สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ GIT เปิดตัวภาพลักษณ์ใหม่ จัดงาน GIT Open House โชว์ศักยภาพงานบริการ มุ่งมั่นสร้างความน่าเชื่อถือและเป็นเลิศให้อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับไทย (Creating Trust and Excellence) พร้อมเปิดตัว GIT Standard ยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับให้แข่งขันได้ในเวทีโลกอย่างยั่งยืน
นายสุเมธ ประสงค์พงษ์ชัย ผู้อำนวยการสถาบัน กล่าวว่า สถาบันได้จัดกิจกรรม GIT Open House เพื่อเปิดตัวภาพลักษณ์ใหม่ มุ่งมั่นสร้างความน่าเชื่อถือและเป็นเลิศให้อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับไทย (Creating Trust and Excellence) โดย GIT ได้มีการออกแบบและใช้โลโก้ใหม่ที่สะท้อนภาพลักษณ์ที่ทันสมัย จดจำง่ายและเป็นสากล โดยการออกแบบโลโก้สื่อความหมายถึงภารกิจหลัก 6 ประการ ได้แก่ 1. การเป็นผู้วิเคราะห์ ตรวจสอบ และกำหนดมาตรฐานด้านต่างๆ ในอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ 2. การเป็นผู้นำด้านมาตรฐานการตรวจสอบและออกใบรับรองคุณภาพอัญมณีและเครื่องประดับ 3. การเป็นผู้ วิจัย และ พัฒนาระบบฐานข้อมูลอัญมณีและเครื่องประดับ เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการไทย 4. การพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการอัญมณีและเครื่องประดับในทุกภาคส่วน 5. การเป็นสถาบันหลักของชาติ และการมีห้องปฏิบัติการที่มีคุณภาพและมาตรฐานในระดับสากล 6. การเป็นศูนย์กลางในการร่วมมือของทุกภาคส่วน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยสัญลักษณ์ที่ใช้เป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัด (Diamond Shape) ที่สะท้อนถึงการเจียระไน ความเฉียบคม และความเป็นไทย จัดเรียงในรูปแบบแนวคลื่นที่สื่อให้เห็นถึงความพร้อมที่จะขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับไทยอย่างไม่หยุดยั้ง
กิจกรรม GIT Open House ไม่เพียงแต่เปิดตัวภาพลักษณ์ใหม่เท่านั้น แต่ยังเป็นการเปิดตัว GIT Standard มาตรฐานห้องปฏิบัติการตรวจสอบอัญมณี เครื่องประดับและโลหะมีค่า ซึ่งเป็นมาตรฐานระดับประเทศ มีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับห้องปฏิบัติการตรวจสอบอัญมณีและเครื่องประดับในประเทศให้มีมาตรฐานเทียบเท่าระดับสากลโดยใช้ GIT Standard ประกอบด้วย 1. มาตรฐานด้านอัญมณีและเครื่องประดับ 2. มาตรฐานด้านโลหะมีค่า 3. มาตรฐานด้านบุคลากรของห้องปฏิบัติการ นอกจากนี้ สถาบันยังผลักดันให้มีการนำมาตรฐานไปใช้กับห้องปฏิบัติการตรวจสอบอัญมณีและเครื่องประดับ ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานภาครัฐ สถาบันการศึกษา ภาคเอกชน เพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับห้องปฏิบัติการในทุกด้าน
ภายในงานยังมีการแนะนำนวัตกรรมในงานบริการต่างๆ ของสถาบัน ได้แก่ การพัฒนามาตรฐานสีสำหรับทับทิม ไพลิน และพัดพารัชชา ซึ่งเป็นอัญมณีที่สำคัญและได้รับความนิยมในตลาด การพัฒนา AI เพื่อระบุแหล่งกำเนิด (Origin Determination) สำหรับพลอยคอรันดัมและอัญมณีอื่นๆ ที่สำคัญ เพื่อสามารถให้บริการตรวจสอบที่รวดเร็วและแม่นยำ การแนะนำระบบฐานข้อมูลวิชาการและศูนย์เรียนรู้ด้วยตนเองที่เป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ด้านอัญมณีและเครื่องประดับอย่างครบวงจร มีทรัพยากรสารสนเทศในรูปแบบสิ่งพิมพ์ และสารสนเทศอิเล็กทรอนิกส์ ที่พร้อมที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชีย ศูนย์ฝึกอบรมที่ให้คำแนะนำเกี่ยวกับหลักสูตรฝึกอบรมเนื้อหาครอบคลุมทุกมิติในธุรกิจอัญมณีและเครื่องประดับ ทั้งรูปแบบ Online และ Onsite นอกจากนี้ ยังมีผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการด้านต่างๆ อาทิ นักอัญมณีศาสตร์ นักวิชาการโลหะมีค่า นักออกแบบ ได้ร่วมพูดคุยให้คำแนะนำกับผู้ที่เข้าร่วมงาน
“การจัดกิจกรรมในวันนี้ จะมีส่วนช่วยในการต่อยอดธุรกิจและขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับของไทย ซึ่งเราชาว GIT ในฐานะที่เป็นหน่วยงานหลักของประเทศด้านอัญมณีและเครื่องประดับ จะมุ่งมั่นเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ และเป็นเลิศให้อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับไทย (Creating Trust and Excellence) ในฐานะศูนย์กลางการค้าและการผลิตอัญมณีและเครื่องประดับโลกอย่างยั่งยืนต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง” นายสุเมธ กล่าวปิดท้าย