปทุมวัน ยกขบวนจิตอาสาลบภาพนักเลง

63

คณะอาจารย์ นักศึกษา จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย สถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา และมูลนิธิเยาวชนพอเพียงเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน จัดกิจกรรมจิตอาสาทำดีภายใต้แนวคิด “ปทุมวันอุเทนถวายร่วมใจ สืบสานปณิธานพ่อหลวงรัชกาลที่9” โดยกลุ่มนักศึกษากว่า 50 คน  ร่วมกันถางหญ้า ทำทางเดินให้เข้าออกได้สะดวก และทำความสะอาดทั้งบริเวณอุทยานสิ่งแวดล้อมฯ และมีกิจรรมสร้างความสัมพันธ์ ทั้ง2สถาบัน ร่วมกันที่อุทยานสิ่งแวดล้อมนานาชาติสิรินธรและศูนย์ฝึกอบรมที่3 อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี

ว่าที่ ร.ต. สิทธิศักดิ์  อาร์ชม นายกองค์การนักศึกษา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย กล่าวว่า  กิจกรรมครั้งนี้นอกจากจะได้ทำประโยชน์ให้กับพื้นที่แล้ว ยังได้ทำความรู้จักกับเพื่อนต่างสถาบันด้วย จากสองวันที่ได้อยู่ด้วยกันมา มันทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนมุมมอง ได้เรียนรู้กันและกัน เกิดแง่คิดต่างๆ ทุกคนช่วยเหลือกัน แบ่งปันกัน สร้างความกลมเกลียว คือมันทำให้รู้จักกันมากขึ้น ซึ่งกิจกรรมแบบนี้ไม่ได้มีให้เห็นในห้องเรียน จึงอยากให้เกิดขึ้นบ่อยๆ

“เราสองสถาบัน อยากลบภาพนักเลงหัวไม้ ชกต่อยตีกัน เราอยากหาทางออกของปัญหาร่วมกัน อยากให้สังคมเข้าใจพวกเรา และอยากให้กิจกรรมลักษณะนี้เกิดขึ้นต่อเนื่อง เริ่มจากจุดเล็กๆก่อน เริ่มจากคนจำนวนน้อยๆก่อนก็ได้ เพราะการเปลี่ยนแปลงเกิดจากคนส่วนน้อยก่อนเสมอ ส่วนตัวมองว่าทั้งสองสถาบันต้องพูดคุยกันมากขึ้น แลกเปลี่ยนความคิดกัน เพื่อนำมาสู่การหยุดใช้ความรุนแรง สร้างค่านิยมใหม่ในรุ่นของพวกเราที่จะส่งต่อสิ่งดีงามสร้างสรรค์ให้กับรุ่นต่อๆไป”ว่าที่ ร.ต. สิทธิศักดิ์  กล่าว

ด้าน นายวรวิทย์  ผุดผ่อง นักศึกษาชั้นปีที่3 คณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน กล่าวว่า ทั้งสองสถาบันเคยผ่านเหตุการณ์ต่างๆมากมาย กิจกรรมนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี สู่ก้าวต่อๆไป คือจะให้เราทั้งสองสถาบันสนิทกัน ดีต่อกันเลย หรือญาติดีกันในช่วงเวลาเพียงสั้นก็คงไม่ใช่  แต่การที่มาทำกิจกรรมอาสาในวันนี้ เราจะตัด มองข้ามเรื่องสถาบันออกไป เพราะสิ่งที่ได้มาทำร่วมกัน เหน็ดเหนื่อยร่วมกัน  ระลึกถึงพ่อหลวงรัชกาลที่ 9 เดินตามรอยเท้าพ่อ มันได้สร้างประโยชน์ให้กับส่วนรวม มันพิสูจน์ให้เห็นว่าเราทำกิจกรรมดีร่วมกันได้ หากเรามีสิ่งยึดเหนี่ยวของมองเป้าหมายเดียวกัน

“ทุกคนรักสถาบันของตัวเอง เราต่างคนต่างมีหน้าที่ และต้องฝ่าข้ามความรู้สึกบางอย่าง ควรเอาเป้าหมายที่จะมาทำความดีวันนี้ออกมาใช้ เชื่อว่ามันเป็นก้าวแรก เป็นแสงสว่างบางอย่างที่จะนำพาเราออกจากวังวนปัญหาได้ และควรมีกิจกรรมลักษณะแบบนี้เกิดขึ้นเรื่อยๆ แม้แรกๆจะตึงๆ กันยังไม่ได้คุยอะไรกันมาก แต่สุดท้ายเราก็ได้เรียนรู้กันมากขึ้น และสามารถถ่ายทอดให้กับเพื่อนคนอื่นๆในสถาบันเราได้ ซึ่งเชื่อว่าการพูดคุยกัน พบปะกัน มันจะทำให้ปัญหาลดลงได้  แม้ทุกวันนี้สังคมยังมองว่าเราก้าวร้าว แต่เราคงต้องใช้เวลาพิสูจน์ ขอให้เปิดใจมองพวกเราใหม่ ว่าเราสามารถทำสิ่งดีๆให้กับสังคมได้ มันอาจจะล้มไปบ้าง ผิดไปบ้าง แต่อยากขอโอกาสจากสังคมด้วย”นายวรวิทย์ กล่าว