พับลิค มาร์เก็ต ฟู้ดคอมมูนิตี้สุดฮิปแห่งใหม่ใจกลางเมือง

37

“PUBLIC MARKET” (พับลิค มาร์เก็ต) ฟู้ดคอมมูนิตี้สุดฮิปแห่งใหม่ใจกลางเมือง ที่ชั้น 2 บริเวณทางเชื่อมระหว่างห้างเซ็นทรัลชิดลม และศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี ที่จะมาเสิร์ฟประสบการณ์การกินแนวใหม่เอาใจสายฟู้ดดี้และคาเฟ่ฮอปปิ้งที่ชอบความชิลและบรรยากาศที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลายอย่างเป็นส่วนตัว

ด้วยการรังสรรค์พื้นที่ทางเชื่อมระหว่างห้างเซ็นทรัลชิดลม และศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซีให้กลายเป็นถนนสายหลักสุดเก๋ที่พลุกพล่านไปด้วยผู้คนและร้านอาหาร ผลงานการออกแบบโดย Porto Architecture, NYC ทีมที่มีประสบการณ์หลายสิบปีในด้านการดีไซน์และสร้างอาคาร รวมถึงพื้นที่จัดแสดง Installation Art ต่างๆ มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านในเรื่องของการสร้างสรรค์สถาปัตยกรรม เพื่อหาจุดเชื่อมโยงระหว่างสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นกับโลกดิจิทัล เพื่อการศึกษาและความสะดวกสบายในอนาคต

สำหรับ “PUBLIC MARKET” (พับลิค มาร์เก็ต) มีการดีไซน์โดยการแบ่งพื้นที่นั่งออกเป็นสามจุดหลักๆ จัดเป็นสัดส่วน แต่ก็เปิดโล่งเพื่อให้ความรู้สึกโปร่งสบายในเวลาเดียวกัน เพื่อให้ทุกคนได้ดื่มด่ำกับช่วงเวลาสุดพิเศษในการรับประทานอาหารและเป็นจุดนับพบสังสรรค์กับบรรดาเพื่อนฝูงหรือครอบครัว พร้อมเพลิดเพลินไปกับแนวกำแพงที่เต็มไปด้วยต้นมอสเขียว ซึ่งตั้งใจออกแบบมาให้ความรู้สึกถึงธรรมชาติ

พร้อมด้วยโซนร้านอาหารชื่อดังที่แต่ละร้านมีการออกแบบเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของตัวเอง แยกเป็นสัดส่วน เพื่อให้ผู้คนที่สัญจรไปมาได้เลือกชมและเลือกซื้ออาหารได้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น พร้อมสร้างสีสันและความบันเทิงให้ได้อิ่ม ฟินไปกับบูธดีเจ และพื้นที่ Pop-up โซนแฮงเอ้าท์สุดชิลได้ฟีลลิ่งเหมือนมานั่งพักผ่อนระหว่างการช้อปปิ้ง พร้อมอร่อยไปกับอาหารหลากหลายเมนู จาก 10 ร้านอาหารสุดชิคชื่อดังแห่งยุค ที่รวมมาไว้ให้ที่นี่ที่เดียว ประกอบไปด้วย

1. Ba Hao Tian Mi (ปา เฮ่า เถียน มี่)
สายคาเฟ่ฮอปปิ้งจะต้องร้องกรี้ดกับร้าน Ba Hao Tian Mi คาเฟ่สไตล์โมเดิร์นไชนีส ส่งตรงจากเยาวราชที่ถูกยกให้เป็นน้องสาวของร้าน Ba Hao (ปา เฮ่า) บาร์สไตล์จีนที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2560 ในซอยนานาใกล้ถนนเยาวราช ที่ซึ่งพุดดิ้งสูตรพิเศษของร้านได้ถือกำเนิดขึ้น โดยมีเมนู โกจิ เบอร์รี่ พุดดิ้ง (Goji Berry Pudding) เป็น 1 ในเมนูที่ขายดีที่สุดของร้าน เรียกว่าเป็นที่ติดอกติดใจของลูกค้าจนต้องมีการสั่งจองก่อนล่วงหน้าเลยทีเดียว

