“ถ่านหุงต้ม” ธุรกิจมาแรงสร้างรายงามๆ ได้ให้ชุมชน-ประเทศ
กับมุมมองของ “คนเอาถ่าน” จากภูมิปัญญาบ้านๆ จากถ่านไม้ธรรมดาๆ สู่ “ชาร์โคล” อุตฯ-ธุรกิจแห่งอนาคต ที่น่าจับตามอง กลายมาเป็นเทรนด์ของโลก แถมช่วยกระจายรายได้ให้กับชุมชนได้อีกด้วย
เป็นอีกหนึ่งในธุรกิจเทรนด์ประจำปีนี้ ที่หลายๆ คนเริ่มกลับมาให้ความสนใจ สำหรับ “ชาร์โคล” และ “ถ่านไม้” ซึ่งกว่าจะมาเป็น “ถ่าน” และ แปรรูป มาเป็นถ่านชาร์โคล ต้องผ่านกระบวนการอะไรบ้างนั้น หลายคนอาจยังไม่รู้ และไม่รู้ว่า “ไทยเป็นหนึ่งในฐานส่งออกสำคัญของ ถ่านไม้ และ ถ่านชาร์โดล”
“ถ่านไม้” นั้นถูกนำเอาไปทำอะไร และ “ถ่านชาร์โคล” ถูกนำเอาไปทำอะไร อธิบายแบบง่ายๆ “ถ่านไม้นั้น” คือถ่านที่ใช้ในการปิ้งย่างหุงต้มทั่วๆไป มีกระบวนการเผาในรูปแบบที่เป็น “ภูมิปัญญาแต่ดั้งเดิม” จนพัฒนามาเป็นอุตสาหกรรมแปรรูป จาก “ถ่านไม้” สู่ความเป็น “ถ่านไม้คุณภาพสูง” ที่ใช้ในการปิ้งย่างหุงต้มทั่วๆ ไป จนมาถึงเทรนด์ในปัจจุบัน กับการ “ปิ้งย่างหุงต้ม” เพื่อสุขภาพ
จาก “ถ่านไม้” สู่ “ถ่านชาร์โคล” ขั้นตอนกระบวนการผลิตถ่าน และการแปรรูปถ่าน จนกลายเป็นอุตสาหกรรม และกลายมาเป็นธุรกิจที่กำลังมีอนาคต จนถึงการ “ส่งออกถ่าน” นำมาซึ่งรายได้เข้าประเทศ และยังเป็นการส่งเสริมภูมิปัญญาโบราณ และสร้างรายได้ให้กับชุมชน มีจุดเริ่มต้นยังไง “ณัฐวัฒน์ เลิศสุรวิทย์” กรรมการผู้จัดการ โรงงานเดชอุดมชาร์โคล (กลุ่มสินรุ่งเรือง) นักธุรกิจหนุ่มคนรุ่นใหม่ หนึ่งในผู้ประกอบการธุรกิจถ่านไม้ชั้นนำของๆไทย เล่าให้ฟังถึงที่มาที่ไปของธุรกิจนี้ว่า “จุดเริ่มแรกที่มาทำโรงงานเผาถ่านคือเริ่มจากการมีที่ดินอยู่แต่เดิมซึ่งเป็นป่ายูคาลิปตัส โดยในช่วง 5 ปีก่อนหน้านี้ ไม้ยูคามีราคาค่อนข้างถูกมาก นี่คือที่มาของการคิดเอาไม้ยูคาฯ มาสร้างเป็นผลิตภัณฑ์ เพื่อเพิ่มมูลค่า จากจุดนั้นจึงเป็นแนวคิดการนำเอาไม้ยูคาฯ บนที่ดินที่มีแต่เดิม มาเผาถ่าน และเริ่มขาย ซึ่งก็ได้รับการตอบรับค่อนข้างดี มีตลาดสนใจ และมีลูกค้ามากยิ่งขึ้น ก็ได้เริ่มขยายโรงงาน และแปรรูปถ่านไปในรูปแบบต่างๆ รวมถึงการขยายโรงงานเพื่อก้าวสู่ความเป็นอุตสาหกรรมเต็มรูปแบบ
“จากจุดเริ่มต้นของการก้าวเข้าสู่ธุรกิจนี้ สู่เส้นทางแห่งธุรกิจ “ถ่านไม้ส่งออก” และการก้าวเข้าสู่กระบวนการแปรรูป “ถ่านไม้” สู่อุตสาหกรรมขั้นสูงขึ้นจนเป็น “ถ่านชาโคล” ที่ถูกนำไปใช้ผลิตเครื่องสำอาง “ณัฐวัฒน์” กล่าวถึงการผลิตและแปรรูปถ่านในส่วนนี้ว่า “การเผาถ่านมีหลายรูปแบบ เริ่มตั้งแต่การเผาแบบภูมิปัญญาชาวบ้านทั่วๆ ไป และการเผาในแบบอุตสาหกรรม ซึ่งเริ่มเข้าสู่กระบวนการแปรรูปให้เป็นถ่านไม้ที่มีคุณภาพมากขึ้น
