THAI FIGHT HOTEL โรงแรมธีมมวยไทย อวดศักดา Soft Power แห่งสยาม

120

เวทีมวยที่อัดแน่นด้วยแสง สี เสียง จัดเต็มด้วยความบันเทิง นำเสนอความสด ใหม่ ทันสมัย พร้อมลวดลายของนักชกที่คัดสรรมาแล้วว่าได้รับชมครั้งใด เวทีจะต้องลุกเป็นไฟ สร้างปรากฎการณ์ครั้งสำคัญในวงการมวยไทยในระดับสากล

นี่คือ THAI FIGHT ในช่วงตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีที่ผ่านมา และต่อจากนี้ไป ชื่อของ “THAI FIGHT” จะไม่หยุดอยู่แค่อีเว้นต์การแข่งขันมวยไทยอีกต่อไป

พลิกโฉมวงการมวยไทย ไฉไลสู่สากล

รายการแข่งขันมวย THAI FIGHT ได้สร้างปรากฎการณ์ใหม่ในแวดวงกีฬาในประเทศไทย นอกจากการยกระดับมวยไทยสู่การยอมรับในระดับสากล สามารถดึงดูดผู้คนให้หันมาสนใจในศิลปะการต่อสู่ของมวยไทยแล้ว ยังพลิกสถานการณ์ในวงการสื่อโฆษณาสำหรับรายการมวยทางทีวี ที่เคยตกต่ำมากว่า 30 ปี จากค่าโฆษณาเพียง 7,000-8,000 บาทต่อนาที เพิ่มสูงเป็น 450,000 บาท เปลี่ยนภาพลักษณ์จากสปอนเซอร์หลักที่เคยเป็นสินค้าทางการเกษตร  สู่แบรนด์ยักษ์ใหญ่ระดับประเทศ ไม่ว่าจะเป็น  ช้าง โออาร์ อีซูซุ  การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย  ฯลฯ ยกระดับค่าตัวนักมวยจาก 7,000-8,000 บาทสู่หลักล้านต่อไฟท์

THAI FIGHT คือ เวทีการแข่งขันมวยไทยภายใต้การบริหารงานของ “นพพร วาทิน” ผู้สร้างตำนานศิลปะการต่อสู้ของมวยไทย และสร้างประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ให้กับวงการมวยไทยด้วยสถิติผู้ชมในสนามมากกว่า 80,000 คน มีผู้ชมทั้งในประเทศและต่างประเทศไม่ต่ำกว่า 100 ล้านคน ครองเรตติ้งอันดับหนึ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จนได้รับการยอมรับว่าเป็นการจัดการแข่งขันมวยไทยที่ดีที่สุดในโลก

นพพร วาทิน

THAI FIGHT เป็นทัวร์นาเม้นท์มวยไทยระดับโลกที่เริ่มจัดรายการแข่งขันมาตั้งแต่ปี 2553 และเริ่มออกสู่เวทีต่างประเทศในปี 2554 จนเกิดกระแสการตอบรับที่ดีมาก จนสามารถขยายไปใน  30 ประเทศ มีผู้ชมมากว่า 10,000 คนต่อครั้ง สร้างการรับรู้แบรนด์ “ไทยไฟท์” และ “มวยไทย” ได้อย่างกว้างขวางเกิดกระแส “THAI FIGHT” ปรากฎการณ์ไทยไฟท์ที่ผู้ชมส่งเสียงเรียกร้องอย่างกึกก้อง ส่งผลต่อธุรกิจสินค้า อาทิ เสื้อผ้า อุปกรณ์มวย (เมอร์เชนไดส์) มียอดขายที่พุ่งสูงอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันแบรนด์ THAI FIGHT มีสินค้ากว่า 300 รายการ

กล่าวได้ว่า หลังจากวางรากฐานแบรนด์ THAI FIGHT จนประสบความสำเร็จทั้งตลาดเมืองไทยและระดับสากล ก้าวต่อไปจากนี้ คือการขยายแบรนด์ THAI FIGHT สู่ความเป็นแบรนด์ระดับสากล โดยอาศัยพลังแห่ง Soft Power ที่พิสูจน์ให้เห็นได้จริง

THAI FIGHT HOTEL โรงแรมธีมมวยไทย

ล่าสุดกับการเปิดตัวอย่างเป็นทางการกับโรงแรมธีมมวยไทยริมชายหาดแห่งเดียวในโลก ที่นำเสนอศิลปะการป้องกันตัวของมวยไทยไว้ในส่วนต่าง ๆ ของโรงแรม ถือเป็นการออกสตาร์ทอย่างสง่างาม ในนามของการหนุนแบรนด์ไทยไฟท์ ให้เป็นได้มากกว่ากีฬามวย