ด้วยพื้นที่อันจำกัด ทางร้านจึงสามารถผลิตได้เพียงวันละประมาณ 8-10 ถ้วยต่อวันเท่านั้น และนี่จึงเป็นที่มาของการตัดสินใจต่อยอดด้วยการเปิด Ba Hao Tian Mi สาขาแรกใจกลางเยาวราช โดยเน้นผลิตภัณฑ์หลักเป็นเมนูพุดดิ้งสูตรเฉพาะของทางร้านที่มุ่งมั่นพัฒนาสูตรและท้อปปิ้งให้หลากหลายมากยิ่งขึ้น พร้อมเลือกใช้วัตถุดิบคุณภาพเยี่ยม เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่ารสชาติและรสสัมผัสของพุดดิ้งที่ปาเฮ่าเถียนมี่นั้นนุ่มละมุนไม่เหมือนที่ไหนแน่นอน ตอกย้ำสโลแกน #ต้นตำรับพุดดิ้งเนียนนุ่ม (Original Pudding from Yaowarat)

ล่าสุด Ba Hao Tian Mi (ปา เฮ่า เถียน มี่) ก็ได้ขยายความอร่อยมาเอาใจแฟนๆ ให้ได้ตามมาลิ้มลองกันที่ “PUBLIC MARKET” ฟู้ดคอมมูนิตี้แห่งใหม่ใจกลางเมืองที่ห้างเซ็นทรัลชิดลมภายใต้คอนเซ็ปต์ยกตู้พุดดิ้งมาเปิดใจกลางเมืองเอาใจคนกรุงเทพชั้นใน พร้อมยกเมนูซิกเนเจอร์ของร้าน อย่างเมนู พุดดิ้งงาดำ (Black Sesame Pudding) พุดดิ้งโรยผงงาดำล้นๆ จนเคลือบพุดดิ้งทั้งก้อน เสิร์ฟพร้อมน้ำเชื่อมงาดำที่เสริมรสหวานมัน ให้ความหอมจากงาและรสหวานมันของเนื้อพุดดิ้งและน้ำเชื่อมงาดำซึ่งเข้ากันได้อย่าลงตัว

และเมนูเครื่องดื่มที่พลาดไม่ได้อย่าง น้ำส้มจี๊ด (Fresh Kumquat Juice) คั้นสดใหม่ทุกแก้ว รสชาติเปรี้ยวจี๊ดสมชื่อ เติมน้ำเชื่อมเข้าไปอีกนิดหน่อย ช่วยให้มีรสกลมกล่อมและดื่มง่ายสดชื่นกว่าเดิม พร้อมอีกหลากหลายเมนูแนะนำจากทางร้านที่ยกมาเสิร์ฟให้ฟู้ดเลิฟเวอร์ได้ลิ้มลอง

2. ร้าน Pash Juices Bar (แพช จุยช์ บาร์)
Pash Juices Bar บาร์น้ำผลไม้สกัดเย็นและสมูทตี้สุดชิคสำหรับสายเฮลท์ตี้ ของเชฟเล็ก เชฟชาวไทยที่เป็นเจ้าของร้านอาหารในมหานครนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา กว่า 30 ปี ด้วยจุดเด่นเรื่องความอร่อยที่เชฟได้ตั้งใจเลือกใช้ผลไม้คุณภาพของไทยและรังสรรค์รสชาติให้คนที่ไม่ชอบทานน้ำผักน้ำผลไม้กล้าที่จะลองรับประทาน และทำให้คนที่ชื่นชอบอยู่แล้ว กลายมาเป็นลูกค้าประจำ ได้ทั้งประโยชน์ต่อสุขภาพและความอร่อยไปพร้อมๆกัน

PASH เป็นอีกแบรนด์ที่สนับสนุนเกษตรกรไทยให้มีรายได้อย่างยั่งยืน และยกระดับชื่อเสียงของผลไม้ไทยให้เป็นที่รู้จักในระดับสากล โดยคัดจากสวนผลไม้ที่ไร้สารพิษ ที่ร้าน PASH มีเมนูน้ำผลไม้ สมูทตี้และชาผลไม้ให้เลือกอร่อยได้กว่า 40 รายการ และยังมีผลิตภัณฑ์น้ำผลไม้สกัดเย็นบรรจุขวดให้เลือกซื้อกลับบ้าน ซึ่งทาง PASH ได้นำนวัตกรรม Cold Pasteurization เป็นการฆ่าเชื้อโดยไม่ผ่านความร้อน ทำให้สามารถเก็บในตู้เย็นได้นานถึง 45 วัน และยังคงคุณค่าทางโภชนาการ ความสดได้อย่างครบถ้วน

