บริษัท โอซีซี จำกัด (มหาชน) ในเครือสหพัฒนพิบูลย์ ทุ่มงบกว่า 130 ล้านบาท ดึงแบรนด์ Wella Professionals ผลิตภัณฑ์ทำสีและดูแลเส้นผมจากเยอรมัน เสริมทัพธุรกิจความงามขององค์กร ตั้งเป้าเติบโตขึ้น 50% พร้อมชู 3 จุดแข็ง Innovation, Services และ Education เพื่อขยายฐานกลุ่มลูกค้าซาลอนในประเทศไทย ให้กลับมาคึกคักหลังพิษโควิด
![](https://www.balancemag.net/wp-content/uploads/2022/07/thebalance---200x300.jpg)
ธีรดา อำพันวงษ์ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โอซีซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “อย่างที่ทราบกันดีว่า ปัจจุบันผู้บริโภคปรับตัวได้กับสถานการณ์โควิด-19 และคุ้นชินกับการใส่ หน้ากากอนามัยในชีวิตประจำวัน โดย โอซีซี กรุ๊ป ได้มองเห็นโอกาสในการเพิ่มไลน์ธุรกิจความงาม กลุ่มผลิตภัณฑ์สีผมและดูแลเส้นผม เนื่องจากเป็นสินค้าที่ผู้บริโภคสามารถโชว์ความสวยงามได้ ถึงแม้จะใส่หน้ากากอนามัย จึงได้ทุ่มงบกว่า 130 ล้านบาท ดึงแบรนด์ Wella Professionals ผลิตภัณฑ์ ทำสีและดูแลเส้นผมจากเยอรมัน ที่มีชื่อเสียงทั่วโลกยาวนานกว่า 140 ปี มาเสริมทัพธุรกิจความงามขององค์กร”
![](https://www.balancemag.net/wp-content/uploads/2022/07/thebalance--1-1-200x300.jpg)
ด้าน วรเทพ อัศวเกษม กรรมการ บริษัท โอซีซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “โอซีซี กรุ๊ป เล็งเห็นถึง ศักยภาพที่โดดเด่น และความสมบูรณ์แบบของแบรนด์ Wella Professionals ที่มีความเชี่ยวชาญในด้าน Beauty Salon และ Hair Stylist ระดับมืออาชีพ ทั้งยังได้รับการการันตีว่าเป็นแบรนด์ผู้นำแห่งแฟชั่นสีผมระดับโลก บวกกับประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจด้านความงามสำหรับสินค้าในกลุ่มซาลอน ที่ยาวนานมากว่า 20 ปีของเรา จะสามารถมอบประสบการณ์ใหม่ที่แตกต่าง ที่ให้ทั้งความสุข ความงามที่ล้ำสมัย และความมั่นใจ ในการใช้ชีวิต แก่ผู้บริโภค ช่างผม และผู้ประกอบการด้าน Beauty Salon ได้อย่างแน่นอน โดยเรา ตั้งเป้าเติบโตขึ้นจากเดิม 50% เมื่อเทียบจากปีก่อนที่ Wella Professionals จะมาอยู่ในเครือโอซีซี กรุ๊ป”
สำหรับภาพรวมตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม คุณวรเทพ เผยว่า “หลังจากผ่านช่วงวิกฤต ของสถานการณ์โควิด-19 กำลังซื้อต่าง ๆ ฟื้นตัวกลับมาดีขึ้นตามลำดับ โดยปัจจัยที่ทำให้ตลาดผลิตภัณฑ์ดูแล เส้นผมกลับมาคึกคัก คือ เทรนด์แฟชั่นการแต่งตัวและการแต่งหน้าทำผมใหม่ ๆ จากต่างประเทศ ทั้งจากยุโรป ญี่ปุ่น และเกาหลี มีผลทำให้มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการในร้านทำผมมากขึ้นทุกวัน รวมทั้งซื้อผลิตภัณฑ์แฮร์แคร์ กลับไปใช้ที่บ้านอีกด้วย โดยรายงานระดับโลก ‘On Trend: The evolving beauty consumer’ จาก Kantar บริษัทวิจัยชั้นนำด้านข้อมูลเชิงลึกและที่ปรึกษาทางการตลาดระดับโลก พบว่า ผลิตภัณฑ์ครีมนวดผมและ ทรีตเมนต์ มีมูลค่าการขายเพิ่มขึ้น 7% ในปี 2021 (เมื่อเทียบกับปี 2020) และผลิตภัณฑ์พรีเมียมสำหรับดูแล ปัญหาผมร่วงและรังแคเติบโตเร็วกว่าตลาดแชมพูโดยรวมถึง 5 เท่า โดยเติบโต 10% ในปี 2021 (Kantar, 2022)”
