“CEA”หนุน 5 จังหวัดชิงเมืองสร้างสรรค์ยูเนสโก พลิกฟื้นย่านเศรษฐกิจสู่

20
ดร.ชาคริต พิชญางกูร

CEA นำเสนอ 5 จังหวัด ชิงเมืองสร้างสรรค์ยูเนสโก เชียงราย น่าน นครปฐม พัทยา และ แพร่ ปูทางสู่ Magnetใหม่ สร้างเม็ดเงินหมุนเวียน กระตุ้นเศรษฐกิจการลงทุนในท้องถิ่น เดินหน้า ปั้นย่านเศรษฐกิจต่อเนื่อง หลังพัฒนา 33 ย่านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ต้นแบบครบตามโรดแมปปี 65

ดร.ชาคริต พิชญางกูร ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (CEA) เปิดเผยว่า ในฐานะองค์กรเพื่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์เพื่อการพัฒนาและยกระดับเศรษฐกิจของประเทศ ได้ร่วมกับภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชนนำเสนอพื้นที่ 5 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย น่าน นครปฐม เมืองพัทยา จ.ชลบุรี และ แพร่ เพื่อขึ้นทะเบียนเป็นเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ของยูเนสโก หรือ UNESCO Creative Network (UCCN) ในปี 2565

โดย CEA ได้เข้าไปทำหน้าที่เตรียมความพร้อมด้วยการนำความคิดสร้างสรรค์ไปพัฒนาตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย ทั้งคนในพื้นที่และนอกพื้นที่ให้เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาและรองรับให้บริการ จนสามารถเข้าสู่เกณฑ์การคัดเลือกตามมาตรฐานของยูเนสโก ซึ่งจะเป็นจุดหมายที่สำคัญอีกหนึ่งแห่งของเมืองสร้างสรรค์โลก (Destination) นำมาซึ่งการต่อยอดเศรษฐกิจท้องถิ่นเพื่อยกระดับรายได้และชีวิตชุมชน

สำหรับ 5 จังหวัด ได้แก่ จ.เชียงราย ได้วางให้เป็นเมืองแห่งการออกแบบ (Design) เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีความหลากหลายในเชิงศิลปะ ทั้งศิลปประยุกต์ ศิลปะพื้นบ้าน กระจายอยู่ในพื้นที่ต่าง ๆ ซึ่งจะนำมาสู่การออกแบบเมืองในมิติของการปรับปรุงพื้นที่สาธารณะ ระบบขนส่งมวลชน ในรูปแบบ Smart City การสร้างเส้นทางเชื่อมต่อในระยะการเดินเท้า รวมไปถึงการปรับปรุงพื้นที่ที่ไม่ได้ใช้งานให้เป็น Creative Space สร้างแลนด์มาร์คใหม่สำหรับนักเดินทางและนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ

จังหวัดน่าน ได้วางเป็นเมืองด้านหัตถกรรมและศิลปะพื้นบ้าน (Crafts and Folk Arts) ถือว่าเป็นอาณาจักรที่มีการสืบทอดวัฒนธรรมเป็นของตนเอง และมีอัตลักษณ์ที่สะท้อนความเป็นเมืองน่านผ่านงานอาร์ท หัตถกรรมและศิลปะ จนเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของแต่ละพื้นที่ โดยคนรุ่นใหม่นำมาต่อ ยอดเป็นผลิตภัณฑ์งานฝีมือประเภทต่าง ๆ ให้ตอบโจทย์กับผู้บริโภคยุคใหม่ โดยปรับปรุงพื้นที่ทางประวัติศาสตร์ให้เป็น Creative Space แห่งใหม่ของกลุ่มนักสร้างสรรค์ ก่อให้เกิดการจ้างงานของคนในย่านและชุมชนจนมีชื่อเสียงในระดับประเทศ

จังหวัดนครปฐม กำหนดให้เป็นเมืองแห่งดนตรี (Music) มีมหาวิทยาลัยดนตรีที่มีการผลิตนักดนตรี เป็นที่มาของการออกแบบ กิจกรรมให้เกิดการเชื่อมโยง อาทิ จัดโปรแกรมให้อาจารย์มหิดลอบรมเกี่ยวกับดนตรีเพื่อถ่ายทอดความรู้ เป็นพื้นที่โชว์เคสความสร้างสรรค์ทางดนตรีหลากหลายสาขา นำเสนอสร้างสรรค์แนวคิดใหม่ สอดรับกับการขับเคลื่อนซอฟเพาวเวอร์ดนตรีของไทย เพื่อให้เกิดการชุมชนและเป็นศูนย์
รวมความรู้ด้านดนตรี

เมืองพัทยา จ.ชลบุรี เมืองแห่งภาพยนตร์ (Film) เป็นเมืองการท่องเที่ยวที่สำคัญที่ทั่วโลกรู้จัก มีแหล่งทัศนียภาพที่หลากหลายพร้อมสำหรับการถ่ายภาพยนต์ระดับโลก และ จ.แพร่ วางเป็นเมืองด้านหัตถกรรมและศิลปะพื้นบ้าน (Crafts and Folk Arts) เป็นเมืองที่มีอัตลักษณ์ด้านศิลปวัฒนธรรมเป็นของตนเอง