นายนพพร วาทิน ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยไฟท์ จำกัด เปิดเผยว่า  โรงแรม THAI FIGHT HOTEL เกาะสมุย โรงแรมหรูระดับ 4 ดาว ภายใต้ธีม “มวยไทย” โรงแรมตั้งอยู่ ณ หาดละไม เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี นำเสนอศิลปะมวยไทยขยายไปสู่ระดับโลกภายใต้คอนเซปต์ THAI FIGHT SOFT POWER  จากศิลปะการต่อสู้ด้วยมวยไทย หมัด เท้า เข่า ศอก ซึ่งเป็นศิลปะที่งดงาม เข้มแข็ง และเต็มไปด้วยพละกำลัง ได้รับการยอมรับว่าเป็นศาสตร์การต่อสู้ป้องกันตัวแนวตั้งที่ดีที่สุดในโลก

ช่วงที่ไปมีฝนตกแต่ชายหาดหน้าโรงแรมก็ยังสดสวย

“ผมตั้งใจสร้างไทยไฟท์ให้เป็นหนึ่งในตำนานแห่งมวยไทย  เพื่อให้นานาชาติเราได้หลงรัก เรียนรู้และสัมผัสถึงศิลปะมวยไทยของเรา ซึ่งเราสามารถพูดได้ว่าทำได้สำเร็จอย่างงดงาม คนทั่วโลกต่างรู้จักมวยไทยเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย  และ THAI FIGHT SIGNATURE PROJECTS คือพลังแห่ง SOFT POWER ที่มีพลังมหาศาลของประเทศไทยที่จะไปดึงเอาเม็ดเงินมาจากนักท่องเที่ยวทั่วโลกได้จริง”

THAI FIGHT HOTEL เกาะสมุย  ตั้งอยู่บนพื้นที่เกือบ 5 ไร่ มีความยาวของชายหาดเกือบ 500 เมตร ตัวอาคารประกอบด้วย อาคาร 3 หลัง มีจำนวนห้อง 50 ห้อง และ 4 พูลวิลล่า โดยแต่ละส่วนของโรงแรมจะเป็นสไตล์ไทยโมเดิร์น  ห้องพักทุกห้องเป็นธีมมวยไทย มีกระสอบทราย นวม มงคลสวมศีรษะ และ ประเจียดแขน

นอกจากนั้น โรงแรมยังมีบริการด้านต่าง ๆ อาทิ  THAI FIGHT PHYSPORTS  สถานที่ฝึกสอนมวยไทย โดยนักมวยไทยชื่อดังของ  THAI FIGHT  โดยสามารถมาเรียนมวยตัวต่อตัวกับนักมวยไทยไฟท์ เป็นสิทธิพิเศษหนึ่งเดียวในโลก อาทิ แสนชัย, กิตติ, ป.ต.ท., เต็งหนึ่ง, ไทรโยค, สุดสาคร, น้องโอ, พยัคฆ์สมุย  ผ่อนคลายกับการแช่น้ำว่าน “นิรามัย” น้ำสมุนไพรเพื่อความผ่อนคลาย ผสานการนวดหนึ่งเดียวในโลกที่ผสมผสานศิลปะการต่อสู้แบบไทยและวิทยาศาสตร์การกีฬาเข้าด้วยกัน พร้อมลิ้มรสอาหารไทยดั้งเดิม ในบรรยากาศที่สุดแสนพิเศษริมชายหาดส่วนตัว จากร้าน “ฌัลล์” ไว้คอยบริการ”

สำรับอาหารไทยมื้อเที่ยงที่ “ฌัลล์”

แกงจีนจ๋วน

กางแผน 4 ธุรกิจ ภายใต้ร่ม THAI FIGHT

นายนพพร กล่าวว่า THAI FIGHT HOTEL เป็นก้าวสำคัญในการสยายปีกแบรนด์ “THAI FIGHT” แบ่งการขยายตลาดใน 4 กลุ่มธุรกิจ ประกอบด้วย

1.THAI FIGHT EVENT ธุรกิจหลักในการจัดรายการแข่งขันชกมวยไทยทั้งในและต่างประเทศ 8 ไฟท์ต่อปี งบลงทุนรวมประมาณ 150 ล้านบาท โดยมีแผนการเปิดรายตลาดหลักในต่างประเทศ คือ มณฑลซานตง ประเทศจีน รวมทั้งประเทศแถบตะวันออกกลาง