วรเทพ กล่าวต่อว่า “ในการบริหารแบรนด์ของเรา เน้นชูจุดแข็ง 3 ด้าน ได้แก่ Innovation, Services และ Education เนื่องจาก Wella Professionals เป็นแบรนด์ที่ทรงพลัง (Power Brands) โดยมีผลิตภัณฑ์ในความดูแลมากกว่า 400 รายการ ทั้งกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อการดูแล กลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อการจัดแต่ง กลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อการดัดลอน และกลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับทำสี ซึ่งถูกคิดค้นและสร้างสรรค์ด้วย Innovation ที่ตอบโจทย์และครอบคลุมทุกความต้องการของกลุ่มลูกค้าซาลอนและผู้บริโภค รวมถึงมีเอกลักษณ์ เฉพาะที่เหนือคู่แข่งในตลาด อย่างเช่นแบรนด์ Koleston Perfect (โคลเลสโตน เปอร์เฟค) ที่มียอดการจำหน่าย 1 หลอด ในทุกวินาทีทั่วโลก หรือแบรนด์ NIOXIN (ไนอ๊อกซิน) แบรนด์ผลิตภัณฑ์สำหรับผมร่วงผมบาง ที่ได้รางวัลการันตีอันดับ 1 จาก STYLIST CHOICE AWARD ต่อเนื่องถึง 16 ปีซ้อน เป็นต้น เรามองว่าจุดแข็งตรงนี้ จะทำให้แบรนด์เติบโตได้”
ในด้าน Services และ Education ของแบรนด์ Wella Professionals เน้นการบริการที่ส่งเสริมและ สนับสนุนความคิดสร้างสรรค์ และสร้างแรงบันดาลใจให้กับวงการช่างผมมืออาชีพทั่วประเทศไทย โดยการพัฒนาทักษะความรู้ด้านแฟชั่นผม พร้อมทั้งให้ความรู้ในการทำการตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงสอนวางแผนพัฒนาร้านซาลอนให้เทียบเท่ากับร้านทำผมในต่างประเทศ เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับการบริการ ที่พรีเมี่ยมยิ่งขึ้น และเพื่อสร้างพันธมิตรทางธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนไปด้วยกัน และขยายฐานกลุ่มลูกค้าซาลอน ในประเทศไทยให้กลับมาคึกคักหลังพิษโควิด
กลยุทธ์การตลาดในปีแรก คุณวรเทพ เผยว่า “เราจะโฟกัสทำการตลาดกับกลุ่มผลิตภัณฑ์สีผมก่อน เป็นอันดับแรก เนื่องจากมีสัดส่วนทางการตลาดมากที่สุดในช่องทางจำหน่ายในร้านซาลอน โดย Salon Services First Mindset คือ กลยุทธ์หลักของเรา ที่มุ่งเน้นการสร้างบริการด้านผลิตภัณฑ์สีผมใหม่ ๆ ให้กับร้านซาลอน โดยครอบคลุมกลุ่มลูกค้า End Consumer ที่มีความต้องการที่แตกต่างกัน เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้ ลูกค้าผ่านผลิตภัณฑ์คุณภาพมาตรฐานระดับโลกของเรา
นอกจากนี้ เราจะสร้างกระแสเทรนด์สีผมใหม่ ๆ และคอนเทนต์ใหม่ ๆ ผ่านตัวแทนคนรุ่นใหม่ อาทิ Celebrity, Influencer, Blogger และ Net Idol อีกทั้งยังเน้นการสื่อสารผ่าน Hair Stylists และ Young Artists ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับช่างผมไทย ในการเป็นผู้นำเเทรนด์แฟชั่นผม ให้กับ End Consumer ด้วย”
“สำหรับช่องทางการจัดจำหน่ายของแบรนด์ WELLA PROFESSIONALS ในประเทศไทย กว่า 80-90% จัดจำหน่ายและให้บริการในช่องทางร้านซาลอนระดับ A และ A+ เท่านั้น ส่วนผลิตภัณฑ์แฮร์แคร์ และผลิตภัณฑ์ บำรุงหนังศีรษะ จะจัดจำหน่ายผ่านช่องทางต่าง ๆ ด้วย อาทิ Retail Drug Store, Beauty Stores, Online Channel เป็นต้น” วรเทพ กล่าว
สามารถติดตามข้อมูล ข่าวสาร เทรนด์แฟชั่นผมที่ล้ำสมัย รวมถึงกิจกรรมต่าง ๆ ที่น่าสนใจของแบรนด์ Wella Professionals ได้ที่ Facebook และ Instagram @wellapro.thailand