บุพเพสันนิวาส..กับปรากฏการณ์ย้อนยุคของการเสพสื่อ

นาทีนี้ต้องยกนิ้วทั้งสิบนิ้ววันทาบรรดาผู้จัด ผู้เขียน ผู้กำกับ นักแสดง และผู้ที่เกี่ยวข้องกับละคร #บุพเพสันนิวาส อย่างจริงจังที่สร้างกระแสฟีเวอร์ให้สังคมไทยได้กลับมามีจุดความสนใจร่วมกันอีกครั้งในทางที่สร้างสรรค์และชวนหัว….

นับตั้งแต่วันพุธที่ 21 กพ. 2561 เป็นต้นมา ที่ละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส ออกอากาศเป็นละครหลังข่าวทางช่อง 3 กระแสออเจ้าก็ระบาดไปทั่ว ความน่ารัก กุ๊กกิ๊ก น่าหยิก น่าหยอกของตัวละครหลายๆตัวในเรื่อง ประกอบกับเนื้อเรื่องแบบย้อนยุคอิงความจริงในประวัติศาสตร์ ผสมผสานกับจินตนาการและการถ่ายทำอย่างค่อนข้างพิถีพิถันในทุกขั้นตอน ความสดใหม่ที่ไม่ได้เอาละครของเก่ามาถ่ายทำใหม่ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหมือนอย่างที่เคยเป็นมาในละครไทยหลายๆ เรื่อง ทำให้ละครเรื่องนี้ครองใจคนดูทั่วพระนครไทยลามไกลไปถึงประเทศข้างเคียง บุพเพสันนิวาสฟีเวอร์ จึงถือเป็นปรากฏการณ์การที่เกิดขึ้นได้ยาก ท่ามกลางกระแสสื่อที่มีความหลากหลาย ทีวีมากมายเป็นร้อยๆ ช่อง และสื่อหลายๆ รูปแบบของทุกวันนี้

และมันก็ทำให้หลายๆ คน รวมทั้งข้าพเจ้าสนใจใคร่รู้ด้วยว่า ใครเป็นผู้แต่งเรื่องบุพเพสันนิวาส รอมแพงเป็นใครมาจากไหน ใครเป็นผู้สร้าง ใครเป็นผู้กำกับ สำหรับผู้ที่ไม่ค่อยเสพสื่อกระแสหลักมากนักเรื่องนี้ยังทำให้เกิดปรากฏการณ์เฉพาะบุคคลขึ้นมาได้อีกด้วย

ข้าพเจ้าดีใจที่ละครเรื่องนี้ ทำให้กลับมามีความหวังในอะไรหลายๆ อย่างในสังคมบ้านเรา หลังจากได้ปล่อยวางความหวังไปในหลายๆ เรื่องแล้ว รู้สึกว่าละครเรื่องนี้ นำแง่มุมดีๆหลายๆ อย่างกลับสู่สังคมไทย และก็สะท้อนความเป็นไทยในหลายๆ อย่างด้วยเช่นกัน

– ทำให้ประวัติศาสตร์ส่วนสำคัญของชาติกลับมาฉายเด่นเป็นเรื่องสนุก ได้อีกครั้ง เกร็ดประวัติศาสตร์ของชาติในยุคสมัยพระนารายณ์นั้นมีความน่าสนใจก็จริงอยู่ แต่การนำมาถ่ายทอดในรูปแบบของนิยายและละครนั้นไม่เคยมี แต่ละครเรื่องนี้นำประวัติศาสตร์ช่วงสำคัญมาถ่ายทอดได้อย่างน่ารื่นรมย์

– ทำให้คนหันกลับมาเสพสื่อ หาหนังสือนิยายอ่านอีกครั้ง แต่จะว่าไป ตลาดหนังสือนิยายนั้นมีความน่าสนใจอยู่อย่างหนึ่ง คือมีมิตรรักนักอ่านคอยติดตามอยู่เสมอ แม้จะรู้สึกว่าในระยะหลายปีที่ผ่านมา บรรดาหนังสือที่ติดโผ Best Seller ของร้านหนังสือส่วนใหญ่มักเป็นหนังสือประเภทฮาว ทู หรือ ทำยังไงให้สวยและรวยมากๆ แต่ตลาดหนังสือนิยายก็มีกลุ่มผู้อ่านเฉพาะมิใช่น้อยๆ และอิทธิพลจากละครก็ช่วยกระพือให้ ตลาดหนังสือได้กลับมาคึกคักอีกครั้งหลังจากโดนสื่อกระแสใหม่แย่งพื้นที่จิตใจไปไม่น้อย

-ทำให้รู้ว่านักเขียนหน้าใหม่ ในยุคนี้ที่ดีและมีฝีมือยังคงมีอยู่ เหมือนเพชรเม็ดงามที่หาได้ยาก แต่เมื่อพบแล้วก็ทำให้เกิดการตื่นตัว ไปทั่ววงการ อาจถือได้ว่า #รอมแพง หรือ จันทร์ยวีร์ สมปรีดา หญิงสาวจากนครศรีธรรมราช เป็นคลื่นลูกใหม่ในแวดวงวรรณกรรมไทย สำหรับคนอ่านที่ห่างหายจากการเสพวรรณกรรมไทยไปนานโขด้วยพักหลังๆ รู้สึกว่างานของนักเขียนรุ่นใหม่อาจจะไม่ค่อยพิถีพิถันในเรื่องของการใช้คำและการผูกเรื่องได้ดีนัก รอมแพงทำให้อยากหวลกลับมาเสพวรรณกรรมไทยอีกครั้ง

-ทำให้รู้ว่างานสร้างสรรค์ที่ดีๆ มันต้องมาให้ถูกที่ ถูกจังหวะ ถูกเวลา บุพเพสันนิวาสอาจไม่ใช่ละครคุณภาพเรื่องแรกที่สร้างกระแสผู้ติดตามอย่างล้นหลาม แต่หากได้เรียนรู้ถึงที่มาที่ไปในขั้นตอนตั้งแต่การเตรียมงาน การคัดเลือกผู้เขียนบท การคัดเลือกนักแสดง การคัดเลือกผู้กำกับ หรือแม้แต่ขั้นตอนและระยะเวลาในการค้นคว้าหาข้อมูลของผู้ประพันธ์ก็ดี หรือผู้เขียนบทก็ดี การทำการบ้านของผู้กำกับและนักแสดงก็ดี หลายๆ อย่างที่นำมาประกอบกันนี้มีส่วนทำให้ละครเรื่องนี้มีส่วนผสมคุณภาพที่นำผสมผสานกันให้กลมกล่อมลงตัวพร้อมสำหรับระเบิดสู่ความกระแสฟีเวอร์ แต่การเลือกช่วงเวลาได้อย่างเหมาะเจาะเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นโชคดีหรือมาจากการวางแผนก็ตาม ก็ช่างประจวบเหมาะราวบุพเพสันนิวาส ทำให้กระแสการตอบรับเกินความคาดหมาย

-ทำให้รู้ว่า คนไทยนั้นมีคาแรคเตอร์ร่วมในการเป็นคนที่รักความสนุก ชอบความสบาย (ใจ) และชอบอะไรที่น่ารื่นรมย์มากกว่าจะความเคร่งเครียดและเคร่งครัด บุพเพสันนิวาสจึงอาละวาดทั่วไทยอย่างไม่มีอะไรมารั้งได้เลย

แน่นอน ตราบใดที่ละครยังไม่จบ กระแสหรือบุพเพสันนิวาสฟีเวอร์ก็ยังจะคงดำเนินต่อไป และก็อาจมีคำวิพากษ์วิจารณ์ออกมาจากผู้ที่รู้ลึกรู้จริงในแง่มุมอื่นๆ บ้างเช่นกัน อย่างเช่นคำวิจารณ์ว่าตัวละครชาวต่างชาติแต่งกายผิดยุคไปถึงสองร้อยปี หรือฉากบางฉากในละครไม่ถูกต้องตามความเป็นจริง ก็เป็นสิ่งที่คนทำงานต้องพบต้องเจอ และผู้เสพก็ควรทำความเข้าใจด้วยว่าไม่มีอะไรที่จะถูกต้องสมบูรณ์แบบร้อยล้านเปอร์เซนต์ และการถูกวิพากษ์วิจารณ์ก็เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสรรค์ที่อาจจะนำไปใช้พิจารณาในการทำงานคราวต่อไปได้

กระแสความดังและความคลั่งไคล้ในละครบุพเพสันนิวาส สร้างจุดสนใจร่วมให้คนไทยที่กระจัดกระจายไปหลายๆสื่อได้อีกครั้ง แม้ว่ากระแสนี้มันอาจอยู่ได้ไม่นานมากนัก เพราะในยุคสมัยปัจจุบันนี้นั้น สื่อหลายๆ อย่างที่เกิดขึ้นและดับไปในเวลาอันรวดเร็ว แต่ก็หล่อหลอมสังคมไทยให้เป็นหนึ่งเดียวท่ามกลางความแตกสานซ่านกระเซ็นในการเสพสื่อของยุคสมัยนี้