ที่สำคัญน้ำผลไม้ที่ PASH ไม่มีการเติมน้ำตาล ไม่ผสมน้ำ และปราศจากวัตถุกันเสีย เมนูไฮไลต์ที่ PASH JUICE BAR อย่าง น้ำผลไม้สกัดเย็น Passionate Pineapple, Beet Blast และสำหรับสายสมูทตี้ขอแนะนำ สตรอว์เบอร์รีโยเกิร์ต พีชสตรอว์เบอร์รี แพชชั่นสมูทตี้ คาราเมลป๊อบคอร์น ล้วนเป็นเมนูที่ห้ามพลาด

3. Grazia Gelato & Coffee (กรัซเซีย เจลาโต แอนด์ คอฟฟี่)
ใครที่หลงรักไอศกรีมและกาแฟ ต้องเคยได้ยินชื่อร้าน Grazia Gelato & Coffee ซึ่งก่อตั้งโดบุคคลที่หลงใหลในไอศกรีมเจลาโต และมีความชื่นชอบวัฒนธรรมอิตาลีขนานแท้ ทำให้เข้าใจ insight ของการสร้างบรรยากาศ การต้อนรับและตกแต่งสไตล์บ้านอิตาเลียนดั้งเดิมที่แสนอบอุ่นและเป็นกันเอง ตามสโลแกนของร้าน “ประสบการณ์ศิลป์แบบฉบับอิตาเลียนแท้ ด้วยกลิ่นหอม รสชาติ และเนื้อสัมผัสที่ปรุงสดใหม่ทุกวันด้วยส่วนผสมจากธรรมชาติที่ดีที่สุดเท่านั้น”

สำหรับสาขาใหม่แกะกล่องของ Grazia Gelato & Coffee ที่ยกมาไว้ที่ห้างเซ็นทรัลชิดลม ยังคงกลิ่นอายของการออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ลูกค้าจะได้สัมผัสบรรยากาศแบบร้านเบเกอรีริมถนนอิตาลีสุดคลาสสิก พร้อมกาแฟ in-house ที่ผสมผสานการคั่วแบบอิตาลีดั้งเดิม โดยใช้ Petroncini เครื่องคั่วนำเข้าจากอิตาลีที่สามารถคั่วกาแฟด้วยกระบวนการและอุณหภูมิที่ถูกต้องสำหรับ Authentic Traditional Italian Roast เพื่อรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ของร้าน ซึ่งทุกเมนูผลิตสดใหม่ทุกวัน พร้อมใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติที่ดีที่สุด เหมือนปรุงอาหารที่บ้านเพื่อคนที่เรารัก

อีกทั้งแต่ละสูตรยังรังสรรค์ขึ้นจากรสชาติแบบดั้งเดิมของอิตาลี ด้วยแรงบันดาลใจจากชุมชนเพื่อสร้างประสบการณ์อิตาเลียนแท้ๆ ที่หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว สำหรับเมนูซิกเนเจอร์ที่คนรักวัฒนธรรมอิตาเลียนต้องมาลอง ต้องยกให้ Brioche col tuppo con Gelato หรือเจลาโต้ขนมปังบรีออช ที่มีต้นกำเนิดมาจากเมือง Sicily อยู่ทางตอนใต้ของอิตาลี สูตรของทางร้านเป็นสูตรอิตาเลียนแท้ๆ โดยเชฟอิตาลี ตัวขนมปังไม่มีสารกันบูด อบสดใหม่ทุกวัน เสิร์ฟพร้อมกับเจลาโต้ 2 รสชาติ ที่ลูกค้าสามารถเลือกรสชาติได้เอง

และความพิเศษเฉพาะที่สาขาห้างเซ็นทรัลชิดลม คือ ไอศกรีมเจลาโตจะเปลี่ยนหมุนเวียนไปทุกๆ เดือน และแต่ละเดือนจะมี Special Flavour หรือรสชาติพิเศษเฉพาะสาขานี้เท่านั้น เช่น ในเดือนแรกที่เปิดตัว คือรสชาติ Malaga หรือ Italian Run Raisins ซึ่งทำจาก Passito Wine ที่ทางร้านนำเข้ามาจากประเทศอิตาลีหมักกับลูกเกดสีทอง จนได้รสชาติที่กลมกล่อม รับประทานง่าย ใครที่ได้ลองเป็นต้องถูกใจ