แต่ละพื้นที่อยู่ระหว่างนำเสนอชื่อเข้าสู่การคัดเลือก เพื่อให้ได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนเป็นเมืองสร้างสรรค์เพิ่มเติม หลังจากที่ CEA ร่วมกับภาคีเครือข่ายผลักดันไปแล้วใน 5 เมือง ที่ได้รับการขึ้นทะเบียน ได้แก่ จ.ภูเก็ต-ด้านอาหาร จ.เชียงใหม่-ด้านคราฟท์ กรุงเทพ-ด้านดีไซน์ จ.สุโขทัย-ด้านหัตถกรรมและศิลปะพื้นบ้าน และ จ.เพชรบุรี-ด้านอาหาร

สำหรับการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ได้วางกลไกการพัฒนาใน 3 ระดับคือ ระดับย่าน ระดับเมือง และระดับโลก โดยเริ่มต้นจากระดับย่าน ซึ่งต้องเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพ ชุมชนมีความพร้อมและเข้มแข็ง โดยอาศัยทุนทางวัฒนธรรมในพื้นที่ เข้าสู่กระบวนการค้นหา และดึงความน่าสนใจเพื่อสร้างเป็นจุดขาย พร้อมขยายเครือข่ายและพัฒนาร่วมกัน โดยนำความคิดสร้างสรรค์มาออกแบบเป็น “ย่านเศรษฐกิจสร้างสรรค์” ไปจนถึงการพัฒนาระดับเมือง เพื่อเรียนรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ สู่การขับเคลื่อนจังหวัดต่าง ๆ ให้กลายเป็น “เมืองสร้างสรรค์” ในเวทีโลกต่อไป

“ปัจจุบัน CEA มีเป้าหมายพัฒนาย่านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ผ่านเครือข่ายย่านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ประเทศไทย (Thailand Creative District Network : TCDN) ที่มีสำนักงานตั้งอยู่ใน 3 จังหวัด ประกอบด้วย กรุงเทพ เชียงใหม่ และขอนแก่น ทำหน้าที่เป็นหน่วยงานคัดเลือกตามเงื่อนไขการพัฒนาย่านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ซึ่งได้วางเป้าหมายการพัฒนาตามโรดแมปไว้ จำนวน 33 แห่ง ภายในปี 2565 เพื่อเป็นย่านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ต้นแบบ ที่จะสามารถถ่ายทอดองค์ความรู้ไปยังพื้นที่อื่นๆ เพื่อการพัฒนาเครือข่ายในระดับประเทศ โดย CEA เริ่มโครงการขับเคลื่อนเมืองสร้างสรรค์ ตั้งแต่ปี 2563-2565”

“ยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนย่านและเมืองสร้างสรรค์ จะดำเนินภายใต้ 5 ยุทธศาสตร์ได้แก่ 1.กลยุทธ์และแนวทางพัฒนา 2.ความรู้และทักษะ 3.การประชาสัมพันธ์ 4.การสร้างเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชนและสร้างโอกาสการเข้าถึงการสนับสนุนของหน่วยงาน และ 5.ด้านนโยบายสร้างสรรค์ คือ การเปิดโอกาสและเข้าถึงสิทธิพิเศษในเชิงธุรกิจที่ตรงกับความต้องการของย่าน ทั้งนี้เพื่อเป็นการเตรียม Soft Power เพื่อสร้างอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยหลังการฟื้นตัวจากโควิด-19 ให้มากขึ้น ทำให้เกิดการหมุนเวียน เพื่อผลักดันเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตขึ้น” ชาคริตกล่าว

มนฑิณี ยงวิกุล ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจสร้างสรรค์ กล่าวว่า จากความสำเร็จที่พัฒนาไปแล้วและอยู่ระหว่างการพัฒนา 33 พื้นที่ โดยใน 3 พื้นที่ กรุงเทพ เชียงใหม่ และ ขอนแก่น มีความพร้อมที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ สามารถดำเนินการพัฒนาได้ทันที ส่วนอีก 30 พื้นที่เป็นการเปิดรับสมัคร และได้รับการคัดเลือกจากความน่าสนใจ และการมีส่วนร่วมในผลักดันของชุมชนในพื้นที่

ที่ผ่านการสำรวจศักยภาพ ความพร้อมด้านแนวคิดการพัฒนา ซึ่งเป็นกระบวนการทดสอบสำคัญมาก
เป็นการทดสอบให้คนมามีส่วนร่วม เพื่อให้ได้ข้อมูลการตอบรับที่เกี่ยวข้องอย่างแท้จริง จนมาถึงรูปแบบการพัฒนา ที่ผ่านการวัดผล ซึ่งมีตัวอย่างที่เป็นเคสที่สำคัญที่ประสบความสำเร็จ คือ จังหวัดสกลนคร ผ่าน “กลุ่มสกลเฮ็ด” และ การจัดงาน “สกลจังซั่น”