อีริคสันได้รับการจัดอันดับให้เป็นอันดับ 1 ในรายงาน Frost Radar™: 5G Network Infrastructure Market 2021 เป็นปีที่สองติดต่อกัน ซึ่งเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงความสามารถของบริษัทในการพัฒนานวัตกรรมและเติบโตอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ยุค 2G, 3G, 4G จนถึงยุค 5G ในปัจจุบัน
การได้รับจัดอันดับสูงสุดใน Frost Radar™ ของ Frost & Sullivan บริษัทผู้ให้คำปรึกษาทางธุรกิจชั้นนำ เผยให้เห็นว่าอีริคสันคือผู้นำอย่างแท้จริงในตลาดโครงสร้างพื้นฐานเครือข่าย 5G ทั้งในด้านการพัฒนานวัตกรรมและในด้านการเติบโต ที่ครอบคลุมไปถึง 5G Radio Access Networks (RAN), Transport Networks และ Core Networks
เฟรดริก เจดลิง รองประธานผู้บริหารและหัวหน้าเครือข่ายอีริคสัน กล่าวว่า “รายงาน The Frost Radar™ ย้ำให้เห็นถึงการลงทุนของอีริคสันเพื่อความผู้นำทางเทคโนโลยีนั้นเพื่อประโยชน์ของลูกค้า โดยเราให้ความสำคัญกับการพัฒนานวัตกรรมและการขยายพอร์ตโฟลิโอ 5G อย่างต่อเนื่อง และมุ่งมั่นที่จะอยู่แถวหน้าในตลาดอย่างด้วยการนำเสนอโซลูชั่นต่าง ๆ ที่ลูกค้าต้องการเพื่อการสร้างเครือข่ายในอนาคต”
Frost Radar™ ประเมินบริษัทที่มีบทบาทสำคัญกับตลาดในอุตสาหกรรมอย่างอิสระ โดยยึดวิธีการให้คะแนนด้านนวัตกรรมและการเติบโตเพื่อประเมินความสามารถของบริษัทด้านการพัฒนานวัตกรรมรวมถึงความสามารถในการนำนวัตกรรมมาปรับใช้เพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
รายงานฉบับนี้นำเสนอสุดยอดบริษัทในอุตสาหกรรมที่มีความโดดเด่นท่ามกลางบรรดาผู้นำในตลาดโดยรวม รวมถึงผู้นำในกลุ่มตลาดย่อย หรือผู้นำทางความคิดในบางกลุ่ม
ทรอย มอร์เลย์ หัวหน้านักวิเคราะห์อุตสาหกรรม กลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของ Frost & Sullivan และผู้เขียนรายงานฉบับนี้ กล่าวว่า “อีริคสันใช้เวลาเพียงไม่กี่ปีเพื่อปรับกลยุทธ์โดยรวมที่มุ่งเน้นไปที่การสร้างผลกำไร โดยบริษัทได้แสดงให้เห็นความสำเร็จของกลยุทธ์นั้นเป็นอย่างดี แม้ต้องเผชิญกับความท้าทายต่าง ๆ ที่เกิดจากโรคระบาดใหญ่ก็ตาม ในฐานะผู้นำในตลาดโครงสร้างพื้นฐาน 4G อยู่แล้ว ทำให้อีริคสันเข้าสู่ตลาด 5G ด้วยฐานลูกค้าขนาดใหญ่ บริษัททำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการรักษาฐานลูกค้าปัจจุบันและเพิ่มฐานลูกค้าใหม่ไปพร้อมกัน”
นอกเหนือจากสัญญา *5G เชิงพาณิชย์ที่ประกาศไปก่อนหน้าแล้ว อีริคสันยังคงรักษาฐานลูกค้าจำนวนมากที่คาดว่าจะเปลี่ยนไปใช้ 5G ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
สำหรับตำแหน่งผู้นำสูงสุดของอีริคสันตามดัชนีชี้วัดทางด้านนวัตกรรมในรายงานดังกล่าวนี้ เน้นย้ำถึงความสามารถของบริษัทในการพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่องในระดับโลกที่ผ่านเทคโนโลยีมือถือมาหลายยุคตั้งแต่ 2G จนถึง 5G ปัจจุบันมีเครือข่าย 5G ที่เปิดให้บริการโดยใช้ผลิตภัณฑ์และโซลูชันของอีริคสันอยู่ 108 เครือข่าย ใน 48 ประเทศ ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับสูงสุดที่ Frost & Sullivan เคยรายงานให้สาธารณะทราบและเป็นข้อพิสูจน์ที่น่าเชื่อถือของการประเมินครั้งนี้ (ตัวเลขเหล่านี้ถูกรายงานในขณะที่มีการผลิตและเผยแพร่ข้อมูลของ Radar ท่านสามารถชมข้อมูลสัญญา 5G ของอีริคสันล่าสุด ได้ที่ Ericsson’s 5G contracts page.)
“อีริคสันลงทุนกับการวิจัยและพัฒนาต่าง ๆ จำนวนมาก ซึ่งการลงทุนนี้เป็นเรื่องจำเป็นในตลาดที่เทคโนโลยีมีการพัฒนาและเปลี่ยนผ่านอยู่ตลอดเวลา และจากการให้ความสำคัญกับกลุ่มผู้ให้บริการด้านการสื่อสาร (CSP) เป็นอันดับแรก กลุ่มผลิตภัณฑ์ 5G ของอีริคสันจึงครอบคลุมในทุกด้านของโครงสร้างพื้นฐานเครือข่าย 5G รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายรุ่นก่อนหน้าและเครือข่ายส่วนตัว” มอร์ลีย์กล่าวเพิ่มเติม
สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์โครงสร้างพื้นฐานเครือข่าย 5G ของอีริคสัน ประกอบด้วย 5G RAN, dual-mode 5G Core และ 5G Transport ที่ตอบสนองทุกแง่มุมของการปรับใช้ 5G – ตั้งแต่การลดเวลาแฝงให้ต่ำลงและสร้างแบนด์วิดธ์ให้สูงขึ้น ทำให้มั่นใจได้ถึงความรวดเร็วในเวลาการตอบสนองอย่างทันทีสำหรับผู้ใช้และเตรียมความพร้อมในอนาคตของเครือข่ายให้กับผู้ให้บริการด้านการสื่อสาร
นอกจากนี้โซลูชั่นสำหรับเครือข่าย 5G ของอีริคสันยังประกอบด้วย Ericsson Radio System, 5G Carrier Aggregation, Ericsson Spectrum Sharing, การแบ่งส่วนเครือข่าย (Network Slicing), บริการอัตโนมัติ (Service Automation) และการสร้างรายได้จากเครือข่าย 5G โดยผู้ให้บริการยังได้รับการสนับสนุนด้วยโซลูชัน 5G ที่เปิดใช้งานในแบบแยกส่วนเมื่อเปลี่ยนไปใช้เครือข่าย 5G ผ่านคลาวด์หรือขยายเครือข่ายเพื่อโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