นอกจากนี้ทางร้าน ยังนำเข้า Vaschetta หรือ กล่องโฟมซึ่งผลิตจากวัสดุธรรมชาติ สามารถย่อยสลายได้ภายใน 3 เดือน ส่งตรงจากประเทศอิตาลี นำมาใส่ไอศกรีมเจลาโต้โดยเฉพาะ เพื่อให้ลูกค้าสามารถซื้อเจลาโต้สด รสชาติโปรดหิ้วกลับไปรับประทานกับคนที่รัก ไม่ว่าจะเป็นที่ออฟฟิศ หรือที่บ้านได้อย่างสะดวกสบาย โดยที่รสชาติยังคงความอร่อย พร้อมรสสัมผัสที่เหนียวหนึบเหมือนรับประทานที่หน้าร้าน โดยมีให้เลือกทั้งไซส์ครึ่งกิโล และ 1 กิโล

4. ร้าน Machi Machi (มาชิ มาชิ)
Machi Machi แบรนด์ชานมเพื่อคนรุ่นใหม่จากไต้หวัน มาในคอนเซ็ปต์มินิมอล กับสัญลักษณ์ของแบรนด์ที่นำคาแรคเตอร์รูปน้องหมาดูดชานมสุดน่ารักเพื่อสื่อถึงความหมายของ “Best friend เพื่อนที่ดีที่สุด” พร้อมกับแนวคิดที่เชื่อว่าการดื่มชาควรจะเป็นวิถีชีวิต เป็นไลฟ์สไตล์ มากกว่าแค่กระแสหรือแฟชั่น ดังนั้นจุดเด่นของร้านจึงเป็นการเลือกใช้ใบชาจากเมือง Nantou, Yuchi, Sun Moon Lake ในไต้หวันซึ่งเป็นชาที่สดใหม่ ดูแลและตัดเก็บตามขั้นตอนจึงทำให้ได้รสชาติที่ชัดเจนของชาต้นตำรับ หรือแม้แต่การเลือกนมนำเข้าจากนิวซีแลนด์เพื่อให้ได้รสชาติและสัมผัสที่นุ่มในทุกครั้งที่ดื่ม

อีกทั้งยังมีจุดเด่นในเรื่องการมิกซ์แอนด์แมทช์และนำเสนอการดื่มชาแบบใหม่ในขวดสุดคิวท์ เมนูไฮไลต์ของร้านต้องยกให้กับเมนูชาชีส ที่ได้สร้างฉายาให้กับแบรนด์ว่าเป็น “The Cheese Tea God” ผสมระหว่างตัวชา และด้านบนเป็นฟองชีสนุ่มๆ มีให้เลือก 4 รสชาติ ครีมชีสโฟมชาดำ, ครีมชีสโฟมชาอู่หลง, ครีมชีสโฟมชาเขียวมะลิ, ครีมชีสโฟมชานม นอกจากนี้ยังมีอีกหลากหลายเมนูน่าลอง ไม่ว่าจะเป็น ชานมพานาคอตต้า, ชาเขียวเจลลี่บ๊วย, ชานมแครมบรูว์เล, ชาเขียวจัสมินผลไม้, ชาเขียวจัสมินและเจลลี่บ๊วย, สตรอว์เบอร์รีลาเต้พานาคอตต้า ที่ยกมาให้แฟนๆ ได้แวะมาชิมรสชาติ และเช็คอิน ถ่ายรูปบรรยากาศน่ารักๆของร้านกันที่ “PUBLIC MARKET”

5. ร้าน John Donut (จอห์น โดนัท)
John Donut พรีเมี่ยมโฮมเมดโดนัทเจ้าดัง ส่งความอร่อยจากภูเก็ตมาสู่กรุงเทพฯ โดย John Donut ถือกำเนิดครั้งแรกที่ จ.ภูเก็ต เมื่อปี ค.ศ. 2019 โดยฝีมือคนไทย 2 คน ที่แอบหนีความวุ่นวายจากเมืองกรุงมาเปิดร้าน bakery และ baking studio ในบ้านทรงไทยกลางป่ายางบนเกาะแห่งนี้ โดยนิยามตัวเองว่าเป็น “คนทำโดนัทที่มีความสุขที่สุดในโลก” และอยากให้ Donut Lover ตัวจริงได้กิน premium-homemade donut ที่ทอดและอบ สด ใหม่ ทุกวัน