การเผาถ่านแบบเดิมๆ ที่เป็นภูมิปัญญาโบราณ ก็จะได้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นถ่านไม้ทั่วไป คือการนำเอาไม้ยูคาฯ เข้าไปในเตาเผาแบบทั่วๆ ไป เผาด้วยกระบวนการทั่วๆ ไป ใช้เวลา 20-25 วันก็จะสามารถเปิดเตาและนำเอาถ่านออกมาแยกและคัดขนาดออกขายได้
แต่พอธุรกิจนี้เริ่มพัฒนาขึ้น กระบวนการการผลิตก็เปลี่ยนไป ความต้องการของตลาดในรูปแบบอุตสาหกรรมแปรรูปมีเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะ ถ่านคุณภาพสูง ที่เป็นต้องการของตลาดในประเทศ และต่างประเทศ กับ ถ่านไม้ควันน้อย และให้พลังความร้อนสูง ที่ถูกนำไปใช้ในร้านอาหารปิ้งย่าง ที่เน้นไปในเทรนด์สุขภาพมากยิ่งขึ้น กระบวนการการเผาก็จะแตกต่างจากการเผาถ่านไม้ธรรมดา คือต้องมีเตาเฉพาะ และมีการกำหนดอุณภูมิ รวมถึงวัตถุดิบอย่างไม้ยูคาฯ ที่จะต้องมีการคัดสรรมากขึ้น ทั้งเรื่องของขนาด ความชื้น และกระบวการผลิต การเผาถ่าน ที่มีอุณภูมิและเรื่องของเตาเข้ามาเกี่ยวข้อง กระบวนการนี้จะทำให้ได้ถ่านไม้คุณภาพสูงรวมถึง ถ่านขาว ซึ่งตลาดกำลังต้องการมา โดยเฉพาะในต่างประเทศ
ทำให้ทางโรงงานฯ ต้องปรับรูปแบบการผลิตให้ทันสมัยมากยิ่ง เพราะการเผาถ่านแต่ละครั้ง ไม่ใช่การขายถ่านไม้ธรรมดา แต่เป็นการเผาถ่านแบบเฉพาะตามความต้องการของลูกค้า ที่เจาะลงไปในกลุ่มผู้บริโภคที่มีความชัดเจน และมีความต้องการที่แตกต่างจากความต้องการถ่านไม้ธรรมดาๆ แบบเดิมๆ เตาเผาเองก็ได้รับการพัฒนา กระบวนการเผาก็ต้องมีการพัฒนารูปแบบต่างๆ เพราะจากถ่านดำก็จะมีการแปรรูปมาเป็นถ่านดำคุณภาพสูง มาจนเป็นถ่านขาว ซึ่งเผาที่อุณภูมิ 1,000-1,200 องศาเซลเซียส โดยถ่านนั้นยิ่งเผาในอุณภูมิสูงคุณภาพก็จะยิ่งดี เพราะค่าเผาไหม้ของคาร์บอนจะสูง และสารตกค้างจะน้อย จะทำให้ถ่านเผาไหม้ใด้นานกว่าและสะอาดกว่า ถ่านไม้ทั่วๆ ไป
และจากถ่านคุณภาพดี ก็แปรรูปมาเป็น ถ่านชาร์โคลซึ่งใช้เป็นส่วนประกอบของอุตฯ ผลิตเครื่องสำอาง และเป็นที่ต้องการอย่างมากของตลาดปัจจุบันในที่สุด” กรรมการผู้จัดการ โรงงานเดชอุดมชาร์โคล กล่าว
จากจุดเริ่มของการ “เผาถ่าน” ทั่วๆไป สู่อุตสาหกรรมแปรรูป “ถ่านดำคุณภาพสูงและถ่านขาว” ที่ถูกนำใช้ในธุรกิจอาหารที่เน้นไปที่ตลาดเพื่อสุขภาพ สู่ “ถ่านชาร์โคล” ที่นำไปผลิตเครื่องสำอาง และเป็นเทรนด์ที่กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบัน “ณัฐวัฒน์” เล่าให้ฟังต่อถึงธุรกิจที่กำลังมาแรงนี้ว่า
“ถ่านชาร์โคล” คือผลผลิตที่แตกต่างจากถ่านธรรมดาๆ ทั่วๆ ไป ที่จะต้องใช้เตาเผาคุณภาพ ใช้ไม้ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่ต่างออกไป อาจจะเป็นไม้ไผ่ที่ต้องคัดทั้งขนาด และพันธุ์ เพื่อให้มีค่าความบริสุทธิ์ของถ่านที่ได้ ซึ่งจะไปแปรรูปเป็นผงถ่าน ค่าความชื้นจะต่างจากการผลิตถ่านจากไม้ยูคาฯ ที่นำไปทำเป็นถ่านดำ และถ่านขาวซึ่งใช้ในเรื่องของการประกอบอาหาร