ตลาดใหญ่ที่ทำการเซ็นต์สัญญาทางธุรกิจแล้ว คือ มณฑลซานตง จีน โดยจะมีการจัดรายการแข่งขันมวยไทยไฟท์ และการถ่ายทอดผ่านช่องทางออนไลน์ ภายในต้นปี 2566

2.THAI FIGHT ASSET ธุรกิจโรงแรม และยิม โดยล่าสุดได้เปิดตัวโรงแรม THAI FIGHT HOTEL เกาะสมุย โรงแรมธีมมวยไทย บนหาดละไม เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ด้วยงบลงทุนกว่า 1,000 ล้านบาท พร้อมสถานที่ฝึกมวยไทย โดยคาดว่าจะเป็นโมเดลที่สามารถขยายแบรนด์ไปสู่เมืองท่องเที่ยวทั่วประเทศไทยได้ภายในปี 2567

สำหรับการลงทุนในธุรกิจโรงแรม ไม่เน้นการลงทุนเอง แต่จะนำเชนโรงแรมไทยไฟท์ เข้าไปปรับปรุงและบริหาร เพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับโรงแรมเดิมที่มีอยู่ เช่นเดียวกับโรงแรมไทยไฟท์ เกาะสมุย ซึ่งรีโนเวทจากโรงแรมเมอร์เคียว สมุย

ส่วนการขยายธุรกิจโรงแรมไปยังต่างประเทศภายใน 2 ปีข้างหน้า มีเป้าหมายที่จีนและกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เน้นโรงแรมขนาดเล็กขนาดไม่เกิน 100 ห้อง นำเสนอภาพลักษณ์ความเป็นไทยผ่านมวยไทยอันเป็นที่ชื่นชอบของคนทั่วโลก

อีกส่วนหนึ่งใน THAI FIGHT ASEET คือ THAI FIGHT GYM ธุรกิจยิมมวยไทยมาตรฐานสากล โดยอาศัยนักมวยไทยไฟท์ที่มีประสบการณ์เป็นผู้ฝีกสอน ทั้งในระดับพื้นฐานจนถึงระดับมืออาชีพ โดยคาดว่าจะสามารถเปิดยิมในเมืองไทยได้ถึง 100 แห่งทั่วประเทศ เนื่องจากใช้พื้นที่เพียง 300-400 ตารางเมตร ใช้งบลงทุน 5-7 ล้านบาทต่อสาขา โดยคาดว่าภายในปี 2566 จะมียิมไทยไฟท์ในเมืองไทย ประมาณ 40-50 จุด รวมทั้งการขยายยิมในต่างประเทศ เช่น มณฑลซานตุง จีน ที่ช่วยเพิ่มศักยภาพในการขยายตลาดนอกจากการจัดรายการแข่งขันและการจำหน่ายสินค้า

3.THAI FIGHT BEVERAGE กลุ่มธุรกิจเครื่องดื่ม โดยได้เปิดตัวน้ำดื่ม THAI FIGHT ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว จำหน่ายและให้บริการในโรงแรม ยิม และอีเว้นต์ของไทยไฟท์ และจะขยายกลุ่ม Sport Drink พร้อมขยายสู่ช่องทางค้าปลีกในปี 2566

4.THAI FIGHT ONLINE ธุรกิจที่ดูแลการขายลิขสิทธิ์ในช่องทางออนไลน์ของไทยไฟท์ทั้งในและต่างประเทศ

หนุน Soft Power  สยายปีกเข้าตลาดหลักทรัพย์

ปัจจุบันบริษัทฯ มีรายได้ 500 ล้านบาท แบ่งเป็นอีเว้นต์ 300-400 ล้านบาท การขายสินค้า 100 ล้านบาททั้งนี้ในปี 2566 คาดว่า จะมีรายได้จากการขยายธุรกิจแบรนด์ THAI FIGHT เป็น 1 พันล้านบาท เพิ่มรากฐานที่แข็งแกร่งก่อนเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ภายในปี 2567

สำหรับ THAI FIGHT HOTEL ถือเป็นการเปิดประสบการณ์การพักผ่อนรูปแบบใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน  พรั่งพร้อมด้วยความสะดวกสบายและบริการอันน่าประทับใจ

เป็นอีกช่องทางให้นักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติได้เข้ามาสัมผัสกับเสน่ห์ของศิลปะการต่อสู้ของมวยไทยที่ทั่วโลกรู้จักกันดี และมีศักยภาพพร้อมที่จะผลักดันพลัง Soft Power ของไทยได้อย่างแท้จริง