โดยทางร้านเลือกใช้แป้งตระกูล Pastry ที่มีชื่อว่า Brioche ซึ่งมีลักษณะพิเศษเรื่องของความหอม นุ่ม ฟู จากเนย นม ไข่ มาเป็นแป้งหลักในการผลิตโดนัทต่าง ๆ กว่า 50 เมนูทั้งคาวและหวาน และด้วยการใช้เทคนิคพิเศษ poolish method & sourdough starter หรือวิธีการหมักแป้งด้วยยีสต์ธรรมชาติ ที่ทำให้เนื้อขนมปังมีความเหนียวนุ่มเคี้ยวสนุก และทำให้โดนัทของจอห์นไม่มีกลิ่นยีสต์รบกวน และยังช่วยให้ระบบการย่อยอาหารไม่ต้องทำงานหนักมากเกินไป

นอกจาก John Donut จะขึ้นชื่อว่าเป็นร้านโดนัทที่มีความหลากหลายแล้ว สิ่งหนึ่งที่ทำให้โดดเด่นคือทุกเมนูปราศจากไขมันทรานส์ (trans-fat free) ในทุกขั้นตอนการผลิต โดยเฉพาะเรื่องของการทอดที่เป็นหัวใจสำคัญที่สุดที่จะทำให้โดนัทแต่ละชิ้นปลอดภัยกับคนรับประทาน ทั้งยังลดความหวานลง 50% (low sugar) ด้วยความตั้งใจของทางร้านที่อยากให้ทุกคนมีความสุขในการทานโดนัทได้อย่างเต็มที่ และหวังว่าคุณจะ “ตกหลุมรัก” John Donut ซ้ำไปซ้ำมา

สำหรับสายโดนัทเลิฟเวอร์ ขอแนะนำ Strawberry Cream Cheese โดนัทเนื้อนุ่ม ผสมผสานอย่างลงตัวด้วยแยมโฮมเมด ครีมชีสหนานุ่มหวานน้อยและสตรอว์เบอร์รีสดลูกโต หรือ Apple Fritter ครีเอทสูตรพิเศษโดยใช้เนื้อแอปเปิ้ลเขียวผัดกับเครื่องเทศคลุกเคล้ากับแป้งบริยอช เพิ่มความสดชื่นระหว่างวันกับรสชาติเปรี้ยวอมหวาน Maple Bacon Donut ผสมผสานลูกเล่นกึ่งคาวหวานระหว่างเบค่อนกรุบกรอบเต็มคำเคลือบด้วยเมเปิ้ลซอสสูตรลับ Boston Cream Bomboloni โดนัทสไตล์อิตาเลียน ใส่ไส้วนิลาคัสตาร์ดครีมเต็มๆ เคลือบด้านบนด้วย Dark Chocolate แท้จากเบลเยี่ยม ให้รสชาติคลาสสิคแบบอเมริกัน พร้อมลายเซ็นต์ John กำกับความเป็นต้นตำรับ

6. Yuji Ramen (ยูจิ ราเมน)
ร้าน YUJI RAMEN ชื่อดังจากนิวยอร์ก กำเนิดมาจากวัฒนธรรมการเตรียมอาหารของชาวญี่ปุ่นดั้งเดิมที่ยึดถือ “จิตวิญญาณแห่ง Mottainai” หรือที่ชาวตะวันตกเรียกในชื่อ Zero Waste ด้วยแนวคิดนี้ อาหารทุกจานของ ยูจิ ราเมน จึงมาจากขั้นตอนการเตรียมและปรุงอย่างพิถีพิถันตั้งแต่แหล่งวัตถุดิบจนถึงในครัว เชื่อมโยงอุดมคติดั้งเดิมและวิถีชีวิตคนเมืองสมัยใหม่ จุดเด่นของที่นี่ คือการนำเสนอราเมนซุปปลา 100% ต่างจากราเมนทั่วไปที่ใช้กระดูกหมูเป็นส่วนผสมหลักของซุป นอกจากจะให้รสสัมผัสที่อร่อยอย่างแตกต่าง ยังได้ประโยชน์ต่อสุขภาพจากซุปที่บรรจงเคี่ยวจากปลาและอาหารทะเลนานกว่าสิบชั่วโมง ราเมนทุกชามจึงเป็นการแสดงความเคารพต่อธรรมชาติและผู้คนที่อุทิศตนเพื่อแบ่งปันความอร่อยอย่างแท้จริง