ถ่านชาร์โคลที่นำไปเป็นส่วนประกอบในเครื่องสำอาง จะต้องมีการคัดสรรเป็นอย่างดี นอกจากวัตถุดิบ และเครื่องจักร (เตาเผา) ที่ต้องมีคุณภาพและมีความซับซ้อนสูงขึ้นแล้ว กระบวนการผลิตก็แตกต่างออกไป จะต้องเผาในอุณภูมิที่สูง และมีกำหนดเวลาที่นานกว่าจะได้ออกมาเป็นถ่านชาร์โคล ที่นำไปใช้เป็นส่วนหนึ่งของเครื่องสำอาง และถ่านชาร์โคลที่เกิดจากกระบวนการผลิต และแปรรูปจากถ่านสู่ส่วนประกอบเครื่องสำอางนี่เองที่เป็นที่ต้องการอย่างสูงในต่างประเทศพอๆ กับ ถ่านดำคุณภาพสูง และ ถ่านขาว ที่ตลาดในต่างประเทศตอบรับเป็นอย่างดี
จากธุรกิจเครื่องสำอางที่ “ชาร์โคล” กำลังได้รับความนิยมอย่างสูง ในตลาดเอเชีย และ อเมริกา (ข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์) รวมถึงตลาดในประเทศ ซึ่ง “ชาร์โคล” เข้ามามีบทบาทสูงและเป็นที่ต้องการของตลาด กรรมการผู้จัดการ โรงงานเดชอุดมชาร์โคล กล่าวถึงธุรกิจนี้ในปัจจุบันและอนาคตว่า “ปัจจุบัน ถ่านดำทั่วๆ ไป จะเน้นตลาดในประเทศเป็นหลักประมาณ 60-70% ส่วนตลาดส่งออกจะมีความต้องการประมาณ 3-4 ตู้คอนเทรนเนอร์ต่อเดือน
ส่วนถ่านดำคุณภาพสูงและถ่านขาว มีความต้องการประมาณ 2 -3 ตู้คอนเทรนเนอร์ต่อเดือน และยังมีออร์เดอร์เพิ่มเข้ามาเรื่อยๆ เพราะถ่านชนิดนี้ ในหลายประเทศที่เน้นตลาดสุขภาพ จะชอบเพราะจะมีผลเกี่ยวกับการเผาไหม้ที่มีความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งน้อย สำหรับตลาดหลักๆ ก็จะมีอย่าง ประเทศ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และจีน รวมถึงตลาดในอเมริกา และยุโรป
นอกจากนี้ก็จะมี “ชาร์โคล” ที่กำลังได้รับความนิยม ในส่วนนี้ก็มีทั้งตลาดในและต่างประเทศ ซึ่งมีออร์เดอร์เข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ และทางโรงงานฯ มีศักยภาพในการผลิตสูง ทั้งในปริมาณและคุณภาพ ซึ่งอนาคตตลาดส่งออกในเรื่องของ ถ่านไม้ และถ่านชาร์โคล เป็นธุรกิจที่กำลังได้รับความสนใจอย่างสูงจากทั่วโลก” ณัฐวัฒน์ กล่าว
นอกจากภาพของ “ถ่าน” และ “ชาร์โคล” ที่เป็นธุรกิจที่กำลังมาแรงและนำรายได้เข้าสู่ประเทศแล้ว “ธุรกิจและอุตสาหกรรมผลิตถ่าน-ชาร์โคล” ยังเป็นอีกธุรกิจ ที่สร้างรายได้ให้กับชุมชน และสร้างเศรษฐกิจฐานรากได้อีกด้วย เพราะที่ โรงงานเดชอุดมชาร์โคล นั้น วัตถุดิบก็จะมาจากการส่งเสริมให้มีการปลูกและรับซื้อจากชุมชน ซึ่งนี่เป็น “เกษตรแปรรูป” ที่กำลังเดินหน้าเข้าสู่ยุคของอุตสาหกรรม และ ก้าวเข้าสู่ยุคของนวัตกรรมจากถ่านไม้ธรรมดาๆ เป็นถ่านไม้คุณภาพสูง และ กลายมาเป็น “ชาร์โคล” ซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาดในปัจจุบันและอนาคต