จากกระแสความตื่นตัวด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นทั่วโลก ส่งผลต่อพฤติกรรมของผู้บริโภคในการเลือกซื้อสินค้า ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับพันธกิจหลักของยูนิลีเวอร์ ในฐานะผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภครายใหญ่ของโลก ที่ไม่หยุดพัฒนาและคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อผลิตสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
โดยล่าสุด ประเทศไทยได้รับเกียรติเป็นประเทศแรกในการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ล้างจาน “ซันไลต์ เลมอน เทอร์โบ” สูตรใหม่ทั้งสะอาดและรักษ์โลก โดยยูนิลีเวอร์ให้ความสำคัญกับประเทศไทยเป็นอันดับต้นๆ และแบรนด์ซันไลต์เป็นผลิตภัณฑ์ล้างจานยอดนิยมอันดับ 11 อยู่ในประเทศไทยมากว่า 90 ปี โดยซันไลต์สูตรใหม่นี้ ได้ปฏิวัติผลิตภัณฑ์ล้างจาน สามารถขจัดคราบฝังแน่นได้เร็วขึ้นถึง 10 เท่า2 ด้วยเอนไซม์ที่ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ พร้อมจับมือโลตัสและแม็คโครผู้ประกอบการค้าปลีกและค้าส่งชั้นนำ ร่วมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ พร้อมแคมเปญ “รักสะอาด รักษ์โลก” เพื่อกระตุ้นและส่งเสริมให้ผู้บริโภคชาวไทยตื่นตัวกับปัญหาสิ่งแวดล้อม
วรพักตร์ บรรเลงจิต รองประธานกรรมการบริหารการตลาดผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน กลุ่มบริษัท ยูนิลีเวอร์ในประเทศไทย มาเลเซีย และสิงคโปร์ เปิดเผยว่า จากการวิเคราะห์และสำรวจความเห็นผู้บริโภค พบว่าคราบฝังแน่นเป็นหนึ่งในคราบที่ทำความสะอาดยากที่สุดในการล้างจาน ทำให้ซันไลต์คิดค้นผลิตภัณฑ์ล้างจานสูตรใหม่ “ซันไลต์ เลมอน เทอร์โบ” ที่สามารถขจัดคราบฝังแน่นเร็วขึ้นถึง 10 เท่า2 พร้อมเอนไซม์สกัดจากธรรมชาติ 100% ที่สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติและรักษ์โลกกว่าเดิม ด้วยการลดการใช้สารทำความสะอาดที่มาจากปิโตรเคมีได้ถึง 5,000 ตันต่อปี3 ยิ่งไปกว่านั้น ยูนิลีเวอร์มีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีบรรจุภัณฑ์ที่สามารถนำมารีไซเคิลได้ 100% ภายในปี 2568 และผลิตภัณฑ์ที่สามารถย่อยสลายตามธรรมชาติได้ 100% ภายในปี 2573
“โดยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและซักล้างส่วนใหญ่ที่มีอยู่ในปัจจุบัน ใช้สารเคมีที่ทำมาจากวัตถุดิบตั้งต้นที่เป็นเชื้อเพลิงฟอสซิลซึ่งเป็นแหล่งคาร์บอนที่หมุนเวียนไม่ได้ การที่ยูนิลีเวอร์เปลี่ยนไปใช้แหล่งคาร์บอนหมุนเวียนหรือรีไซเคิลได้ในสูตรผลิตภัณฑ์ ถือเป็นการถอยห่างจากเศรษฐกิจที่พึ่งพิงเชื้อเพลิงฟอสซิลอย่างชัดเจน โดยเริ่มจากระดับมหภาค นโยบาย Clean Future คือบันไดสำคัญที่จะนำไปสู่คำมั่นสัญญาของเรา ผลิตภัณฑ์ของยูนิลีเวอร์ จะปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ภายในปี 2573” วรพักตร์ กล่าว
วรพักตร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ยูนิลีเวอร์ มีความมุ่งหวังใหม่ต่ออนาคตสะอาด หรือ Clean Future ด้วยเป็นนโยบายระยะยาวและโปรแกรมนวัตกรรมอันทันสมัยโดยฝ่ายผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน เพื่อเปลี่ยนวิธีการสร้าง ผลิต และบรรจุผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและซักผ้า ซึ่งทุกแบรนด์ของบริษัทเป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับจากทั่วโลก โดย Clean Future มีความโดดเด่นด้วยการนำหลักเศรษฐกิจหมุนเวียนเข้ามาใช้ทั้งในส่วนของบรรจุภัณฑ์และสูตรผลิตภัณฑ์ เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
ยูนิลีเวอร์ ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและซักผ้าชั้นนำ ได้ประกาศพันธกิจและเป้าหมายว่า จะเลิกใช้คาร์บอนที่ได้จากเชื้อเพลิงฟอสซิลในสูตรผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและซักผ้า 100% แต่จะใช้คาร์บอนหมุนเวียนหรือรีไซเคิลเท่านั้น การดำเนินการนี้มีขึ้นเพื่อเปลี่ยนความยั่งยืนของแบรนด์ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและซักผ้าระดับโลกทั้ง Omo (Persil), Sunlight, Cif และ Domestos
โดยการเปิดตัว ซันไลต์ เลมอน เทอร์โบ สูตรใหม่ในครั้งนี้ ยูนิลีเวอร์และซันไลต์ได้ผนึกความร่วมมือกับโลตัสและแม็คโคร ผู้ประกอบการค้าปลีกและค้าส่งชั้นนำในประเทศไทย จัดเต็มสื่อการขายและโปรโมชั่นสุดพิเศษเพื่อกระตุ้นและสื่อสารให้ผู้บริโภคชาวไทยตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อม จัดทำแคมเปญ “รักสะอาด รักษ์โลก” โดยเมื่อซื้อผลิตภัณฑ์ซันไลต์ เลมอน เทอร์โบ ทุก 1 ชิ้น ที่โลตัสและแม็คโคร ซันไลต์จะสมทบทุน 1 บาท เพื่อนำไปสนับสนุนโครงการต้นกล้าไร้ถัง ซึ่งเป็นโครงการที่ปลูกฝังเยาวชนที่จะเป็นต้นกล้าแห่งอนาคต ให้ตระหนักและใส่ใจในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เพื่อลดปัญหาขยะพลาสติกอย่างยั่งยืนด้วยหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน
1 การคำนวณยอดขายของ ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด ส่วนหนึ่งอ้างอิงจากดัชนีการค้าปลีกรายเดือน รายงานโดย NielsenIQ สำหรับผลิตภัณฑ์ล้างจานตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2562 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2565 ซึ่งเป็นข้อมูลของตลาดในประเทศไทยในเชิงมูลค่าและปริมาณ (Copyright © 2022, NielsenIQ (Thailand) Limited.)
2 จากผลทดสอบในห้องปฏิบัติการในการแช่คราบมาตรฐานแป้ง ชีส สปาเก็ตตี้ โดยเปรียบเทียบกับผลิตภัณฑ์ล้างจานของยูนิลีเวอร์ เมื่อพ.ศ. 2564
3 คำนวณจากค่าประมาณการปริมาณยอดขายสินค้าซันไลต์ เลมอน เทอร์โบ ในปี พ.ศ. 2564 เทียบกับสูตรเดิม
เกี่ยวกับยูนิลีเวอร์
ยูนิลีเวอร์เป็นหนึ่งในซัพพลายเออร์ชั้นนำของโลกด้านผลิตภัณฑ์ความงามและการดูแลส่วนบุคคล ผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน รวมถึงอาหารและเครื่องดื่ม โดยมียอดขายในกว่า 190 ประเทศและเข้าถึงผู้บริโภค 3.4 พันล้านคนต่อวัน มีพนักงาน 148,000 คน สร้างยอดขายได้ 52.4 พันล้านยูโรในปี 2564 กว่าครึ่งของพื้นที่บริการของบริษัทอยู่ในประเทศกำลังพัฒนาและตลาดใหม่ ยูนิลีเวอร์มีประมาณ 400 แบรนด์ที่พบอยู่ในทุกบ้านทั่วโลก รวมถึง บรีส, ซันซิล, คนอร์, โดฟ, ซันไลต์, วาสลีน, โอโม ไอศกรีมวอลล์ ลักส์, ซิตร้า, โคลสอัพ, คอมฟอร์ท, เทรซาเม่, เคลียร์, แอ็กซ์, เรโซน่า, พอนด์ส และแบรนด์อื่นๆ เช่น ไลฟ์บอย, เลิฟ บิวตี้ แอนด์ แพลนเน็ต, เซเว่นท์เจนเนอเรชั่น, เฮลล์แมนน์ และเซิร์ฟ
วิสัยทัศน์ของเราคือการเป็นผู้นำระดับโลกในธุรกิจที่ยั่งยืน และเพื่อแสดงให้เห็นว่าโมเดลธุรกิจที่มีเป้าหมายและเหมาะสมกับอนาคตของเรานั้นขับเคลื่อนอย่างมีประสิทธิภาพที่เหนือกว่าได้อย่างไร เรามีประเพณีอันยาวนานในการเป็นธุรกิจที่ก้าวหน้าและมีความรับผิดชอบ ย้อนกลับไปในสมัยของ วิลเลียม ลีเวอร์ (William Lever) ผู้ก่อตั้งของเรา ซึ่งเปิดตัวแบรนด์สบู่ ซันไลต์ (Sunlight Soap) ซึ่งเป็นแบรนด์ที่มีเป้าหมายแห่งแรกของโลกเมื่อกว่า 100 ปีที่แล้ว และเป็นหัวใจสำคัญของการบริหารบริษัทของเราในปัจจุบัน
Unilever Compass กลยุทธ์ทางธุรกิจที่ยั่งยืนของเรา ตั้งขึ้นเพื่อช่วยให้เราส่งมอบประสิทธิภาพที่เหนือกว่าและขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืนและมีความรับผิดชอบ โดยมุ่งมั่นที่จะ:
• ทำให้สุขภาพของโลกดีขึ้น
• ทำให้สุขภาพ ความมั่นใจ และความเป็นอยู่ของผู้คน และ
• มีส่วนทำให้เกิดโลกที่ยุติธรรมและเปิดกว้างทางสังคมมากขึ้น
ในขณะที่ยังมีอีกหลายสิ่งที่ต้องทำในปีที่ผ่านมา เราภูมิใจที่ประสบความสำเร็จในการเป็นผู้นำภาคส่วนในดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ของ S&P สถานะ ‘Triple A’ ในเกณฑ์มาตรฐานด้านสภาพภูมิอากาศ น้ำ และป่าไม้ของ CDP และได้รับการเสนอชื่อให้เป็นบริษัทอันดับต้นๆ ในการสำรวจ Global Corporate Sustainability Leaders เป็นปีที่ 11 ติดต่อกัน