ตัวเลือกราเมนที่นี่ มีสองสไตล์ คือ (1) ราเมนน้ำ เช่น Tuna Kotsu Ramen อันเป็นเมนูซิกเนเจอร์ของทางร้าน น้ำซุปนุ่มละมุนจากกระดูกปลาต้มเสิร์ฟกับชาชูปลาทูน่าย่าง และ (2) ราเมนแห้ง หรือ Mazemen ที่มีลูกเล่นผสมผสานระหว่างรสชาติและเนื้อสัมผัสทั้งแบบดั้งเดิมและสากลเข้าด้วยกันอย่างกลมกล่อม ตามคำว่า “Maze” ซึ่งหมายถึงการผสมผสานนั่นเอง อีกสองเมนูเด็ดที่ต้องลองคือ Ika Tantan ราเมนแห้งรสเผ็ดหน้าปลาหมึก และตัวเลือกสำหรับสาย Vegan คือ Tomato Miso Mazemen ที่ใช้ส่วนผสมที่ช่วยชูรสอย่างมะเขือเทศเชอร์รี่ หอมกลิ่นผักชี เนยแข็ง และกระเทียมทอด กลายเป็นราเมนจานเด็ดรสชาติกลมกล่อมที่คนรักราเมนห้ามพลาด!

7. ร้าน Guljak Topokki & Chicken (กอลจัก ต๊อกป๊กกี แอนด์ ชิกเก้น)
สาวกอาหารเกาหลีต้องโดน กับร้าน Guljak Topokki & Chicken ร้านอาหารเกาหลีแบบต้นตำรับจากจังหวัดคยองกี อร่อยฟินไม่ต้องบินไกลไปถึงเกาหลี เพราะบริษัท ฟู้ดมาสเตอร์ จำกัด เป็นตัวแทนแฟรนไชน์เจ้าแรกในประเทศไทย ส่งตรงของดีมาเสิร์ฟถึงเมืองไทย ทั้งวัตถุดิบ รสชาติ แบบเกาหลีแท้ๆ เน้นความสดใหม่ คัดสรรวัตถุดิบคุณภาพ ด้วยความพิเศษนี้เองทำให้ Guljak Topokki & Chicken ขยายสาขาในประเทศเกาหลีใต้อย่างรวดเร็ว ภายในระยะเวลาเพียง 6 ปี ซึ่งในปัจจุบัน มีทั้งหมดมากกว่า 250 สาขาในประเทศเกาหลีใต้ และการันตีด้วยรางวัลร้านยอดนิยมถึง 5 ปีซ้อน (ปี ค.ศ. 2017- ค.ศ. 2021)

สำหรับเมนูแนะนำที่ต้องสั่ง คือเมนูซิกเนเจอร์ ซุปต๊อกป๊กกี ออริจินอล, ไก่ทอดต้นตำรับกอลจัก, ไก่ทอดกันปุง, ซุปโรเซ่ ต๊อกป๊กกี, ข้าวปั้นสาหร่ายเกาหลี และยิ่งไปกว่านั้นกอลจักได้คิดค้นความอร่อยที่ลงตัวโดยนำเอา 2 เมนูอย่างซุปต๊อกป๊กกีและไก่ทอดร้อนๆเสิร์ฟคู่กันด้วยคอนเซ็ปต์ “ไก่จิ้มต๊อก” ผสมผสานเข้ากับน้ำซุปสูตรเกาหลีแท้ๆ โดยแต่ละน้ำซุปกอลจักได้เลือกน้ำซุปดั้งเดิมที่มีมากกว่า 100 ปี มาทำให้เกิดเป็นเมนูซุปต๊อกป๊กกีที่ไม่เหมือนใครในเกาหลี แต่ยังคงรสชาติเกาหลีแท้ๆ รวมถึงไก่ทอดสูตรพิเศษกรอบนอกนุ่มใน โดยใช้ไก่สด “เบญจา” ที่ผ่านการเลี้ยงด้วยข้าวกล้องไรซ์เบอรี่และไม่มีการใช้ยาปฏิชีวนะ ไร้สารเร่งฮอร์โมน ไม่ผ่านการแช่แข็ง เนื้อนุ่มหวานฉ่ำ มีคุณประโยชน์สารอาหารครบถ้วน คลุกเคล้าด้วยซอสเกาหลีสูตรต่างๆ ในรสชาติเกาหลีแบบออริจินอลหลากหลายรสชาติ

8. Phed Phed Pop (เผ็ด เผ็ด ป๊อป)
ร้าน Phed Phed เกิดขึ้นจากแพสชั่นความหลงใหลในรสชาติความแซ่บนัวเผ็ดร้อนของอาหารอีสานผสานเข้ากับรสนิยมด้านงานออกแบบอย่างมีสไตล์ ของ โอม-ณัฐกร จิวะรังสินี และ ต้อม-ณัฐพงศ์ แซ่หู สองผู้ร่วมก่อตั้งร้านเผ็ดเผ็ด ร้านอาหารอีสานที่นำรสชาติอาหารอีสานของที่บ้าน มาผสมกับรสชาติที่เก็บเกี่ยวจากการเดินทางไปลองลิ้มชิมรสอาหารอีสานทั้งในและนอกประเทศ รวมถึงการนำเอาเมนูแบบที่ทำกินกันเองในบ้านมาปรุงให้คนอื่นได้ลิ้มลอง โดยมีกิมมิกที่เมนูแต่ละสาขาจะไม่เหมือนกัน

นอกจากความสร้างสรรค์ในการทำเมนูต่างๆ แล้ว วัตถุดิบส่วนใหญ่ยังเป็นแบบโฮมเมดที่มีคุณภาพ รสชาติเผ็ดถึงใจ ทำให้ Phed Phed กลายเป็นร้านอีสานร้านโปรดของใครหลายๆคนได้อย่างง่ายดาย สำหรับ Phed Phed Pop สาขาล่าสุดที่ห้างเซ็นทรัลชิดลมเอาใจแฟน Phed Phed กับเมนูอาหารจานเด็ดที่จะเน้นอาหารจานป๊อปเป็นหลัก ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากอาหารยอดนิยมของสถานที่ต่างๆ ทั้งในปัจจุบันและอดีต นำมาปรับปรุง เพิ่มเติมให้เป็นเมนูพิเศษเฉพาะของสาขานี้สาขาเดียวเท่านั้น กับ เมนูแกงเห็ด สูตรพิเศษที่นำใบย่านาง ยอดมะพร้าว และเห็ดตามฤดูกาลรวมต้มกับน้ำใบย่านางให้รสชาติขนานแท้ หรือเมนูไฮไลท์ ตำแตงโมรสเด็ดรสชาติจัดจ้านและเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร งานนี้บอกได้คำเดียวว่าแฟนอาหารอีสานไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง

9. Little Market (ลิตเติ้ล มาร์เก็ต)
Little Market ร้านเบอร์เกอร์รสชาติต้นตำรับแท้ๆ สไตล์อเมริกัน ก่อตั้งครั้งแรกบริเวณตลาดน้อย เลยให้ชื่อว่า Little Market (ตลาดน้อย) โดยเชฟ Chet Adkins จากร้านจั่ว (JUA) เสิร์ฟเบอร์เกอร์สไตล์ Smashed Burger หรือการกดให้เนื้อสัมผัสหน้าเตาได้มากที่สุดเพื่อให้ไขมันในเนื้อกรอบและหอมมากขึ้นกว่าเดิม ที่สำคัญยังทำให้ตัวเนื้อเคี้ยวสนุกมากขึ้นไปอีก

จุดเด่นของร้านคือการเลือกใช้แต่วัตถุดิบคุณภาพดี เกรดพรีเมียม โดยเลือกใช้เนื้อวัว Angus เลี้ยงแบบ Grain-Fed 270 วัน จากฟาร์มแรนเจอร์วัลเลย์ ประเทศออสเตรเลีย หรือเนื้อหมู เนื้อไก่ และไข่ไก่ ที่ตั้งใจใช้ผลิตภัณฑ์ ปลอดยาปฏิชีวนะและฮอร์โมนเร่งโต แม้แต่ขนมปังทางเชฟยังเลือกให้เหมาะสมกับแต่ละเมนูที่สุดเพื่อให้ได้รสชาติที่ยอดเยี่ยม หอม และอร่อยตั้งแต่คำแรกที่รับประทาน จึงเป็นที่มาของสโลแกน “Little Market Quality Burger”

โดยเมนูซิกเนเจอร์ของร้านการันตีรสชาติแบบอเมริกันแท้ๆ โดยเชฟชาวอเมริกัน ประกอบไปด้วย Triple Double เบอร์เกอร์เนื้อแองกัส 3 ชั้นเนื้อแองกัสบด ที่นำไปสแมช 3 ชิ้น เสิร์ฟพร้อม หัวหอม แตงกวาดอง อเมริกันชีส เสิร์ฟบนขนมปังขาวปิ้ง ราดมายองเนส มัสตาร์ด และที่เลือกใช้ขนมปังขาวธรรมดาประเภทนี้ เพราะจะไม่เน้นการผสมเนยไปในส่วนผสมเพื่อให้ลูกค้าได้รับรู้ถึงรสชาติ และความหอมของเนื้อระดับพรีเมียมจริงๆ

หรืออีกเมนูต้องลอง Buffalo Wings ปีกไก่ทอดบัฟฟาโล่ ปีกไก่ทอดคลุกซอสบัฟฟาโล ซอสประจำเมืองบัฟฟาโล รัฐนิวยอร์ก ซอสรสชาติเผ็ดเปรี้ยว จัดจ้าน แบบอเมริกันแท้ๆ เสิร์ฟกับแครอท และขึ้นฉ่ายฝรั่ง (Celery) พร้อมซอสแรนช์ (Ranch) สูตรของลิตเติ้ล มาร์เก็ต

และสุดท้ายพลาดไม่ได้กับ Chocolate Milkshake ช็อคโกแลต มิลค์เชค ที่ช็อคโกแลตพรีเมียม เพื่อให้ได้มิลค์เชคแบบอเมริกันแท้ๆ ที่พร้อมยกมาเสิร์ฟประสบการณ์กินเบอร์เกอร์รสชาติต้นตำรับแท้ๆ สไตล์อเมริกัน ที่“PUBLIC MARKET” ฟู้ดคอมมูนิตี้สุดฮิปแห่งใหม่ใจกลางเมือง ที่ชั้น 2 บริเวณทางเชื่อมระหว่างห้างเซ็นทรัลชิดลม และศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี

10. ร้าน EL’ Mar (เอล มาร์)
ซีฟู้ดเลิฟเวอร์ต้องถูกใจสิ่งนี้จาก Belon Oyster & Raw Bar ที่ขึ้นเรื่องหอยนางรมคุณภาพ พัฒนาสู่ร้าน EL’ MAR ร้านซีฟู้ดแอนด์กริลล์สไตล์ Modern European ในบรรยากาศสบายๆ ให้ผู้มาเยือนได้เห็นกรรมวิธีการปรุงอาหารที่สดใหม่ผ่าน Open Kitchen พร้อมทั้งผ่อนคลายกับอาหารรสเลิศ ไม่ว่าจะเป็นระหว่างวันหรือยามเย็น พร้อมนำเสนออาหารทะเล และเมนูเนื้อเกรดพรีเมี่ยมสดใหม่จากทั่วโลก

มีเมนูไฮไลท์น่าลองหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น หอยนางรมสด ที่คัดพิเศษ รวมถึง ล็อบสเตอร์โรล ที่ได้รับความนิยมจนได้รางวัล “The Best Lobster Roll in Bangkok 2016” รวมถึงเอาใจสายเนื้อด้วยสเต็กเนื้อวากิวนำเข้าเกรดพรีเมี่ยม นอกจากนี้ยังมีอาหารจานเด็ดเป็นซิกเนเจอร์ดิช ที่เพิ่มลูกเล่นในเทคนิคการปรุงอาหารให้ลูกค้าได้ลิ้มลองรสชาติ ไม่ว่าจะเป็น Fresh Pasta หลากหลายซอสแบบโฮมเมด เช่น Puthanesca มะเขือเทศจัดจ้าน, Josper Grilled Seafood/Wagyu Steak & Paella, Caviar Bites